เริ่มต้นอายุใหม่ด้วย Mandatory Overtime
บริษัทเราได้โปรเจ็คต์ใหม่ที่เมืองจีน ๒ โปรเจ็คต์ ตอนแรกเขาบอกว่าเป็น Duplicate Projects คือเป็น Plant ใหม่ทั้งคู่ ขนาดเดียวกัน สองโปรเจ็คต์เริ่มงานห่างกัน ๑ เดือน บริษัทเรารับทำงานนี้ในราคาค่อนข้างถูกเพราะอยากเปิดตลาดในจีน และความที่เป็น Duplicate Projects เขาก็คิดว่าสามารถออกแบบ Plant แรกให้เสร็จ แล้วก็จะก็อปปี้ไปใช้กับ Plant ที่สองได้ งานของ Plant หลังจะน้อยมาก คือเป็นแค่การแก้ไขปลีกย่อยหลังจากก็อปปี้เท่านั้น

เขาแบ่งงานกันว่า ๒ โปรเจ็คต์ซึ่งค่อนข้างใหญ่นี้ จะทำกัน ๓ ออฟฟิศ คือ แคนซัสซิตี้ (KC) ทำ Conceptual Design และ Management ช่วงแรกประมาณ ๒๐% ส่วนงาน Detailed Design แบ่งกันคนละครึ่งระหว่างออฟฟิศกรุงเทพฯ (BKK) กับออฟฟิศปักกิ่ง (BJO) ก็คนละ ๔๐% โดยหลังจากที่ KC จบช่วง Conceptual Design แล้ว BJO จะรับช่วง Management ต่อไป BKK เป็น Labour ของแท้ คอยแต่ทำตามคำสั่ง

ออฟฟิศที่ปักกิ่งเพิ่งเปิดใหม่เอี่ยม เขาโอนหัวหน้าแผนกเครื่องกล (Chief Engineer) จากแคนซัสไปเป็น Office Manager และที่ไปพร้อมกันอีกคนก็คือเมียของ Chief Engineer ตามสามีไปรับตำแหน่ง PDE Mechanical นัยว่าเป็น Win-Win Solution คือสำหรับบริษัทก็ไม่ต้องจ่ายค่าพา Spouse ของ Chief Engineer ไปอยู่ต่างประเทศ สำหรับเมียของ Chief Engineer ก็ได้โปรโมทไปรับตำแหน่งใหญ่กว่าเดิม เพราะเดิมเขาเป็นแค่ Assistant PDE (ในโปรเจ็คต์หนึ่งๆ จะมี Projct Manager ใหญ่สุด รองมาเป็น Engineering Manager แล้วก็เป็น PDE หรือ Project Discipline Engineer ซึ่งก็คือหัวหน้า Engineer ของแต่ละแผนก แล้วก็ Assistant PDE และ วิศวกรในทีม)

นอกจากพวกวิศวกรแล้วก็ส่ง Lead Designer ไปอีกหนึ่งคน ส่วนที่เหลือก็จะรับคนจีนมาทำงานทั้งหมด (ซึ่งสำหรับ Mechanical ก็จะหมายถึงวิศวกรประมาณ ๓-๔ คน ดราฟท์เตอร์ประมาณ ๑๐ คน) เขาวาดฝันไว้ว่าจะสามารถจ้างและเทรนพนักงานจีนให้มีความรู้ทั้งด้านออกแบบโรงไฟฟ้าและความคุ้นเึคยกับโปรแกรของบริษัทที่ใช้ในการทำงานได้ทันกับ Schedule ยี่สิบกว่าเดือนที่กำหนดไว้

ข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับสองโปรเจ็คต์นี้มีมาเป็นระลอก เิริ่มจาก...

๑. โปรเจ็คต์นี้ต้องทำเอกสารเป็นภาษาจีน – ทาง BJO ก็ต้องจ้างคนมาแปลเอกสารทั้งหมดจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีน อุปสรรคด่านแรกที่เจอคือ Spec ที่ของที่จะต้องซื้อซึ่งบริษัทเรามี Package มาตรฐานเป็นภาษาอังกฤษ ก็เอามาใช้เลยไม่ได้ ต้องส่งไปแปลเป็นจีนก่อน Issue ให้ Vendor ก็ปรากฎว่ามี Spec รอแปลเป็นภาษาจีนเป็นตั้งๆ อุปสรรคที่จะตามมาคือการทำ Drawing เป็น ๒ ภาษา (ซึ่งจะเจอทั้งปัญหาการแปล และปัญหาการจัด Layout ของ Drawing)

