ปฎิเสธ / ถูกปฏิเสธ
เมื่อปลายเดือนที่แล้วเราได้รับอีเมลจากเว็บไซต์สมัครงานของเนชั่นจ๊อบ เขาขออนุญาตส่งเรซูเม่เราไปให้บริษัทที่ต้องการรับคน เราเคยเอาเรซูเม่ของเราไปแปะไว้ที่เว็บไซต์นี้นานแล้ว ก็เข้าไปดูว่าบริษัทอะไรที่สนใจเรซูเม่เรา เป็นชื่อบริษัทที่ไม่รู้จัก แต่เราก็อัพเดทประสบการณ์กับเงินเดือนให้เป็นปัจจุบันแล้วก็อนุญาตให้เขาส่งไปได้

ปรากฏว่าสองสามวันต่อมาก็มีฝรั่งติดต่อเรามาทางอีเมล บอกว่าจะขอสัมภาษณ์ เขาบอกว่าจะมาเมืองไทย ๒ ช่วง ช่วงละประมาณ ๔ วันถ้าเราสนใจ ให้ระบุวันที่ว่างไป เขาจะสัมภาษณ์ที่โรงแรม JW Marriott เราดูจากข้อมูลที่ได้มา ก็เดาว่าต้องเป็นบริษัทต่างชาติที่จะมาเริ่มเปิดออฟฟิศในเมืองไทย ก็อยากรู้ว่าเขาจะจ้างเราไปทำอะไรก็เลยตอบไปว่าจะไปสัมภาษณ์

พอเราไปเล่าให้แม่ไอโกะฟัง ก็โดนโวยวายว่า แกจะไปสัมภาษณ์งานได้ยังไง ต้องส่งเรซูเม่ไปหาดร. สมเกียรติก่อนสิ เราก็เลยกลับมาคิดๆ ว่า เออ นี่ความจริงถ้าเราเปลี่ยนงานไปในวงการวิศวกรรมเหมือนเดิม มันก็ไม่แตกต่างจากที่เราเป็นอยู่ จริงๆ ควรค้นหาให้เจอว่าเป้าหมายเราคืออยากทำอะไรและพยายามเดินเข้าหามัน แต่เราก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าเราอยากทำอะไร แต่ในที่สุดก็เลยเอาจดหมายที่เคยเขียนถึงดร.สมเกียรติค้างไว้ครึ่งฉบับมาเขียนต่อ

พอเขียนเสร็จก็แนบเรซูเม่ส่งเป็นอีเมลไปหาดร.สมเกียรติวันที่ ๙ เดือน ๙ (ประมาณเหมือนเป็นฤกษ์ดี แต่ที่จริงคือเขียนเสร็จก็ส่ง) พอวันรุ่งขึ้นดร.สมเกียรติก็ตอบมาแบบรักษาน้ำใจว่า ได้คนแล้ว และคิดว่าเราน่าจะไปได้ดีในทางวิศวกรรมมากกว่า อืมม์ ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว

พอโดนดร.สมเกียรติปฎิเสธ ก็หันมาสนใจว่าบริษัทที่เรียกสัมภาษณ์จะเป็นยังไง เราก็คุยๆ กับปิฯนิดหน่อยว่า พวกฝรั่งเนี่ย เขาเรียกไปสัมภาษณ์ที่โรงแรมมันผิดปกติไหม (กลัวเป็นขบวนการต้มตุ๋นเหมือนกัน) ปิฯก็แนะนำมายาวเหยียดเลย ว่าให้เช็คว่าบริษัทมีจริง ให้ดูว่าโรงแรมโอเคไหม ตอนไปสัมภาษณ์ให้อยู่ในที่ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย ประมาณในล็อบบี้ ในภัตตาคาร หรือห้องประชุมของโรงแรม พยายามอย่าอยู่สองต่อสอง อย่าขึ้นไปที่ห้องพักของคนที่มาสัมภาษณ์ ฯลฯ ถ้าระวังตามนี้ก็น่าจะโอเคที่จะไปสัมภาษณ์ที่โรงแรม

