ประชุมเอดส์โลก
ช่วงนี้มีประชุมเอดส์โลก มีสื่อต่างชาติมาทำข่าวกันใหญ่ มีคนดังๆ มา อย่างนายโคฟี อันนันเลขาธิการสหประชาชาติ มีดาราอย่างแอชลีย์ จัดด์ ริชาร์ด เกียร์ (กรี๊ด…) นักร้องโคโค่ ลี นางงงามจักรวาล พวกคนดังๆ ก็ไปตามสถานที่เกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างวัดพระบาทน้ำพุ (อยู่จังหวัดอะไรนะ จำไม่ได้) โรงพยาบาลบำราษฎร์นราดูร ที่เป็นที่รักษาโรคติดต่อต่างๆ นอกจากโรคเอดส์ด้วย อย่างตอนที่มีโรคซาร์สระบาด เขาก็ส่งคนที่ติดเชื้อไปที่โรงพยบาลบำราษฎร์นี่แหละ

นอกจากพวกคนดังมาสร้างกระแส สร้างสีสรรแล้ว เราว่าการประชุมนานาชาติแบบนี้ พวกเอ็นจีโอสร้างสีสรรได้มาก เพราะจะมาจับกลุ่มถือป้ายอยู่แถวสถานที่จัดงาน ที่เราชอบมากๆ (รู้สึกว่าเก๋) คือดูเป็นม็อบอินเตอร์ จะต้องเขียนป้ายเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเขียนภาษาไทย สื่อต่างชาติไม่เข้าใจ เขาก็มีเขียนด่านายกบ้าง เช่นว่า นายกโกหก แต่พวกที่จัดงานก็ชื่นชมนายกซะ ก็เล่นประกาศบริจาคเงินปีละ ๑ ล้านเหรียญ ๕ ปีติดต่อกันให้องค์กรเอดส์ ใครล่ะจะกล้าด่า

เราว่าคนไทยมีความสามารถอย่างมากในการสร้างความประทับใจให้คน แต่มักจะไม่มีความอดทนทำอะไรให้ต่อเนื่อง ดูเวลาจัดงานใหญ่ๆ อย่างเอเปค (หรืออย่างงานเอดส์โลกครั้งนี้) คนชมกันให้ฮึ่ม ว่าจัดงานได้ดีน่าประทับใจ (หรือว่าเก่งแต่ “ผักชีโรยหน้า”) แต่จบงานแล้วก็เงียบหาย

ถ้าคนไทยมีความสม่ำเสมอ รู้จักทำอะไรให้ต่อเนื่องก็คงดี แต่นี่ชอบเป็นไฟไหม้ฟาง ตอนมีงานก็กระตือรือร้น ตื่นเต้นทำโน่นทำนี่กันยกใหญ่ พอไม่มีกล้อง(ทีวี)จับ ไม่มีไมค์มาจ่อปาก ความคิดจะทำอะไรดีๆ มันก็หาย ประเทศไทยถึงไม่ค่อยเจริญซักที

เด็กยุคใหม่กินนมวันละหกกล่อง

วันก่อนอ่านเรื่องเด็กไม่กินนมวัวก็โตได้ในมติชนสุดสัปดาห์ หมอบรรจบเล่าว่ามีเด็กที่แพ้นมบางคน กินนมวัวแล้วไม่โต เพราะมีอาการภูมิแพ้เยอะ พ่อแม่เอาไปรักษาโรคภูมิแพ้ หมอก็ให้ยามากิน ยาพวกนี้ไปกดการเจริญเติบโต พอเลิกนมวัวแล้ว อาการแพ้ลดลง แถมน้ำหนักเพิ่มขึ้น โตตามวัยอย่างเหมาะสม

บทความนี้เขาเขียนเป็นตอนที่สอง ต่อจากตอนแรกที่เอาเรื่องที่มหาจำลองเคยพูดไว้เรื่องประมาณว่า คนไทยไม่จำเป็นต้องกินนมวัว พ่อแม่สมัยนี้ถึงกับต้องบังคับให้ลูกกินนมวัววันละหกกล่อง อันนี้เราไม่ได้พูดเอง แต่เคยได้ยินจากหลายๆ ทาง เคยคุยกับพี่ที่ออฟฟิศเขาก็บอกว่าเขาก็ให้ลูกกินหกกล่องเหมือนกัน ประมาณว่าพ่อๆ แม่ๆ เขารู้กันว่ามันเป็นมาตรฐาน ต้องกินให้ได้ จะได้เติบโตแข็งแรง

เราว่าเรื่องนี้มันเป็น 2 extremes คือด้านหนึ่งก็ต่อต้านการกินนมวัวสุดขั้ว อีกด้านหนึ่งก็ส่งเสริมสุดขั้ว เราว่าไม่ดีทั้งสอง จะว่านมวัวไม่มีประโยชน์เลย หรือมีพิษร้ายอย่างที่โดนกล่าวหา ก็ฟังไม่น่าเชื่อถือ ไม่งั้นพวกฝรั่ง ไม่ป่วยกันหมดแล้วหรือ แล้วอย่าง (อดีต?)ขวัญใจคนไทย(ที่เห่อง่ายลืมง่าย)อย่าง ภราดร ศรีชาพันธ์ล่ะ เขายอมรับว่าที่ร่างกายแข็งแรงเติบโตขนาดนี้ได้ ก็เพราะนมและการออกกำลังกาย

