พาวเวอร์เจ็นเอเชีย
วันนี้ไปงานพาวเวอร์เจ็นเอเชียมา เป็นงานสัมมนาและแสดงสินค้า–บริการสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้า เขาจะเปลี่ยนสถานที่จัดไปเรื่อยๆ ครั้งล่าสุดที่จัดเมืองไทยคือเมื่อประมาณ ๓–๔ ปีก่อน จัดที่ไบเทคบางนา แต่ปีนี้เปลี่ยนมาจัดที่อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี บริษัทเราอนุญาตให้พนักงานไปดูงานในเวลางานได้ มีรถตู้ไปส่งวันละ ๒ เที่ยว แต่ต้องไปลงชื่อล่วงหน้า ถ้าไม่ไปกับรถตู้ จะขับรถไปเองก็ได้

ตอนแรกเราจะลงชื่อไปวันหลังๆ แต่กลัวของแจกหมด เพราะงานประเภทนี้ จะมีบริษัทที่ขายอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าเอาของของตัวเองมาโฆษณา และวิธีที่จะคนจำชื่อบริษัทได้ก็คือ การแจกของที่ระลึก ที่เราตั้งใจไปงานนี้ก็คือจะไปเดินล่าของแจกนี่เอง (ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนยังมีไฟอยู่ก็คิดว่าจะไปเอาพวกโบรชัวร์มาดูเล่น เพิ่มความรู้ด้วย แต่หลังจากแก่ๆ แล้ว ขี้เกียจ ถึงเอามาก็ไม่ได้ดู เอามาทิ้งเปล่าๆ) คนส่วนใหญ่ในแผนกเราลงชื่อไปช่วงเช้าของวันแรก เราก็ลงชื่อตามเขาไป ปรากฎว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดจริงๆ

อย่างแรก คือรถตู้ที่บริษัทจ้างมา เขาไม่ค่อยรู้จักทางในเมืองทองธานี ก็หาๆ ว่าต้องไปตรงไหน ขับวนไปวนมาแบบไม่รู้ทางจนเราอดไม่ไหว ต้องบอกว่าให้ถามยาม... เอ้อ เจ้าหน้าที่รปภ. (พวกผู้ชายนี่มันเป็นอะไรกันวะ ขับรถไม่รู้ทาง แต่ไม่ยอมถาม จะวนหาเองอยู่นั่น ถ้ายอมรับว่าหลงทางหรือไม่รู้ทางไปนี่ มันเสียฟอร์มมากหรือไง?) เจ้าหน้าที่รปภ. ก็คงรอปอภออย่างเดียว ตอบคำถามวกวนพิลึก แต่ในที่สุดก็ไปถึงหน้างานจนได้ แต่ใช้เวลาตั้งหนึ่งชั่วโมงแหนะ (รวมเวลารถติดระหว่างทางจากออฟฟิศไปเมืองทองด้วย ซึ่งตอนแรกเราก็งงว่า เก้าโมงกว่าสิบโมงนี่รถมันติดได้ไง มารู้ภายหลังว่าเป็นเพราะมีตำรวจออกมายืน “เรียกรถ” อยู่เป็นระยะๆ ตลอดถนนแจ้งวัฒนะ ก็คงรู้ๆ กันว่าเขาเรียกไปทำไม ที่แน่ๆ ไม่ได้เรียกเข้าไปทักทายสารทุกข์สุขดิบ หรือตักเตือนอบรมกฎจราจรหรือมารยาทการขับรถ)

พอไปถึงหน้างานสิบโมงครึ่ง คนตึมเลย เพราะเขาเพิ่งเปิดให้เข้างาน ต้องเข้าคิวรอลงทะเบียนนานมาก ความที่พวกเราไปดูแต่งานแสดง ไม่ได้เข้าฟังสัมมนา เป็นการเข้าชมฟรี เลยลงทะเบียนช้า ถ้าเข้าฟังสัมมนาจะต้องเสียตังค์แต่จะมีแถวต่างหากให้ลงทะเบียน ซึ่งแถวจะสั้นกว่ากันเยอะ พนักงานที่กรอกข้อมูลลงทะเบียนก็ดูไม่คล่องแคล่ว เพราะเขาจ้างบริษัทรับจัดงานในเมืองไทยทำให้ (เห็นป้ายที่พนักงานห้อยคอเขียนว่า Adecco) กว่าจะลงทะเบียนเสร็จผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง สรุปว่าเหลือเวลาดูงานไม่ถึงชั่วโมง

