Company Trip นครนายก
สัปดาห์นี้ไปเที่ยวนครนายกกับที่บริษัทมา เขามีจัดทริปแบบนี้มา ๓–๔ ปีแล้ว เราไม่เคยไปเลย บางทีก็ตรงกับไปดำน้ำ บางทีก็ขี้เกียจ แต่คราวนี้เบี้ยวไม่ได้เพราะเราดันพลาดไปรับเป็นคนกรรมการจัดกิจกรรม แผนกเรามีวิศวกรไปน้อยมากๆ บอกว่าติดธุระมั่ง บอกว่าวันหยุดชอบไปเที่ยวของตัวเองมากกว่า (ทำยังก๊ะเราชอบไปเที่ยวกับคนที่ทำงานมากนักแหละ แหม...) แต่พวกดราฟท์ไปกันเยอะ ทั้งบริษัทไปกันร้อยคนนิดๆ

วันเสาร์รถออกจากออฟฟิศตอนเก้าโมง ทั้งๆ ที่นัดแปดโมง กะว่าจะให้ล้อหมุนตอนแปดครึ่ง คนที่มาสายสุดคือทอม กว่าจะหอบลูกหอบเมียมาได้ก็แปดโมงสี่สิบห้า แถมยังหายตัวไปไหนไม่รู้อีกตั้งเกือบสิบนาที พอทอมกลับมา ดันมีคนอยากจะไปห้องน้ำอีก ก็เลยต้องรอเขาอีก (งงมากๆ รอตั้งนานไม่เข้าจะมาเข้าเอานาทีสุดท้าย)

ระหว่างทางไปที่รีสอร์ท แวะเที่ยวสวนลุงทิพย์ ที่เขาปลูกดอกดาหลาและอื่นๆ แบบเกษตรธรรมชาติ กว่าจะไปถึงสวนลุง ก็ขับหลงไปหลงมา บวกกับที่ออกรถสายก็เลยไปถึงช้ากว่ากำหนดชั่วโมงหนึ่ง เลยมีเวลาเดินในสวนแค่แป๊บเดียว ที่สวนนี้มีดอกดาหลา กับ Bird of Paradise (เราไม่รู้จักหรอก แต่มีคนบอกว่าเรียกชื่อนี้) เป็นจุดขาย แล้วก็มีพวกไม้สมุนไพร ไม้ธรรมชาติ อื่นๆ ที่สวนนี้เขามีบ้านให้อยู่เป็นแบบ Home Stay ด้วย คืนละ 100 บาทต่อคน ลุงอายุเยอะแล้วแต่ท่าทางยังเป็นแบบวัยรุ่นเซอร์ๆ ไว้ผมยาว แถมตอนก่อนกลับลุงทิพย์ร้องเพลง เล่นกีตาร์ เป่าเมาธ์ออร์แกนให้ฟังซะด้วย

ออกจากสวนลุงทิพย์ก็ไปที่รีสอร์ท ถึงรีสอร์ทเกือบบ่ายโมง เอาของเก็บตามบ้านแล้วก็ออกมากินข้าว พวกผู้หญิงกับพวกที่มาเป็นครอบครัวได้ที่พักค่อนข้างสบาย แต่พวกผู้ชายบางกลุ่มต้องนอนห้องนอนรวมที่มีเตียงเป็นแถวๆ เหมือนเรือนนอนในค่ายทหาร และใช้ห้องน้ำรวม คนที่โดนนอนเรือนนอนแบบนี้คือเด็กในแผนกเราเอง มันมาบ่นๆว่าโดนแบ่งชนชั้น

กินข้าวกลางวันเสร็จก็มีกิจกรรม Walk Rally เราให้คนของรีสอร์ทหาเจ้าหน้าที่มาจัดให้ ก็แบ่งกลุ่มเล่นเกมเป็นฐานๆ ประเภทต่อของให้ยาวที่สุด ตักน้ำใส่ตุ่มรั่วๆ ลอดเชือกใยแมงมุม ฯลฯ เล่นเกมเก็บคะแนนแล้วมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แจกให้ตอนงานปาร์ตี้ตอนกลางคืน กว่าจะเล่น Walk Rally เสร็จก็เหงื่อแตกพลั่ก ได้เวลาพักกินของว่าง กินเสร็จบางคนก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวสำหรับปาร์ตี้ตอนกลางคืน บางคนก็ไปเล่นน้ำลำธารที่ผ่านรีสอร์ท (ไหลไปรวมกับแม่น้ำนครนายก)

กิจกรรมตอนกลางคืน มีประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ ประกวดชุดแฟนซีให้เข้ากับธีมของงาน (Green Nature) เราโดนมัดมือชกให้เป็นกรรมการตัดสินชุดแฟนซี (มีกรรมการ ๓ คน แผนกละคน เขาจะให้เป็นประมาณเดียวกับรายการตีสิบ กรรมการอีกสองคนเป็นผู้ชาย เขาเลยบอกให้เราสวมบทเป็นครูอ้วน)