วันที่ไปสัมภาษณ์จริงคือเมื่อวาน เราไปถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อยก็ไปรอที่ล็อบบี้ โรงแรมที่เราไปคือ JW Mariott Resort & Spa อยู่ฝั่งธน เป็นความซวยของเราที่ไปเจอช่วงโรงแรมกำลังปรับปรุง เขาเจาะโน่นเจาะนี่เสียงดังไปหมด แค่นั่งรอไม่กี่นาทีเรายังหงุดหงิดน่าดู คิดในใจว่าเขาน่าจะกั้นส่วนที่กำลังก่อสร้างได้ดีกว่านี้ ไม่น่าปล่อยให้เสียงลอดเข้ามาเยอะขนาดนี้ เราเห็นแขกที่เป็นชาวต่างชาติมาโวยวายด้วย ว่าเมื่อไหร่จะหยุดเจาะซะที แต่มานึกอีกที เรานี่ไม่มีธรรมะเลย เขาเจาะของเขาอยู่ดีๆ เราดันเอาหูไปรองสว่านเอง

พอคนที่สัมภาษณ์มาก็ไปนั่งคุยกันที่ร้านอาหาร เขาก็เล่าให้ฟังว่าบริษัทเขาทำอะไร (ขาย Burner สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ทำกระจก พ่นสีรถยนต์ ฯลฯ) เขาต้องการจะมาเปิดออฟฟิศเพื่อเป็นสาขาของบริษัทแม่ในอเมริกา เป้าหมายคือจะบริการลูกค้าในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาบอกว่าออฟฟิศจะเปิดประมาณเดือนกุมภาปีหน้า ก็เลยจะมองหาวิศวกรที่ทำงาน Sales และ Service ลูกค้าที่ไซต์ คาดว่าจะจ้างคนประมาณ ๒-๓ ทำงานให้เขา

เราฟังแล้วร้องในใจว่า “โอ... โน” แต่ก็แอบดีใจหน่อยๆ คือทำให้สามารถตอบตัวเองได้ง่ายว่าไม่เอา ดีกว่า ๕๐–๕๐ แล้วต้องคิดหนักต้องต่อรอง เพราะงานมันไม่น่าสนใจสำหรับเราเลย ๑. เป็นงาน Sales ซึ่งเราไม่คิดว่าจะทำ (ขนาดให้เงินเดือนเยอะกว่าเดิมอีก ๓๐–๔๐% เรายังไม่อยากจะพิจารณาเลย) ๒. เขาบอกว่าออฟฟิศจะอยู่แถวสุขุมวิท ๓. คนที่สัมภาษณ์เราเป็นคนอังกฤษ (เขาเคยอยู่ที่เชฟฟิลด์ด้วยนะ บังเอิญเหมือนกัน)

ถึงเราจะไปเรียนที่อังกฤษ แต่มีประสบการณ์การทำงานที่เลวร้ายมากกับคนอังกฤษ บริษัทที่เราทำงานตอนนี้มีอเมริกันกับอังกฤษ คนอังกฤษมีแต่เทวดาทั้งนั้น ทำอะไรๆ ไม่เคยสนใจระบบไม่เคยสนใจคนอื่น สนใจอยู่อย่างเดียวคือ “กรูจะเอาแบบนี้” อวดดีและดูถูกคนอื่นเป็นที่สุด ถ้าให้เลือกเราคิดว่าคนอเมริกันดีกว่า ความจริงคนอังกฤษดีๆ ก็มี คนอเมริกันแย่ๆ ก็มี แต่กรณีที่ไปสัมภาษณ์นี้เราวัดเอาจากความรู้สึกของเราตอนที่ต้องสื่อสารกับเขาแล้วก็คิดว่า ถ้าเราต้องทำงานกับคนคนนี้ เรารู้สึกอยากทำไหม คำตอบก็คือเฉยๆ (เอียงไปด้าน “ไม่อยาก” หน่อยๆ ด้วยความมีอคติที่ว่าไปแล้ว)

จากข้อสรุปต่างๆ ที่เเราแอบลิสต์ไว้ในใจ เราก็ตอบตัวเองว่า “ไม่เอา” ได้หลังจากคุยไปได้ไม่ถึงสิบนาที เราก็บอกเขาไปตรงๆ แล้วก็เลยดูจะไม่มีเรื่องอะไรคุยต่อ ก่อนไปสัมภาษณ์เราก็เตรียมจะถามเขาหลายๆ เรื่อง เช่นว่า Benefit เป็นยังไง Working Culture เป็นยังไง แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะถามไปทำไม ก็เลยจบการสัมภาษณ์ลงสั้นๆ เขามีคนนัดที่สัมภาษณ์ต่อจากเราด้วยเหมือนกัน เป็นผู้ชาย หวังว่าเขาคงจะได้งานนี้เพราะถ้าไม่ได้เป็นคนอย่างเรา (desperate ที่จะเปลี่ยนงาน แต่ยังเรื่องมาก มี condition โน่นนี่อีกตรึม) ก็น่าจะเป็นงานที่โอเคในระดับหนึ่ง