พอเราเข้างานได้ ก็รีบมองหาบูธที่น่าสนใจ (หมายถึงบูธที่มีของแจกน่าสนใจ) มองดูคร่าวๆ แล้ว สรุปได้ว่าคราวนี้ของแจกสู้เมื่อคราวก่อนหน้าไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นปากกา กับสมุดโน้ต/โน้ตแผด แก้วน้ำ ซึ่งเราว่าน่าเบื่อ คือ คราวที่ไปครั้งเป็นแรกเราเห็นเป็นของแจกฟรีก็กวาดมาหมด ปรากฏว่าปากกาส่วนใหญ่ก็เขียนไม่ค่อยดี โน้ตแผด ปึกหนึ่งก็ใช้เป็นปีไม่ยอมหมด แก้วน้ำแก้วกาแฟ ก็ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน มันไม่เข้าพวกเข้าพ้องกับของที่มีอยู่ที่บ้าน พอมาคราวนี้เราก็ทำตัวเป็นคนช่างเลือก

ความที่เรามางานครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ก็รู้แกวว่าต้องพกนามบัตรไปด้วยซักปึกหนึ่ง พอมองเห็นว่าบูธไหนแจกของที่เราสนใจ ก็เดินเข้าไปยิ้ม ถามคำถามสองสามประโยค แล้วก็เตรียมควักนามบัตรออกมา เจ้าหน้าที่ประจำบูธเขาก็จะหยิบของแจกมาให้ แลกกับนามบัตรของเรา ส่วนเด็กใหม่ๆ ที่เพิ่งไปปีนี้เป็นครั้งแรกบางคนก็ไม่ได้เอานามบัตรไป (เราก็ดันลืมบอกรุ่นน้อง) แถมบางคนก็จะเขินๆ อยากได้ของแจกแต่ไม่กล้าเข้าไปคุย พอตอนเสร็จงานจะกลับ มีการเอาของมาอวดๆ กัน ก็มีเสียงบ่นว่า โห... อยากได้มั่ง เสียดาย ไม่น่าเขินเลย

บริษัทใหญ่ๆ (หรือที่จริงคือขายอุปกรณ์ใหญ่ๆ) และองค์กรใหญ่ๆ จะเช่าเนื้อที่ด้านหน้าใกล้ทางเข้า อย่างเช่น กฟฝ. จีอี อัลสตอม ซีเอ็มไอ ซีเมนส์ เราเดินเข้าไปดูโมเดลของซีเมนส์ที่เอามาตั้งโชว์ Arrangement เดียวกับโปรเจ็คต์ที่บริษัทเราเพิ่งได้ที่เมืองจีนเลย (1 x 1 Combined Cycle Single Shaft) แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก


ไดอะแกรมแสดง 1 x 1 Combined Cycle Single Shaft

นอกจากมารับของแจกแล้วอีกอย่างที่ตั้งใจมาดู คือจะหาบริษัทที่ขายระบบสำหรับ KKS ก็เลยเดินไปตรง German Pavillion (ประมาณว่าเป็นบูธของกลุ่มบริษัทจากเยอรมันนี) แต่หาบริษัทนี้ไม่เจอ ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ของบูธ German Info ปรากฎว่าเขาบอกว่าบริษัทนี้ไม่ได้มาร่วมงาน สงสัยเป็นเพราะคราวที่แล้วมาแล้วขายระบบให้ใครไม่ได้ ก็เลยไม่มาอีก

แต่เราก็ไม่ได้ออกจาก German Pavillion มือเปล่า เพราะได้ถุงผ้าดิบที่มีสกรีน Made in Germany เหมือนกับที่ได้รับแจกเมื่อคราวก่อน เราชอบมากเพราะแบบเก๋ไก๋ เราเลยเอาไปดัดแปลงเป็นที่ใส่กระดาษทิชชู่ในรถ เขาแจกให้เรา ๑ ใบ แต่ตอนหลังเราไปขอเขามาเพิ่มอีกหนึ่งใบ ทีแรกเขาจะไม่ให้ บอกว่าเดี๋ยวไม่พอแจก แต่เราบอกว่า จะเอาไปฝากเพื่อน เพื่อนทำงานอยู่ที่ (-ตู๊ด-) เขาติดประชุมทั้งอาทิตย์ มาไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็เลยให้มา


ถุงผ้าดิบ Made in Germany ที่บอกว่าจะเอาไปฝากเพื่อน กับถุงผ้าดิบที่แปรสภาพเป็นที่ใส่กระดาษทิชชู่ในรถแล้ว (แขวนไว้ที่เบาะหลังคนขับ)

