เรื่องห่วย ๒
ช่วงที่ผ่านมารถเรามันอาการไม่ดีเลย พอเครื่องเบามันก็จะสั่นๆๆ อาการเริ่มแรกมันเริ่มจาก เวลาที่เครื่องเดินเบา (หรือที่เรียกว่า Idle อย่างเวลาจอดรอไฟแดง) รอบเครื่องยนต์ก็ตกไปที่ประมาณ ๕-๖๐๐ (ปกติเครื่องเดินเบาของรถเรามันจะอยู่ที่รอบประมาณ ๙๐๐ ถึงพันหน่อยๆ) แล้วก็จะมีอาการสั่นๆๆๆๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วเครื่องมันก็จะเร่งตัวเองดังบรื้นแล้วก็หาย (คล้ายๆกับเป็นคนที่มีอะไรไปติดคอ แล้วไอๆๆๆ ซักพัก อะไรที่ติดมันก็หลุดออกมา)

ทีแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หลังๆ อาการมันหนักขึ้น จนวันที่แวะไปเอาโทรศัพท์(ใหม่)ที่บ้านก๊อใหญ่ ขากลับเราขับตามรถก๊อออกมา เพราะไม่คุ้นทางกลัวหลง พอดีรถติดไฟแดง พอไฟเขียวก๊อผ่านไปได้ แต่รถเราไปไม่ได้เพราะเครื่องดับ เราสตาร์ทเครื่องใหม่ จะออกตัวมันก็ดับอีก เรามือไม้เริ่มสั่นทำอะไรไม่ถูก เราสตาร์รถติดๆ ดับๆ จนติดไฟแดงอีกรอบ

พอเราสตาร์ทรถติดอีกที ก็เลยรีบเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ทั้งๆ ที่จะต้องไปทางขวา เพราะคิดว่ารถจอดนิ่งๆ ต้องดับอีกแน่ๆ ยังไงต้องให้มันวิ่งๆไปก่อน เผื่ออาการสั่นสะอึกจะหาย ก็ พยายามไปช้าๆ แต่ให้รถได้วิ่งอยู่ตลอด กว่าจะถึงบ้านเล่นเอาเหงื่อแตกเพราะเวลาที่รถต้องเบรค ก็กลัวว่ารถจะดับอีก วันนั้นกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ (เราได้รู้วันนั้นเองว่าเวลาขับรถเนี่ย แม้ตอนที่การจราจรไหลลื่น เราก็ยังต้องเบรค ต้องชลอรถบ่อยมากจนนับครั้งไม่ถ้วนเลย)

หลังจากประสบการณ์รถดับคราวแรก เราก็เจออาการรถสั่นๆ ทำท่าจะดับบ่อยครั้งขึ้น ตอนแรกเราคิดว่าเกิดจากการเติมแกสโซฮอล์ (อุตส่าห์จะประหยัดตังค์เราและช่วยประหยัดตังค์ชาติ) ก็คิดว่าพอน้ำมันหมดถังแล้วจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเบนซิน ๙๕ เหมือนเดิม จะดูว่าอาการสั่นจะหายหรือเปล่า พอสัปดาห์ก่อนก็ได้เปลี่ยนกลับเป็น ๙๕ เหมือนเดิม อาการก็ยังไม่ดีขึ้น แถมรถยังไปเครื่องดับกลางถนน กลางที่จอดรถ กลางทางด่วน อีกตะหาก(ครั้งหลังๆ ที่รถดับนี้ ไม่มือไม้สั่นแล้ว เพราะชิน) พอวันจันทร์ที่ผ่านมาก็เลยตัดสินใจเอารถเข้าศูนย์

ตอนเล่าอาการให้ช่างฟัง เราถามเรื่องเติมน้ำมันแกสโซฮอล์ด้วย ช่างบอกว่ารถรุ่นเดียวกับเราบางคันก็เิติมได้ บางคันก็เติมไม่ได้ เติิมไปแล้่วมีปัญหาเยอะเลย แต่ถ้าเติมไม่ได้เติมเข้าไปปุ๊บ ถังแรกก็จะปรากฏอาการเลย อย่างเราเติมอยู่ตั้งหลายถังก็ไม่เป็นอะไร ไม่น่าจะเกี่ยวกับน้ำมัน เราิทิ้งรถไว้ที่อู่แล้วก็มาทำงาน ซักสายๆ เขาก็โทรมาแจ้งว่า Air Flow Meter เสีย ถ้าเปลี่ยนตัวใหม่ ค่าอะไหล่สองหมื่นกว่าบาท แต่จะซ่อมก็ได้ ค่าซ่อมสามพันกว่าบาท เราตอบได้อย่างไม่ลังเลว่า “ซ่อมค่ะ” พอไปรับรถจ่ายค่าซ่อม Air Flow Meter ไปสามพันเจ็ดร้อยสี่สิบห้าบาท (สามพันห้าบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม) เราถามช่างว่า ซ่อมแล้วจะใช้ได้อีกนานไหม ช่างบอกว่า ก็นานเหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นปี

เรานึกๆ ดูก็รู้สึกว่าซ่อม Air Flow Meter นี่มันคุ้นๆ เหมือนเคยซ่อมไปแล้ว เลยไปรื้อบิลเก่าๆมาดู ตอนปี ๐๒ แม่ไอโกะเคยเอารถเราไปซ่อมให้ที่อู่ประจำของเขาแถวๆ อ่อนนุช (อาการแบบเดียวกันเลยคือ เครื่องเดินไม่เรียบ เบาดับ แต่จำได้ว่าไม่อาการหนัก – หรือเราไม่ได้ปล่อยให้อาการหนัก – ขนาดนี้) อู่ที่ีว่านี้เป็นอู่ที่อดีตช่างประจำศูนย์ออกมาเปิด เขาคิดค่าซ่อม Air Flow Meter เบ็ดเสร็จ เจ็ดร้อยยี่สิบบาทถ้วน แสดงว่าเราเสีย “ค่าโง่” ให้ศูนย์ไปสามพันบาท สบายใจจริงๆ เลย

เราก็รู้นะว่าคนที่ไม่รู้เรื่องรถเรื่องเครื่องยนต์ศูนย์บริการหรืออู่จะแอบคิด “ค่าโง่” ได้ง่ายๆ (มั่วนิ่มเปลี่ยนอะไหล่ืทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา ไม่ยอมซ่อมเวลาชิ้นส่วนเสียเล็กๆ น้อยๆ) เราก็สู้อุตส่าห์เก็บบิลเก่าๆ ค่าอะไหล่, ค่าซ่อมรถฯลฯ เพื่อเอาไว้อ้างอิง–ป้องกันศูนย์บริการมามั่วนิ่มกับเรา แต่กลายเป็นว่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ดังที่ตั้งใจ แต่กลับกลายเป็นเครื่องเตือนใจเป็นหลักฐานยืนยันว่า เราโดน “ปล้น” ไปเท่าไหร่

เมื่อก่อนเราเครียดๆ ว่า พอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ตัวเองให้ได้ ก็คิดว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะอยู่ได้โดยไม่ลำบาก ตอนนี้คิดว่านอกจากต้องเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้่จ่ายต่างๆ เหมือนคนทั่วไปแล้ว คงต้องเก็บมากกว่าเดิม เพราะต้องเอาไว้เผื่อ “ค่าโง่” กับ “ค่าเฟอฟะซุ่มซ่าม” ด้วย