๒. โปรเจ็คต์นี้ต้องออกแบบตาม KKS – KKS เป็นระบบการเรียกอุปกรณ์ต่างๆ (นับพันๆ หมื่นๆ ชิ้น) ในโรงไฟฟ้าตามระบบของเยอรมัน ความจริงเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาใหญ่ถ้าบริษัทเราเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่ได้มีระบบการเรียกอุปกรณ์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่บริษัทเราดันเป็นบริษัทเ่ก่าแก่ด้านการออกแบบโรงไฟฟ้า เลยสามารถคิดค้นระบบของตัวเองออกมาแล้วก็ใช้กันอย่างเคยชิน แถมออกแบบโปรแกรมและ database ต่างๆ ตามระบบนี้อีกตะหาก พอต้องมาใช้ระบบมาตรฐานอย่าง KKS ไอ้เจ้า database ต่างๆ ที่มีอยู่ก็ต้องถูกแก้ไขให้ใช้กับ KKS ก็เกิดปัญหากันระเบิดเถิดเิิทิง (โปรเจ็คต์ล่าสุดที่ต้องทำตาม KKS บริษัทก็ขาดทุนไปหลายล้านเหรียญ – ถึงแม้จะมีคนบอกว่า ที่ขาดทุนระเบิดเถิดเทิงนั้นเนื่องจากเหตุผลอื่น แต่เราว่า KKS ก็เป็นตัวเร่งปฏิกริยาด้วย) นี่แค่ปัญหาทางเทคนิคนะ ยังมีปัญหาเรื่องความมั่วของคนเื่นื่องจากไม่ยอมศึุกษาระบบ KKS ให้ละเอียดทำให้ทำ Drawing ออกมาผิดๆู ถูกๆ อีกตะหาก

๓. Owner บอกว่า สองโปรเจ็คต์ที่นี้จะใช้ CT คนละยี่ห้อ – อันนี้ไม่ใช่แค่ “ข่าวไม่ค่อยดี” แต่มันคือ “นรก” เพราะการออกแบบโรงไฟฟ้านั้น อุปกรณ์หลักที่กำหนดทิศทางการออกแบบมีอยู่ไม่กี่ตัว คือ CT หรือ Combustion Turbine (บางคนเรียก Gas Turbine) Boiler (อันนี้ คือ แผนกที่พี่ปุ๊กเป็นหัวหน้าอ่ะนะ) แล้วก็ Steam Turbine/Condenser (สำหรับ Combined Cycle Plant) อ่านแล้วไม่ต้องเวียนหัวนะ เอาเป็นว่า ถ้าใช้ CT คนละยี่ห้อ ก็หมายถึงว่าจะก็อปปี้แบบของโปรเจ็คต์แรกไปใช้กับโปรเจ็คต์ที่สองไม่ได้แล้ว และที่ต้องตกนรกขุมลึกกว่าคือ Owner ไม่ยอมจ่ายตังค์ค่า Engineering เพิ่มด้วย ดังนั้นคำว่า “จะใช้ CT คนละยี่ห้อ” นี้ก็มีคนคำนวณออกมาว่าสองโปรเจ็คต์นี้จะเริ่มต้นที่ขาดทุนประมาณ ๒ ล้านเหรียญ

เหตุการณ์ต่างๆ ที่ว่านี้มันเกิดขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเราไม่ค่อยได้ให้ความสนใจอะไรกับมันมากนัก ทั้งๆ ที่เราต้องทำหน้าที่ Coordinate กับทาง KC (เพราะพี่คนที่เป็น Lead ของ BKK ตัวจริงถูกส่งไปเทรนที่ KC ประมาณ ๒ เดือน) ก็งานของโปรเจ็คต์เดิมที่เราทำอยู่ยังไม่จบไง (และทาง KC ลดวิศวกรของโปรเจ็คต์เก่านี้ด้วย งานต่างๆ ที่ต้องใช้แรงก็มาตกหนักที่เรา – ที่จริงตอนที่ยังไม่ลดคน งานก็ตกหนักที่เราเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้จะจ่ายโหลดไปให้ใคร) ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ หัวหน้าเราดันคิดว่าเราว่างแล้ว เขาไปคุยกับพี่คนที่เป็น Lead เป็นวรรคเ็ป็นเวรว่า เราน่าจะแบ่งเวลา ๘๐% ไปทำโปรเจ็คต์ใหม่ได้ เราเลยหมดความอดทน (หลังจากที่ต้องรับโหลดสองโปรเจ็คต์ และทำ Overtime แบบ Volunteer มาพักหนึ่งแล้ว) เราเลยต้องบอกว่าใครบอกว่าฉันว่าง เวลา KC ส่งงานมาเขาไม่ได้ CC คุณอ่ะ จะให้ทำอะไรของโปรเจ็คต์ใหม่ก็ได้นะ แต่ต้องรอตามคิว ถ้าจะเอาเลยต้องไปให้คนอื่นทำ

