Round Up & Thai Google
กลับมาจากดำน้ำแล้ว ต้องขอบอกว่าเป็น Trip of A life Time จริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะโชคดีได้ขนาดนี้ ไปดำน้ำ ๔ วัน เจอแมนต้าเรย์เป็นครั้งแรกในชีวิต (ใต้ทะเล ไม่นับแบบที่ไปเจอตามอแควเรียม) เจอฉลามวาฬในไดฟ์เดียวกับที่เจอแมนต้า ว่ายมาให้ดูในระยะและมุมที่เพอร์เฟ็คสุดๆ และยังได้เจออีกรอบในวันเดียวกันที่ไซต์ถัดมาซึ่งเป็นที่ที่ไม่น่าเจอมันสุดๆ เจอปลาหมึกยักษ์ Octopus เจอฉลามกบ (หรือฉลามเสือดาว Leopard Shark) เจอเต่าทะเล เจอม้าน้ำสีเหลืองสองตัว ม้วนหางน่าเอ็นดู อันนี้เป็นเล่าน้ำจิ้มไปก่อน ส่วนเรื่องยาวๆ นี่ขอตกลงกับพี่ปุ๊กก่อนว่าจะให้ใครเล่าตอนไหน (จะโม้กันยังไงดี ไม่ให้โดนจับได้ว่าเวอร์เกิน อิอิ) หรือว่าจะต่างคนต่างโซโล่ไปเลย ตอนนี้สรุปได้สั้นๆ ว่าทริปนี้ สุดยอดดดดดดดด!!!!

บินกลับมาจากภูเก็ตถึงกรุงเทพฯ เที่ยงครึ่ง ตอนแรกว่าจะลางานแค่วันครึ่ง แบบว่าลงจากเครื่องแล้วก็แจ้นเข้าที่ทำงานเลย แต่เปลี่ยนใจเพราะความที่งานก็ไม่ค่อยมีทำแล้ว (หลังจากอาทิตย์ก่อนๆ วุ่นกับงาน As-built drawings มหาโหด -- On last count ทำ Drawing และ Report ไปทั้งหมด ๑.๕ ตัน – นี่คือน้ำหนักที่ประมาณตอนเรียกบริษัท Shipping มารับ หนักพอๆ กับรถยนต์คันหนึ่งเลยอ่ะ) ก็เลยไปบอกหัวหน้าว่าลา ๒ วันเลยละกัน พอตอนนั่งเครื่องขากลับก็เลยคิดว่าวันนี้ดูหนังก่อนเข้าบ้านดีกว่า ดูโปรแกรมในหนังสือพิมพ์แล้วก็ตัดสินใจไปดู The Majestic เพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนไปดำน้ำแล้ว แต่ยังไม่ถึงคิวเพราะเจอเรื่องอื่นๆ ตัดหน้าไปก่อน

The Majestic มี Jim Carrey เล่นเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่กำลังจะเริ่มรุ่ง แต่ดันมาโดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ด้วยความกลุ้มใจก็เลยกินเหล้าเมาขับรถตกสะพาน แต่ไม่ตายแค่หัวกระแทกสะพานสลบไป มาฟื้นอีกทีหนึ่งที่เมืองเล็กๆ ความจำเสื่อมจำตัวเองไม่ได้ ด้วยความบังเอิญเขาดันไปหน้าตาคล้ายกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในเมืองนั้นที่ไปรบในสงครามโลกแล้วหายสาบสูญไป คนในเมืองก็เลยคิดว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นรอดกลับมา เลี้ยงฉลองรับขวัญกันใหญ่โต เป็นการเรียกขวัญกำลังใจกลับมาหาเมืองเล็กที่ซึมเซาไปเพราะสูญเสียเด็กหนุ่มๆ ไปในสงครามถึงหกเจ็ดสิบคน เรื่องราวต่อๆ มาก็เป็นการปรับตัวเข้าหาชีวิตใหม่ที่เขาไม่รู้จัก กับการค้นหาว่าจริงๆ แล้วเขาคือใครกันแน่ ตอนจบก็ค่อนข้างจะเป็นไปตามที่คาด (Happy Ending) หนังค่อนข้างยาว ช่วงแรกๆ ช้าไปนิดหนึ่ง แต่พอตอนหลังๆ ก็ดีขึ้น สรุปว่าถึงแม้จะไม่เจ๋งเท่า The Truman Show หรือแปลกสุดขั้วแบบ Man on the Moon แต่ก็เป็นหนังที่โอเคเรื่องหนึ่ง เราชอบ Jim Carrey ในบทซีเรียสๆ แบบนี้ น่าเสียดายที่ผลงานพักหลังๆ ของเขาถูกมองข้ามไปซะเฉยๆ บางคนไม่คิดแม้แต่จะไปดูหนังที่เขาเล่น เพราะจำได้แต่ภาพที่เขาเล่นตลกยืดหน้ายืดตาเป็นหน้ากากยางแบบใน The Mask หรือบทตลกงี่เง่าๆ อย่าง Pet Detective หรือ Dumb and Dumber

