KMITL & Ghost Story
อาทิตย์ก่อนเราไปลงทะเบียนที่ลาดกระบัง โชคดีจริงๆ (ประชด) เราต้องไปที่ชั้น ๑๑ แต่ลิฟท์ใช้ไม่ได้ ต้องเดินขึ้นบันได ๑๑ ชั้น เกือบเป็นลมแน่ะ พอเอาสมุดลงทะเบียนไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าไฟดับ ยังลงทะเบียนไม่ได้ต้องรอไฟมา ก็เลยติดอยู่ที่ชั้น ๑๑ นั่นแหละ เพราะจะเดินลงมาทำอะไรอย่างอื่นก็กลัวเป็นลมจริงๆ แต่ยังดีที่ประมาณ ๒๐ นาทีไฟก็มา (แสดงว่าลาดกระบังเขามีการพัฒนาแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนไฟดับแบบนี้ รอไปเลยเป็นชั่วโมงๆ) ลงทะเบียนเสร็จก็ไปกินข้าวที่โรงอาหารใหม่ของเครื่องกล มีร้านขายอาหารตามสั่ง แต่พอไปสั่งจริงๆ ไม่เป็นไปตามสั่ง (ได้ไงกันเนี่ย!!) เพราะอาหารหมด เหลือแต่ไข่เจียวอย่างเดียว แต่หิวออกปานนั้น (บ่าย ๒ โมงกว่าแล้ว) ไข่เจียว ก็ไข่เจียว อร่อยสุดๆ เลย

พูดถึงลาดกระบังแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนไปจากสมัยที่เราเรียนป.ตรีมาก มีตึกใหม่ๆ หลายตึก โรงอาหารขยายเป็น ๒ โรง มีร้านขายขนม ขายน้ำกระจายไปทั่ว มีเซเว่นอีเลฟเว่น กับเอเอ็มพีเอ็มมาเปิด มีธนาคารไทยพาณิชย์มาเปิดสาขาย่อย การเปลี่ยนแปลงล่าสุด คือการขยายรางรถไฟเป็น ๒ ราง (เป็นผลต่อเนื่องมาจากการสร้างสนามบินหนองงูเห่า หรือ ชื่อใหม่คือ สนามบินสุวรรณภูมิ) เจริญจริงๆ เลย... ทางวัตถุเนี่ย

ได้คุยกับรุ่นน้อง แล้วคุยเลยไปถึง เรื่องเล่าขานของห้องน้ำหญิงชั้น ๕ ว่า ขนาดสมัยนี้แล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือไม่มีคนกล้าไปใช้ เลยนึกถึงตอนที่เราไป "ท้าพิสูจน์" ที่ห้องน้ำนี้ ต้องบอกก่อนว่าที่บอกว่ายังเป็นเหมือนเดิมคือ สมัยที่เรายังเรียนป.ตรีอยู่ ก็จะมีคนพูดกันว่าห้องน้ำหญิงชั้น ๕ มีผู้หญิงเคยไปผูกคอตาย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานหลายปีแล้ว แต่ก็จะไม่มีใครกล้าใช้ห้องน้ำนี้เพราะกลัว... บรื๋ออ...ส์

ตอนก่อนที่จะไป "ท้าพิสูจน์" เราได้ยินเรื่องนี้อยู่นานพอสมควร จนอยู่มาวันนึงคิดว่าจะไปดูให้เห็นกับตา ก็ชวนเพื่อนๆ ไปกันหลายคน เลือกไปกันตอนกลางวันๆ เพราะถึงเราจะบอกว่าไม่น่าจะมีอะไรน่ากลัว แต่ก็ควรปลอดภัยไว้ก่อน (ฮา) ก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น ๕ กัน ห้องน้ำเนี่ยถ้าเดินมาจากทางเดิน มันจะต้องคล้ายๆ กับเลี้ยวขวา ทำ U-Turn พวกเราก็เดินกันอย่างอาจหาญ (...ไปเป็นกลุ่มก็เลย...) ไม่เกรงกลัว แต่พอเลี้ยวคว้าบเข้าไป ก็ต้องตะลึง ตึง ตึง!! เพราะตรงหน้าที่เห็น เป็นพวงมาลัยพลาสติกสีเขียวเหลืองแดงกับพวกผ้าแพรสีแดงๆ แบบที่เห็นตามศาลพระภูมิหรือที่เขาเอาไว้บูชาต้นไม้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แขวนอยู่หน้ากระจกพวงเบ้อเริมเทิ่ม

เราไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง แต่เราน่ะตกใจชิบเป๋งเลย เนื่องจากไม่คาดว่าจะเจออะไรแบบนี้ ทำเอาเราขวัญกระเจิง (เราคิดแค่ว่าจะมาเจอห้องน้ำสกปรกๆ หรือบรรยากาศวังเวงๆ อะไรทำนองนั้น แต่ไม่ใช่พวงมาลัยพลาสติกกับผ้าแพร มัน beyond imagination น่ะ) เราก็ชะงักกึกไปแล้วก็พยายามตั้งสติ (ความที่ไปกันเยอะ ไม่งั้นคงหันหลังกลับหรือมีการวิ่งหนีกันมั่ง ประมาณว่าตกใจ ก็ตกใจ แต่ยังต้องรักษาฟอร์มด้วย) พอตั้งสติได้ก็กวาดตาดูทั่วๆ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ แต่แค่มีพวงมาลัยนี่ก็แย่แล้ว พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมไม่มีใครมาใช้ห้องน้ำที่ชั้นนี้ ก็แหม... แค่เดินเข้ามาเจอบรรยากาศประมาณมีพวงมาลัยๆ กับผ้าแพรแดงๆ เนี่ย ก็หนาวแล้ว

ประสบการณ์ท้าพิสูจน์ครั้งนี้นับเป็นประสบการณ์เรื่องน่ากลัวๆ ที่ intense ที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมาแล้วหละ ประมาณว่าไม่มีความสามารถในการรับรู้เรื่องที่เกินกว่าสัมผัสทั้ง ๕ แต่ก็ใช่ว่าเราจะเสียใจที่ไม่ได้มีความสามารถรับรู้สัมผัสที่ ๖ ได้หรอกนะ ออกจะดีใจด้วยซ้ำ โชคดีที่ไม่ต้องได้รู้ได้เห็นได้ได้ยิน เราว่าเราคงเป็นลมไปก่อน นึกถึงอย่างตอนที่ดู The Sixth Sense น่ะ หวาดเสียวชะมัด ทุกครั้งที่เด็กเห็นผีโผล่มา ทำเอาเราสะดุ้งผวาทุกทีไป