ล่าสุดเราได้ข่าวอัพเดทโปรเจ็คต์ใหม่จาก Management ว่าต้องเปลี่ยนแผน เพราะหลังจากผ่านไป ๒ เดือน BJO เพิ่งจ้างและเทรนวิศวกรกับดราฟท์เตอร์ได้อย่างละคน ไม่มีทางจะหาคนมาทำงาน Detailed Design ใน Scope เดิมของ BJO ได้ ประกอบกับตอนนี้งานที่ได้กลายเป็น ๒ โปรเจ็คต์แท้ๆ แล้ว ไม่ใช่ Duplicate Projects จากเดิมที่เซ็ตเป็นทีมเดียวก็จะต้องแตกเป็น ๒ ทีม หน้าที่ความรับผิดชอบของ BJO ก็จะลดลงเหลือแค่งาน Procurement และแปลเอกสาร แล้วโอนงาน Detailed Design ทั้งหมดของโปรเจ็คต์แรกมาให้ BKK ส่วนโปรเจ็คต์ที่สองยังไม่ตัดสินใจว่าให้ใครจะทำ (ที่จริงคือยังหาคนทำไม่ได้)

จากเดิมที่ออฟฟิศเราก็ค่อนข้างจะงานท่วมหัวเพราะต้องซัพพอร์ทโปรเจ็คต์ต่างๆ ที่ KC ส่งมาให้ พวกดราฟท์เตอร์ต้องทำโอเวอร์ไทม์มาเป็นเดือนแล้ว พอเจองานที่โอนจาก BJO มาเพิ่ม เขาก็เลยบังคับทำโอเวอร์ไทม์ให้ขยายวงมาที่วิศวกรอย่างเราด้วย (และคงมีการจ้างคนด้วย) วันนี้เขาออกประกาศว่า ทุกคนในแผนกเครื่องกลจะทำ Mandatory Overtime (วันจันทร์ถึงพฤหัสทำวันละ ๑๐ ชั่วโมงและวันเสาร์ทำ ๘ ชั่วโมง) ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กันยายนถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ถ้าใครไม่สามารถทำได้ตามนี้ต้องแจ้งให้หัวหน้าทราบ เราอ่านอีเมลแล้วก็เซ็ง แค่ถึงเวลาเริ่มต้นอายุใหม่ก็รู้สึกเหนื่อยพอแล้ว ยังต้องเริ่มไปพร้อมๆ กับ Mandatory Overtime อีกตะหาก เฮ้อ...

พี่หนิงชอบว่าเราว่า ไม่เข้าใจว่าเราจะบ่นเรื่องบริษัทบังคับให้ทำโอเวอร์ไทม์ไปทำไม เพราะปกติเราก็ทำงานเิกินวันละ ๘ ชั่วโมงอยู่แล้ว (บางทีก็ชาร์จเป็นโอเวอร์ไทม์ บางทีก็ทำให้ฟรีๆ – ถ้าวันนั้นมัวแต่เมาธ์ที่เว็บบอร์ดหรือเขียนไดอารี่จนไม่ได้งาน) เขาบังคับแบบนี้ คือได้เงินเพิ่มแน่ๆ เราไม่สมควรบ่น แต่เราไม่ชอบการบังคับ และคิดว่าพอต้องทำงานเยอะๆ ชั่วโมงเป็น routine ประสิทธิภาพก็จะตก แล้วสมองก็จะเบลอ ประมาณว่าทำงานจนเรื่องงานมันบล็อกอยู่ในสมอง เลิกงานแล้วก็ยัง purge ไม่ออก ขนาดนอนแล้วก็เก็บไปฝัน แบบนี้มัน Mandatory Hell ชัดๆ