สไปเดอร์แมน ๒
เมื่อวานไปดูสไปเดอร์แมน ๒ มา ได้ยินคนชมกันเยอะว่าดูสนุกตื่นเต้นเร้าใจ แต่ก็มีบางคนบอกว่าเวอร์ไป (อันนี้เราไม่ว่ากัน ก็หนังซูเปอร์ฮีโร่อ่ะนะไม่เวอร์ไม่ได้หรอก) แต่คงเป็นเพราะเชื่อคำชมมากไปทำให้คาดหวังเยอะ ช่วงครึ่งแรกก็เลยค่อนข้างผิดหวัง ไม่ค่อยชอบเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่อง ดูแล้วอึดอัด แต่พอผ่านไปซักครึ่งเรื่อง เราก็เริ่มรู้สึกว่าสนุกขึ้น

สไปเดอร์แมนภาคนี้เผชิญกับทางสองแพร่ง สับสนในชีวิตว่าตกลงจะไปทางไหนดี จะทำในสิ่งที่ถูกต้องพิทักษ์ความดีต่อไป ก็เจอกับความยากลำบากในชีวิตประจำวันปกติ ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ (ทำงานก็ไปสาย นัดแฟนก็ไปสาย ไปเรียนก็ไปสาย เพราะมัวไปทำความดีในฐานะสไปเดอร์แมนอยู่) แถมต้องปกปิดสถานะของตัวเองกับคนใกล้ชิด ในขณะที่ในฐานะสไปเดอร์แมนเอง ก็มีสื่อหนังสือพิมพ์คอยด่าว่า ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อจะขายข่าวตลอดเวลา คนหลายๆ คนก็เข้าใจสไปเดอร์แมนในทางที่ผิด

สรุปว่า สไปเดอร์แมนสับสนชักอยากเลิกเป็นซูเปอร์ฮีโร่ พอถอดใจสภาพความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็เสื่อมถอยไปด้วย ก็เลยกลับไปใช้ชีวิตเป็นคนปกติละเว้นภารกิจช่วยเหลือสาธารณะอยู่พักหนึ่ง จนได้ไปฟังสปีชจากป้า ประมาณว่า การยึดมั่นทำความดีนั้น เราต้องทำใจให้นิ่ง และบางทีก็ต้องยอมเสียสละสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด สไปเดอร์แมนคิดได้ก็เลยกลับมาช่วยสังคมเหมือนเดิม

เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก น่าจะเดาๆ กันได้อยู่แล้ว ตอนจบตัวร้ายต้องแพ้ พระเอกต้องช่วยปกป้องโลกได้ อย่างที่บอกไปว่าครึ่งแรกเรารู้สึกเบื่อๆ เพราะเราว่าเขาดำเนินเรื่องวกวนไม่ไปไหนซักที ครึ่งหลังถึงค่อยดีขึ้น เราว่าจุดเปลี่ยนอยู่ตรงฉากที่นางเอกนัดพระเอกไปที่ร้านกาแฟ เราชอบเรื่องตรงนี้มากที่สุด ประมาณ ฉันเปลี่ยนใจ เธอก็เปลี่ยนใจ สร้าง Dilemma ให้กับตัวละครแบบพอดิบพอดี พอหลังจากฉากนี้จังหวะของหนังดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่กึกกักๆ เหมือนช่วงแรก

ภาคนี้สไปเดอร์แมนต้องถอดหน้ากากบ่อยมากๆ จนเราคิดว่าแบบนี้ไม่นานต้องมีคนเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงจนได้ แล้วก็มีคนเห็นจริงๆ ด้วย เห็นกันเยอะเป็นคันรถ แต่ก็ยังไม่วายหยอดมุขปลอบใจซูเปอร์ฮีโร่ว่า “ไม่เป็นไรหรอก เราไม่บอกใคร” เราคิดว่าแหม เล่นเผยโฉมให้คนเห็นเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ให้นางเอกรู้ว่าสไปเดอร์แมนที่แท้จริงเป็นใครก็ใจร้ายเกินเหตุ สุดท้ายเขาก็ไม่ใจร้าย นางเอกเลยได้รู้ทั้งหน้ารู้ทั้งใจของสไปเดอร์แมน

สังเกตว่าเราเขียนมาตั้งเยอะ นี่ไม่ได้พูดถึงศัตรูของสไปเดอร์แมนเลย ทั้งๆ ที่ในพรีวิวก็เห็นตัวมนุษย์ปลาหมึกยักษ์ (Doctor Octopus) ออกมาสร้างความปั่นป่วนให้กับประชาชนนิวยอร์คซะมากมาย คนอื่นจะว่าไงไม่รู้ แต่เราแค่รู้สึกว่าตัวร้ายแค่นี้มันไม่สมศักดิ์ศรีของสไปเดอร์แมนเลยอ่ะ แต่จะว่าไปภาคก่อนนี้ (ซึ่งเราก็ลืมๆ ไปซะเกือบหมดแล้ว) ตัวร้ายก็ดูจะไม่ค่อยมีบทบาทกับเนื้อหาเท่าไหร่ (ไม่เหมือนอย่าง แบทแมน ที่ตัวร้ายจะมีบทบาทมีมิติมากกว่ามากๆ) ประมาณว่าสร้างขึ้นมาแค่ให้สไปเดอร์แมนมีกิจกรรมได้แสดงศักยภาพเท่านั้นเอง

พอหนังจบใครๆ ก็รู้กันหมดแล้วว่าสไปเดอร์แมนที่แท้จริงคือใคร (อย่างน้อยก็ทุกคนที่มีความสำคัญกับเรื่อง) ก็ต้องดูว่าภาคต่อไป เขาจะสร้างปมอะไร หาเรื่องอะไรใหม่ๆ มาหลอกเอาสตางค์คนดูอย่างเราอีก

นอกเรื่องหน่อย เมื่อวานเราได้รู้ว่าอย่างน้อยเมเจอร์ก็ทำตัวดีในสายตาเราขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาปรับปรุงสิทธิสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต คือจากเดิมถ้าใช้บัตรเครดิตเมเจอร์จะซื้อตั๋วลดราคาที่นั่งละ ๒๐ บาท แต่จะใช้ลดกับหนังที่เข้าสัปดาห์แรกๆ ไม่ได้ ซึ่งก็จะเหมือนกับบัตรลดที่ใช้เงินซื้อ ใบละ ๑๐๐ บาท ลดได้ ๒๐ ที่นั่ง ตอนนี้เขาเปลี่ยนใหม่แล้ว (ดีขึ้น) บัตรเครดิตเมเจอร์ใช้ลดราคาที่นั่งละ ๒๐ บาทได้กับหนังทุกเรื่องทุกรอบ เมื่อวานเลยดูสไปเดอร์แมนแค่ ๑๐๐ บาท :)