แต่จะว่านมวัวดีทั้งหมด จนต้องทุ่มเทบังคับกันขนาดนั้น ก็เกินไป พ่อแม่ที่บังคับลูกว่าต้องกินนมวันละหกกล่อง วันไหนว่างๆ ลองกินนมให้ครบหกกล่องดูมั่งสิ จะรู้ว่าทำไมลูกๆ ถึงได้อิดออดๆ ขนาดนั้น อะไรที่มันมากไปก็ไม่ดี แล้วมาบวกกับเด็กบางคนที่มีอาการแพ้นม ยิ่งไม่ดีไปใหญ่ บางทีพ่อแม่ก็ลืมคิดไปว่า ลูกๆ ที่ป่วยเป็นภูมิแพ้เป็นประจำอาจมีสาเหตุจากนม ก็ลองๆ เปลี่ยน ลองๆ ลดดู อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาโรคก็ได้ สมัยนี้วิทยาการมันก้าวหน้ามากเกิน เชื่อหนังสือเชื่อตำรามาก จนบางทีก็ลืมฟังเสียงธรรมชาติ ลืมฟังเสียงสัญชาติญาณของตัวเอง

กลับมาเรื่องนมวัวอีกที ถึงได้ยินได้ฟังเรื่องว่านมวัวไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้มากมาย แต่ทุกวันนี้เราก็มีนมติดตู้เย็น แล้วก็กินโยเกิตบ่อยๆ เพราะเราคิดว่าเราต้องการแคลเซียม (ผู้หญิงอายุ ๓๐ ปีขึ้นไป แคลเซียมในร่างกายจะลดลงปีละ ๑% ถ้าไม่มีการเสริม อันนี้เป็นไปตามธรรมชาติ พออายุหกสิบปีแคลเซียมจะเหลือแค่ ๗๐% ทำให้เป็นโรคกระดูกผุ และการเสริมจะต้องทำแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป คือพยายามรับแคลเซียมอย่างสม่ำเสมอทางอาหารธรรมดาและอาหารเสริมเป็นประจำ)

แต่ในบทความหมอบรรจบ เขาบอกว่าในงาดำมีแคลเซียมเยอะ แม่ก็เลยเอาผงงาดำชง (เขาเรียกแบบนี้เปล่าไม่รู้นะ เป็นงาดำบดผสมน้ำตาลผสมแป้งเล็กน้อย กินเป็นเครื่องดื่มตอนเช้าหรือเวลาว่าง) มาให้เรา ตอนแรกเราก็ไม่อยากได้เพราะเห็นว่ามีน้ำตาล แต่ก็เอามาเพราะไม่อยากขัดใจแม่ วันก่อนเราไปเสิร์ชทางอินเทอร์เน็ต จะดูว่างาดำมีแคลเซียมเยอะจริงๆ หรือเปล่า แต่ยังเสิร์ชไปไม่ถึงไหน ส่วนใหญ่มีแต่ตำราทำอาหาร แต่เราอยากได้ข้อมูลประมาณ คุณค่าทางอาหารของงาดำมีอะไรบ้าง ประมาณนั้นมากกว่า ก็ต้องเสิร์ชต่อไป แต่คิดว่าก็น่าจะมีแคลเซียมเยอะระดับหนึ่ง เพราะมันไปปรากฎในส่วนผสมของอาหารเมนูแคลเซียมสูงด้วย

เตือนแม่ไอโกะ

พูดเรื่องแคลเซียมจากนมวัว แล้วนึกถึงไอโกะ แม่ไอโกะไม่ได้ให้ไอโกะกินนมวัว ตอนแรกเกิดมาก็ให้กินนมแม่ (วันแรกที่กลับถึงบ้านไอโกะเลยต้องอดนม เพราะพ่อมันเทนมวัวที่หมอจากโรงพยาบาลทิ้งไป และแม่มันยังไม่มีนมให้ลูกกิน ไอโกะร้องไห้สะอึกสะอื้น แถมไม่ได้กินอะไรเลย เพราะแม่มันซื่อบื้อ ไม่ทันคิดว่าเด็กยังไม่รู้หรอกว่านมเป็นยังไง ที่จริงเอาน้ำต้มสุกป้อนให้อิ่มๆ ท้องไปก่อนก็ใช้ได้ แต่พ่อแม่มันก็ปล่อยให้หิว โอ๋เท่าไหร่ก็ไม่เงียบ จนแม่มันร้องไห้ตามไปด้วย)

พอหลังๆ ก็ให้กินนมถั่วเหลืองคู่ไปกับนมแม่ ส่วนหนึ่งที่ไม่ให้กินนมวัวก็เพราะแม่ไอโกะก็อ่านพวกบทความเรื่องความอันตรายของนมวัวนี่แหละ อีกอันก็คงเป็นประมาณว่าแม่มันไม่ชอบกินนมวัว (ชอบนมถั่วเหลืองมากกว่า ซึ่งต่างจากเรา เพราะเรากินนมถั่วเหลืองไม่ได้เลย เราว่ามันเหม็นชิบเป๋ง พวกน้ำเต้าหู้ เต้าฮวยนั่นด้วย) พ่อแม่ไอโกะก็อ่านตำราเยอะ อะไรๆ ที่ว่าดีก็จะพยายามทำตาม อะไรที่ไม่ดีก็เลี่ยงซะ เราว่ากินนมถั่วเหลืองก็ดีมีโปรตีนสูง แต่อย่าลืมหาแหล่งแคลเซียมให้ไอโกะด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะไม่มีแคลเซียมพอไปสร้างกระดูกสร้างฟันที่แข็งแรง