Lone Ranger II
ช่วงนี้ไม่สบายเลยต้องพยายามไม่ดื่มน้ำเย็น เวลาไปกดน้ำที่ตู้ทำน้ำเย็น เราก็จะกดแค่ครึ่งเดียว แล้วก็ไปกดน้ำอุ่นที่กาต้มน้ำเติมอีกครึ่งนึง น้ำก็จะไม่เย็นไม่ร้อน อุณหภูมิกำลังดี แต่แล้วก็มานึกๆ ดูว่าเราช่างทำอะไรที่ไร้สาระ และสิ้นเปลืองพลังงานของโลกโดยใช่เหตุ เพราะการเอาน้ำเย็นมาผสมกับน้ำร้อน จะได้น้ำธรรมดาก็จริง แต่การทำน้ำเย็นต้องใช้พลังงานส่วนหนึ่ง และการต้มน้ำร้อนก็ต้องใช้พลังงานอีกส่วนหนึ่ง การที่เราเอาน้ำ ๒ ส่วนนี้มาผสมกันเป็นการทำให้พลังงานถูกหักลบกันไป เป็นการเสียพลังานไปโดยใช่เหตุ ไม่ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นมา

สิ่งที่เราควรจะทำคือ ไปเอาน้ำธรรมดามาดื่มแทน ซึ่งมีความลำบากอยู่อย่างหนึ่ง คือเราจะต้องเทน้ำจากขวดน้ำขวดใหญ่ๆ (แบบที่ใช้ตั้งบนเครื่องทำน้ำเย็น) ก็ทุลักทุเลพอสมควร แต่คิดว่าต่อไปจะต้องทำแบบนี้ เพราะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า คือใช้เท่าที่จำเป็น เป็นการช่วยชาติและ ช่วยโลกของเรา

ปิฯ เขียนเกี่ยวกับ Appointment ได้ตรงใจเรามากๆ เลยต้องมาต่อภาค ๒ เกี่ยวกับการที่เรามักจะเลือกทำอะไรๆ คนเดียว แทนที่จะพยายามนัดกับคนอื่นๆ ที่ปิฯ เขียนว่า คนไทยมักไม่คิดมากเรื่องการยกเลิกนัด นั่นใช่เลย และการที่เราคิดมากเวลาโดนยกเลิกนัดเป็นเหตุให้เราไม่ค่อยชอบนัดใครๆ ถ้าไม่จำเป็น (เป็นคนมองโลกในแง่ร้าย คิดไว้ก่อนเลย ว่านัดแล้วจะต้องมีคนยกเลิก)

เวลาที่เรามีนัดกับใคร เรามักจะคิดว่ามันเป็น Promise เสมอ ในขณะที่คนอื่นที่นัดกับเรามักไม่ได้คิดแบบนั้น (ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอกนะ แต่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีอะไรทำมากกว่า เวลาใครชวนไปไหน ก็มักจะว่างและไปได้ซะเป็นส่วนใหญ่ เวลาที่มีใครมานัดแล้วเราไปไม่ได้มักจะเป็นเพราะเราไม่อยากไปมากกว่าเป็นเพราะเราไม่ว่าง)

ถ้าใครมานัดเราทำอะไร เราก็จะต้องคิดก่อนว่าว่างหรือเปล่า อยากไปหรือเปล่า ถ้าว่างและรับนัดไปแล้ว ก็จะรักษานัดอันนั้นไว้ ถ้ามีใครจะมาชวนเราไปทำอะไรอย่างอื่นที่ตรงกับที่ถูกนัดไปแล้วเราก็จะบอกว่าไม่ว่าง (หรือชวนคนนั้นมากับเราเลย ถ้าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน หรือคิดว่าจะไปด้วยกันได้) แต่คนอื่นๆ มักจะไม่ทำแบบนี้ เขามักจะตอบตกลงกับเรา แล้วก็มาบอกว่าไม่ว่างในนาทีสุดท้าย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ เขาไม่กล้าที่จะตอบปฏิเสธตั้งแต่ตอนแรกหรือเปล่า (กลัวโดนเราโวยวายใส่?) หรือว่างแต่ไม่อยากไปและไม่กล้าพูดตรงๆ (เป็นคนขี้เกรงใจ ซึ่งต่างจากเราโดยสิ้นเชิง เราไม่ค่อยเกรงใจใคร เกรงใจแต่ตัวเอง) หรือเขาคิดว่ามาตามนัดได้ แต่ตอนหลังพบว่ามีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำ (อันนี้ยิ่งแย่ใหญ่ เห็นเราไม่มีความสำคัญเลยหรือไง) หรือว่าชีวิตเขามีธุระปะปังเยอะจนลืมนัดเราไป (ทำให้น่าสงสัยว่า เขาจะจัดการกับส่วนอื่นๆ ของชีวิตยังไง จะมีการลืมทำอะไรๆ อย่างอื่นด้วยไหม)