ตามกำหนดช่วงแรกเป็นประกวดร้องเพลงชุดแรก แล้วก็ประกาศรางวัล Walk Rally (ทีมสีแดงได้รางวัลที่หนึ่ง ทีมสีม่วงได้รางวัลบู้บี้ ทีมเราสีชมพูไม่ได้รางวัลอะไรเลย) ตอนประกาศรางวัล Walk Rally ก็เริ่มมีลมพัดแรงสุดๆ แล้วฝนก็ลงเม็ด ต้องรีบวิ่งย้ายของกันวุ่นวาย เพราะเราจัดงานกันกลางแจ้ง (ตั้งแต่ตอนที่เตรียมงานกันตอนแรก ก็กังวลว่าฝนจะตก ทั้งวันก็ดูไม่มีทีท่า แต่สุดท้ายก็ตกจนได้) พอย้ายเข้าไปจัดกิจกรรมในร้านอาหาร ก็ทุลักทุเลพอดู เพราะที่นั่งไม่พอจำนวนคน บางคนก็เลยถือโอกาสหนีกลับไปนอน (เราหนีไม่ได้ เพราะยังต้องเป็นกรรมการชุดแฟนซี)

ตอนประกวดชุดแฟนซี แผนก Civil แต่งเป็นประมาณเจนกับทาร์ซาน แผนกไฟฟ้าแต่งเป็นมนุษย์หิน แผนกเราแต่งเป็นทหารพราน แผนกบัญชีมีสาวสวยใส่ชุดโทนสีเขียวมีองุ่นพวงโตประดับชุดมาด้วย เราให้คะแนนลำบากมากๆ เพราะตั้งใจกันทุกคน แต่สุดท้าย เราก็ให้แผนกเราคะแนนเยอะสุด เพราะเห็นว่ามันทุ่มเทมาก (บวกความลำเอียงเล็กน้อย) แผนกเราได้รางวัลฝ่ายชาย แผนก Civil ได้รางวัลฝ่ายหญิง

ตอนแรกที่วางแผนไว้ การประกวดร้องเพลงจะให้เป็นคะแนนมหาชน คือให้คนฟังโหวตให้คนชนะ แต่พอฝนตกคนก็หายไปเยอะ ที่เหลือก็มีแต่พวกเมาๆ ขึ้นไปร้องเพลงกันไม่ยอมปล่อยไมค์ สุดท้ายเลยไม่ได้ให้รางวัลประกวดร้องเพลง เราหลบไปนอนตอนเกือบเที่ยงคืน พวกที่เหลือยังเมามันกันไม่เลิก

เช้าวันอาทิตย์มีกิจกรรมล่องแพยางกับพายเรือคายัค เขามีรถปิคอัพมารับไปจุดที่ลงแพ ระยะทางล่องแพประมาณ ๕ กม. ใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที เราเพิ่งเคยล่องแพเป็นครั้งแรก น้าที่เป็นคนคัดท้ายบอกว่าช่วงนี้น้ำไม่ค่อยเยอะ เลยไม่ค่อยเชี่ยวเท่าไหร่ เขาให้เราช่วยๆ กันพายไปช่วงหนึ่ง แล้วก็มีปล่อยให้ลงเล่นน้ำอีกช่วงหนึ่ง ให้น้ำไหลพัดตัวเราไปเรื่อยๆ ช่วงน้ำตื้นๆ เขาต้องคอยเตือนให้ทำตัวราบๆ ขนานกับน้ำ ก็ยังไม่วายก้นกระแทกหิน แต่สนุกดีเหมือนกัน เขาว่าถ้าน้ำเยอะกว่านี้ จะสนุกกว่านี้ เพราะจะไหลเร็วมาก

เสร็จจากล่องแพ ก็กลับมาอาบน้ำเก็บของ กินข้าวกลางวัน แล้วก็ขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ระหว่างทางก็แวะที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่จังหวัดปราจีนบุรี (เราเพิ่งรู้ว่าปราจีนกับนครนายกอยู่ติดกัน) ให้เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์สมุนไพรไทยในตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (เป็นตึกเก่าที่สร้างสไตล์บาโร้ค เพื่อจะใช้เป็นที่ประทับของ ร. ๕ ตอนเสด็จปราจีน) ที่นี้มีร้านขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้ได้ซื้อของฝากด้วย (เราว่าการซื้อของฝากเป็นประเด็นหลักของการท่องเที่ยวไทยมากกว่าอะไรอย่างอื่น ที่ไหนมีนักท่องเที่ยวต้องมีตลาดขายของ เอ๊... หรือว่าต้องกลับกัน ที่ไหนมีตลาดขายของถึงจะมีนักท่องเที่ยว)

จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรก็มาแวะช็อปปิ้งกันอีกรอบที่ตลาดชะอม (จำชื่อผิดแหงๆ เลยหวะ ตลาดนี้อยู่ในนครนายกอ่ะนะ) เขาลงไปซื้อของกินกันเมามัน มีหน่อไม้เยอะเลย แล้วก็พวกผลไม้ สละ ขนุน ทอดมัน ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ (บรรดาของกินที่ขายตามจุดหลอกเอาตังค์นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯอ่ะนะ) ช็อปกันพอใจแล้วก็กลับกรุงเทพฯ

รถติดตรงแถวปทุมกับถนนวิภาวดีรังสิต กว่าจะถึงออฟฟิศก็หกโมงกว่า เจอน้องเชียร์ กับน้องแตงโม มาถ่ายละครอุ่นไอรักอีกแล้ว เราไม่ได้ไปมุงดูเขาถ่ายละคร เพราะกลัวหน้าไปโผล่ในกล้อง เดี๋ยวป้าๆ แถวนี้เปิดดูละครช่องเจ็ดกะจะดูน้องเชียร์ แล้วเจอหน้าเรา จะตกใจเป็นลมตายซะเปล่าๆ