Languages... again
หลังจากที่เขียนเรื่องรถชนไป ก็ไม่ได้มาเขียนเรื่องใหม่ซะหลายวัน หลายคนอาจจะเริ่มเป็นกังวลว่าเราเป็นอะไรไปหรือเปล่า เราไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นจากที่รถชนก็รู้สึกเหมือนจะเคล็ดขัดยอกที่ด้านขวาเล็กน้อย แต่ก็น้อยมากจนแทบไม่รู้สึก (นอนตกหมอนยังเจ็บมากกว่า) ตอนนี้ผ่านมาเกือบ ๑ อาทิตย์แล้ว สภาพสมบูรณ์ ๑๐๐% แล้วหละ

ส่วนรถที่ชนก็เอาไปเข้าอู่แล้ว อืม.. ไม่ใช่สิ เอาไปทิ้งไว้ที่บ้าน และบอกให้ก๊อใหญ่ (พี่ชายคนโต) จัดการเอาเข้าอู่ให้ด้วย เรามีข้ออ้างว่า "วันอาทิตย์อู่คงไม่เปิดหรอก เดี๋ยวพอวันจันทร์ช่วยให้ใครขับไปที่อู่ทีนะ หรือไม่ก็ให้คนที่อู่มารับรถก็ได้" การที่เราให้คนที่บ้านเอารถไปเข้าอู่ให้ ก็เป็นที่เข้าใจตรงกัน (ที่จริงเป็นการโมเมของเรา) ว่าช่วยจ่ายค่าซ่อมให้ด้วยนะ เห็นข้อดีของการเป็นลูกคนเล็กไหมล่ะ (อิอิ) ตอนนี้เราก็ยืมรถของก๊อเล็ก (พี่ชายคนรอง) มาใช้อยู่ เป็นอันว่าไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากเลย ที่แย่ที่สุดก็เห็นจะเป็นความรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ต้องขอโทษ ขออโหสิกับคนที่ต้องลำบากเดือดร้อนกับกรรมของเราด้วย สาธุ

สัปดาห์ที่แล้วใน มติชนสุดสัปดาห์ คอลัมน์เงาตะวันออก ของคุณวรศักดิ์ มหัทธโนบล เขียนเกี่ยวกับคนจีนแคะ (หรือจีนฮากกา) ความจริงเขาเขียนมาหลายตอนแล้ว แต่เราเพิ่งได้อ่านจริงๆ จังๆ เมื่อฉบับที่แล้วเป็นตอนที่เขาเขียนเรื่อง สนทนาภาษาแคะ รู้สึกว่าน่าสนใจดี เพราะที่บ้านเราก็เป็นคนจีนแคะเหมือนกัน แต่ตัวเราเองเราเป็นคนจีนที่เสียชาติเกิดจริงๆ เพราะพูดจีนไม่ได้เลย บอกใครๆ ก็จะไม่ค่อยมีคนเชื่อ เพราะหน้าหมวยขนาดนั้น (ตอนที่อยู่ที่อังกฤษ มีคนแต่คนคิดว่าเราเป็นชาติที่หน้าจีนๆ เป็นมาหมดแล้วทั้งนั้น จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มองโกเลีย เดากันแทบตาย ไม่มีใครเดาได้ว่าเรามาจากเมืองไทยซักคน)

ปีที่แล้วตอนที่งานไม่ค่อยยุ่งเราก็เลยไปเรียนภาษาจีนกลางที่ม.เกษตรเปิดสอนให้บุคคลภายนอก ตอนที่เรียนเราก็รู้สึกว่า ภาษาแคะกับภาษาจีนกลางมีความคล้ายกันมาก แต่ความที่เป็นความรู้สึกของคนที่ความรู้ภาษาจีนประมาณ virtually zero ก็เลยไม่ได้คิดจริงจังอะไร พอมาอ่านในมติชนนี่ เขาก็บอกเหมือนกันว่า ภาษาจีนแคะมีความใกล้เคียงกับภาษาจีนกลางมากกว่าภาษาจีนอื่นๆ อย่างจีนแต้จิ๋ว หรือกวางตุ้ง เลยคิดๆ ว่า "อืมม.. เราก็ไม่เลวเหมือนกันนะ จับความรู้สึกของภาษาได้" เขาบอกว่าต่อด้วยว่าลูกจีนแคะมักจะได้เปรียบในการเรียนภาษาจีนกลางมากกว่าจีนอื่น แต่เราน่ะไม่ได้ประโยชน์จากความได้เปรียบอันนี้เลย ทุกวันนี้ก็ได้แต่ไปบ่นกับเตี่ยแม่ว่า ตอนเด็กๆ เตี่ยกับแม่เราน่าจะพูดภาษาจีนกับเรา เราจะได้มีความรู้ติดตัวมาบ้าง

ตอนนี้เราหยุดเรียนภาษาจีนไปเกือบปีแล้ว เพราะช่วงหลังๆ นี้เวลาที่เปิดสอนมันตรงกับที่เราเรียนที่ลาดกระบัง (แต่เราก็ยังไม่อยากใช้คำว่าเลิกไป เพราะยังลังเลว่าจะอยู่ว่าจะไปต่อไปหรือจะเลิกจริงๆ ดี) เราว่าอนาคตในทางภาษาจีนของเราคงไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ เรียนแล้วรู้สึกว่าตัวเองโง่มากๆ เรียนตั้ง ๒ คอร์ส ยังรู้สึกว่าไม่มีความรู้อะไรเลย รู้สึกว่าภาษาจีนยากกกมากก..คงเกินความสามารถของเรา แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะเอาชนะให้ได้เหมือนกัน เพราะรู้สึกแย่ๆ แบบว่าปกติไม่เคยทำอะไรล้มเหลวขนาดนี้

ช่วงที่รู้สึกว่าอนาคตทางภาษาจีนดับวูบ เรามีไอเดีย (ที่หลายๆ คนบอกว่าประหลาด) ว่าจะไปเรียนภาษามือ หาข้อมูลอยู่พักนึง ได้เบอร์โทรของโรงเรียนเศรษฐเสถียรมาแล้ว แต่โทรไปแล้วไม่ติด พอดียุ่งๆ ก็เลยเลิกตามหาไป แต่ก็ยังมีความคิดว่าอยากเรียนอยู่ พอดีเมื่อวันก่อนไปเป็นนักสืบ cyber investigator หาข้อมูลที่ nectec เลยได้เจอเว็บนี้โดยบังเอิญ สอนภาษามือ online เราก็ไปหัดๆ มา ตอนนี้นับเลขได้ถึง ๕๙ แล้วนะ (เขาเพิ่งสอนนับไว้แค่นี้) เขามีสอนสะกดคำ ด้วยแบบ ก.ไก่ ทำยังไง ข.ไข่ทำยังไง แต่ว่าเราจำไม่ไหว รู้สึกว่าถ้าไปเรียนแบบที่มีคนทำให้ดู และคอยดูว่าเราทำได้ถูกหรือเปล่า คงจะ work กว่า เอาเป็นว่าตอนนี้ถ้าต้องไปกรอกใบสมัครที่ไหน เราจะเขียนแค่ว่า "ความสามารถพิเศษ: นับเลขภาษามือได้ถึง ๕๙" ไปก่อน เอาไว้ได้ไปเรียนจบหลักสูตรแล้ว ค่อยเปลี่ยนเป็น "ความสามารถทางภาษา: ภาษาอังกฤษ และ ภาษามือ" :-)