เวลาเราโดนคนยกเลิกนัดในนาทีสุดท้าย จะรู้สึกแย่ แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้ เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่คนอื่นเขายอมรับได้ เขามักจะมีเหตุผลอะไรๆ ที่ดูสุดวิสัยจนเรารู้สึกว่าเราจะเป็นคนไม่ดีถ้าจะตีโพยตีพายว่าเบี้ยวกันแบบนี้ได้ไง ที่เราทำได้ก็คือ เลิกคาดหวังว่าคนอื่นๆ จะรักษานัดเหมือน "รักษาสัญญา" และใช้วิธีไม่นัดใครล่วงหน้านานๆ จะเป็นประเภทโทรไปถามว่าวันรุ่งขึ้นว่างไหม ถ้าว่างก็นัด ถ้าไม่ว่างก็ไม่นัด อะไรทำนองนั้น แต่แบบนี้ก็จะลำบากเวลาต้องนัดกันเยอะๆ นัดไม่ค่อยสำเร็จ

นอกจากคนที่ไม่รักษานัดแล้ว มีคนประเภทที่เรารู้สึกเบื่อมากๆ เวลานัดๆ กัน อันนี้จะเป็นเฉพาะเวลานัดกันกลุ่มใหญ่ๆ คือ "คนที่ไม่ยอมตัดสินใจ" -- คือ เวลาถามว่าจะนัดกันวันไหนดี ตอบว่า วันไหนก็ได้ แต่พอกำหนดวันมา ก็มาไม่ได้ เพราะไม่ว่าง เวลาถามว่า จะนัดกันที่ไหน ตอบว่าที่ไหน ก็ได้ แต่เวลามา มาช้า หรือไม่มา แล้วก็บ่นว่านัดกันไกล มาลำบาก รถติด ฯลฯ -- กับ "คนที่ชอบตามเพื่อน" -- คือ เวลาถามว่า นี่เราจะนัดกันไปที่โน่นที่นี่ จะถามก่อนเลย ว่า มีใครไปมั่ง หรือ คนอื่นว่ายังไง ไม่เข้าใจว่า ตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง ว่าไปได้ หรือไม่ได้ อยากไปหรือไม่อยากไป ต้องดูว่าคนอื่นว่ายังไงก่อน ถึงจะตัดสินใจได้

คน ๒ ประเภทนี้ ทำให้การนัดล่มอยู่บ่อยๆ เช่น บางทีตอนแรกนัดกันอยู่ดีๆ พอมีคนนึงไม่มา ก็จะมีคนที่ชอบตามเพื่อน เปลี่ยนใจไม่มาด้วยทั้งที่ตอนแรกก็บอกว่ามาได้ แล้วก็จะมีคนไม่มาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยกเลิกนัดไป หรือไม่ก็ นัดกัน ๖ โมง จะมีคนที่โทรมาตอน ๖ โมงครึ่ง เพื่อถามว่ามีใครมาแล้วบ้าง เป็นการเช็คเพื่อหาเพื่อน หรือ โทรมาแก้ตัวที่มาช้า เวลาเกิดเหตุการณ์ แบบนี้ เราเกลียดคนที่ประดิษฐ์โทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที คิดว่า ถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือ เพื่อนๆ เราคงมากันพร้อมหน้ามากยิ่งขึ้น หรือมาถึงที่นัดหมายเร็วขึ้น เพราะไม่มีโอกาสได้โทรมาเช็ค หรือ โทรมาแก้ตัวว่า กำลังมา แต่รถติด อะไรทำนองนั้น ไม่รู้ว่าเป็นการพาลผิดที่หรือเปล่า

อาทิตย์ที่แล้วไปเอ็มโพเรียม เลยได้รู้ว่า มีเทศกาลหนังสหภาพยุโรป อีกแล้ว เริ่มไปตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้ว และมีไปถึงวันอาทิตย์ที่ ๓ เดือนหน้า จัดที่โรงหนัง UA ทั้ง ๒ ที่เหมือนเดิม แต่ที่พระราม ๓ มีฉายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ดีเลย บางทีอาจเราจะไม่ได้ดูเพราะขี้เกียจขับรถไปแถวสุขุมวิท