Thai Google

กลับมาบ้านก็ต่ออินเตอร์เน็ตเสียหน่อยเช็คข่าวคราวที่นิจบอร์ด (อ่านหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบ เดี๋ยวเอาไว้ตอบที่ทำงาน(ในเวลาราษฎร์) ดีกว่า คือว่าคอมพิวเตอร์ที่บ้านเนี่ย มันพิมพ์ภาษาไทยใน IE ไม่ค่อยได้นานอ่ะ มันพาลจะแฮงก์อยู่เรื่อยเลย ไม่รู้เป็นอะไร) เช็คไดอะรี่แควนๆ แล้วก็เช็คอีเมล์ ได้ข่าวดีๆ ที่ยิ้มได้อีกเรื่องหนึ่ง คือ อีเมล์จากGoogle เรื่องนี้ต้องเท้าความกลับไปตอนที่ หน่องมาเล่าให้ฟังว่า Google Search Engine ขวัญใจเรามีหน้าตาเป็นภาษาไทยแล้ว เราก็เลยไปดูแล้วก็เห็นว่ามันเป็นภาษาไทยแล้วจริงๆ แต่แค่บางส่วนเท่านั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยกิ๊กๆ ต่อไปก็พบว่ามีโครงการทำ Google เป็นภาษาต่างๆ อีกมากมาย โดยอาศัยอาสาสมัครจากประเทศต่างๆ เป็นคนแปลแต่ละหน้าของกูเกิ้ลเป็นภาษาต่างๆ เหล่านั้น หลังจากเหล่ๆ ดูแล้วชอบไอเดียบวกกับความที่เขาเป็น Search Engine ในดวงใจ อยากให้มีคนไทยใช้เยอะๆ ก็เลยอาสาสมัครเข้าไปช่วยเขาแปลด้วย ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เอาอีเมล์ไปลงทะเบียนกับเขา ก็จะได้ Account สำหรับ Log in เข้าไปแปล ก่อนแปลก็อ่านข้อควรทำไม่ควรทำในการแปล แล้วก็ลงมือแปลได้เลย อยากแปลตอนไหนก็แปล อยากหยุดตอนไหนก็หยุด Google เขาเขียนโปรแกรมเป็น Web-based สำหรับการแปลนี้ซึ่งใช้ไม่ยากเย็นอะไร ช่วงก่อนโน้นเราว่างๆ (บวกกับเซ็งๆ) ก็เข้าไปแปลให้บ่อยหน่อย แต่หลังๆ นี่ไม่ค่อยได้เข้าไป และไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนหน้าภาษาไทยซักเท่าไหร่เพราะความที่ไม่ค่อยคุ้นกับประโยคที่เป็นภาษาไทยอย่าง “โชคเข้าข้างเราแน่” (สำหรับ Google’s fan มันคำแปลยุคแรกของคือ I’m feeling lucky อ่ะนะ ตะกี้นี้เข้าไปเช็คเขาเปลี่ยนเป็น “ใช่เลย! เจอแน่ๆ” ไปแล้ว ซึ่งเราว่าเข้าท่ากว่าเดิม) ก็เลยยังใช้ภาษาอังกฤษเป็น Default

กลับมาเรื่องอีเมล์ดีๆ ที่เราได้จาก Google เขาส่งอีเมล์มาบอกว่า ตอนนี้มีคนใช้ Google ที่เป็นหน้าตาภาษาไทยถึงวันละสองแสนเจ็ดหมื่นครั้งต่อวัน (ว้าว!!) และเนื่องจากว่าเราได้มีส่วนร่วมในการช่วยแปล Google เป็นภาษาไทย เขาก็เลยส่งอีเมล์มาขอบคุณที่เราช่วย และบอกว่าจะส่งเสื้อยืด Google มาให้เราด้วยเป็นการแสดงความขอบคุณ (ว้าว!! ว้าว!!) แหม... เพิ่งเขียนไปตอนเรื่องโกงๆ ว่าไม่อยากจะโกงใครแล้ว เพราะเชื่อเรื่องกรรมว่ามันจะตามทัน ถ้าเราโกงเขา เราจะต้องเสียอะไรบางอย่างไป นี่ก็กรรมเหมือนกัน แต่เป็นกรรมดี ถ้าเราทำดีเราก็ได้เสื้อยืด... เอ้ย... ได้สิ่งดีตอบแทนเหมือนกัน ที่ดีที่สุดคือมัน Rewarding มากๆ เวลาที่เราไม่คาดหวังว่าเราจะได้อะไรตอบแทนจากสิ่งที่เราทำลงไป :-)