ของแจกอื่นๆ ที่เราได้รับ ก็มี:
>>ดินสอกดร้อตตริ้ง (รุ่นราคาถูกที่สุด แต่นับว่าโอเค เราจำต้องรับโน้ตแผดมาด้วยทั้งที่ไม่อยากได้ เพราะเขายื่นมาให้พร้อมกัน)
>>เมาส์แผด จากบริษัทขายซอฟท์แวร์ เกี่ยวกับ Marketing Analysis (อันนี้ เราไม่ได้สนใจตัวสินค้าของเขาเลย แต่เห็นเมาส์แผดสวยดีเลยเดินเข้าไปคุย ต้องใช้แรงมากกว่าบูธอื่นๆ เพราะในบูธมีฝรั่งกับแขก กับโน้ตบุ้คเครื่องเดียว – เอาไว้แสดงซอฟท์แวร์ที่ขาย เราคุยกับฝรั่งอยู่ตั้งหลายนาทีก็ไม่มีทีท่าเขาจะหยิบเมาส์แผดส่งให้เราซะที แต่สุดท้ายแขกก็ยื่นเมาส์แผดให้เรา เฮ้อ... นึกว่าจะเสียเวลาคุยฟรีซะแล้ว)
>>ปากกามีไฟสีรุ้งจากกฟผ. (เป็นปากกาที่ไม่สนองนโยบายประหยัดไฟเบอร์ห้าซะเลย เพราะใช้แบตเตอรี่ที่เป็นเม็ดๆ แบบที่ใส่เครื่องคิดเลขหรือนาฬิกา ต่ออนุกรมกันถึง ๓ ก้อน เปลืองอย่างไม่จำเป็น แต่มีคนมาพรีเซนต์ต่อว่า มีได้หลายสีมาก เพราะมีหลอดไฟ ๓ สี และไฟติดเป็นสีเดี่ยวๆ และคอมบิเนชั่นของสี เช่น สีแดง – เหลือง – ฟ้า – แดง+ฟ้า = ม่วง – แดง+เหลือง = ส้ม ฯลฯ)
>>สบู่แผ่นจาก nem (เขาทำเป็นสบู่บางๆ เหมือนกระดาษ พอเอาไปโดนน้ำถูๆ ก็จะมีฟอง ตอนแรกเราดึงออกมาก็นึกว่าเป็นกระดาษซับมัน ก็เอามาซับหน้า แต่หน้าเราไม่มันเลยไม่เกิดอะไรขึ้น แต่คนอื่นนึกว่าเป็น มิ้นต์แผ่น เหมือนลิสเตอร์รีนพ็อคเก็ตแพ็ค ดีว่ายังไม่ทันได้เอาเข้าปาก เราเอา Instruction ออกมาดูก่อน ไม่งั้นคงได้เห็นคนพูดเป็นฟองฟอดแน่ๆ เลย)
>>กระเป๋าผ้าจากอัลสตอม (อันนี้วิ่งเข้าไปขอตอนใกล้จะกลับแล้ว ตอนเดินเข้าไปอยากได้ถุงผ้า แต่เจอคุ้กกี้ช็อคชิปวางอยู่ เลยคว้าคุ้กกี้หมับ ก่อนจะหันไปบอกเจ้าหน้าว่าขอถุงผ้า พอเดินกลับมาหาน้องๆ ที่รออยู่ ทุกคนบ่นว่า ทำไมเราได้คุ้กกี้ด้วย เขาอยากได้ แต่ไม่กล้าหยิบ อืมม์ ด้านได้–อายอด และ ยิ่งแก่ก็ยิ่งไม่อาย อ่ะนะ)


ส่วนหนึ่งของแจกอื่นๆ ที่ได้มา

ขากลับรถตู้คันที่เรามาก็มีป้ญหา ไม่ยอมมารับให้ตรงเวลา ยืนรอรถซะอีกครึ่งชั่วโมง มีคนบ่นว่ารู้งี้เขาไปเดินล่าของแจกต่ออีกดีกว่า กว่าจะกลับถึงออฟฟิศก็บ่ายโมงครึ่ง หิวข้าวแทบตาย ตอนยืนรอรถมารับก็เห็นว่าตรงที่ลงทะเบียนคนไม่เยอะอย่างตอนที่เราเพิ่งมาถึงแล้ว สรุปว่ามาวันแรกรอบแรกก็ซวยแบบนี้ เพราะถ้ามารอบบ่ายหรือวันถัดมา รถตู้ก็คงรู้จักทางและมารับตรงเวลา ตอนลงทะเบียนก็คนก็คงไม่เยอะเท่า ปีหน้าพาวเวอร์เจ็นไปจัดที่สิงคโปร์ เมื่อไหร่ได้เวลาวนรอบมาจัดที่เมืองไทยอีก เรามี Lesson-learned แล้ว จะวางแผนไปร่วมงานพาวเวอร์เจ็นให้ดีกว่านี้ (นั่นคือถ้ายังทำงานในธุรกิจนี้อยู่ และบริษัทยอมให้ไปดูงานอ่ะนะ)