Scent of The Indians
อาทิตย์ที่ผ่านมาที่คอนโดชั้นเรามีแขกย้ายเข้ามาอยู่ ครั้งแรกที่ค้นพบความจริงนี้ คือ ตอนขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่เราอยู่ พอประตูลิฟท์เปิดออกมา เราก็ได้กลิ่นฉุกกึ้กเตะจมูก สมองประมวลผลได้ทันที "กลิ่นแขกกก!!!" ก้าวออกมาจากลิฟท์ก็เห็น ผู้ชายแขกคนหนึ่งกำลังเล่นกับเด็กแขกอายุประมาณซักขวบกว่าๆ อยู่ตรงทางเดินหน้าลิฟท์ ปกติเราก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเพื่อนบ้านธรรมดาที่อยู่ชั้นเดียวกับเราอยู่แล้ว พอยิ่งเป็นเพื่อนบ้านแขกนี่ไม่ต้องพูดกันเลย...

เรารีบเดินลิ่วไปที่ห้องเรา (ถ้าวิ่งได้ก็จะวิ่งแล้วนะ แต่กลัวมันดูผิดสังเกตมากไป...) ไขกุญแจเข้าห้อง เก๋กลับบ้านมาก่อนแล้ว เรารีบโวยวาย "เก๋!!!" เก๋ทำหน้าตกใจ "มีอะไรเหรอ" "รู้เปล่าชั้นเรามีแขกย้ายเข้ามาอยู่... เดินออกมาจากลิฟท์กลิ่นแขกระงมเลย ได้กลิ่นมะๆ" เก๋โวยกลับมามั่ง "โห.. ทำโวยวายไปได้ นึกว่ารถชนหรืออะไรซะอีก แค่เรื่องแขกเนี่ยนะ" (แน่นอน..เหตุการณ์นี้เกิดก่อนที่รถเราจะชน พอตอนที่รถชนจริงๆ เรากลับไม่ได้โวยวายเสียงดังอะไรเลย - ประมาณว่าเซ็ง และหมดแรง -แค่โทรไปบอกด้วยน้ำเสียงธรรมดา - ที่จริงก็อายด้วยแหละ - เราทำสถิติรถชนมากที่สุดในบ้านเลย ทั้งที่จำนวนปีในการขับรถน้อยที่สุด)

พอวันต่อมา เก๋มาบ่นกับเราว่า ไม่น่าบอกเรื่องแขกให้ฟังเลย เพราะตอนเช้าเก๋ออกจากบ้านไป ก็ได้กลิ่นอาหารแปลกๆ ตรงทางเดิน ถ้าเป็นปกติก็จะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอนึกถึงที่เราบอกได้ ก็เลยรู้สึกว่า เหม็นๆ เหมือนกัน อ้าว... กลายเป็นเราเป็นคนผิดไปซะอีก ที่จริงตัวเองก็ไม่ชอบกลิ่นแขกเหมือนกันแหละ โธ่…

ปฏิกริยาของเราที่มีต่อแขกอาจจะโอเวอร์ไปนิดนึง แต่เราว่าโดยธรรมชาติแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบแขก เหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีคำพูดที่ว่า "ถ้าเจองูกับเจอแขกให้ตีแขกก่อน" หรอก ถ้าให้เราเดาเล่นๆ เราว่า กฎ ๘๐/๒๐ น่าจะใช้ได้ นั่นคือประมาณ ๘๐% ของคนไทย (ที่ไม่ใช่แขก) ไม่ชอบแขก (negative) ส่วนอีก ๒๐% ไม่"ไม่ชอบ" เราใช้ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ เพราะรู้สึกว่า ใน ๒๐% ที่เหลือนี้ประกอบไปด้วยคนที่รู้สึกเฉยๆ กับแขก กับคนที่ชอบแขก ซึ่งเป็นส่วนน้อยมากๆ ตีซะว่าประมาณ ๐.๕% เท่านั้นที่ชอบ (positive) ส่วนอีก ๑๙.๕% ไม่เกลียด แต่ก็ไม่ได้ชอบ (neutral)

แต่อย่างไรก็ตาม ความที่คนไทยมีนิสัยประนีประนอม และไม่แสดงอะไรออกนอกหน้ามาก ถือเป็นการเสียกริยา คนไทย ๙๙.๕% ที่ไม่ได้ "ชอบแขก" ก็ไม่ได้แสดงออกหรือมีปฏิกริยาอะไรกับแขก ในขณะที่เราเป็นคนขี้บ่น และชอบบ่นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ราวกับว่ามันสลักสำคัญกับชีวิตเรามาก โวยวายเกินเหตุน่ะ ก็เลยตกเป็นเป้าให้โดนล้อเรื่องแขกอยู่บ่อยๆ อย่างเวลาไปกับเพื่อนแล้วเจอแขกผ่านมา เพื่อนเราก็จะบอกว่า "อ้าว… นิจวรรณ ไม่เข้าไปทักเพื่อนเธอหน่อยเหรอ" หรือ "เนี่ย เราว่านิจต้องได้แฟนเป็นแขกแน่เลย" ถึงขนาดมีรุ่นพี่อยู่คนนึง ไม่เจอกันตั้งหลายปี พอเจอกัน คำแรกที่ทักคือ "ว่าไง ได้ข่าวว่ามีแฟนเป็นแขก แถมไว้จอนยาวเฟื้อยเลย จริงหรือเปล่า"

เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบแขก แต่โดยส่วนตัวเราแล้ว หลักๆ ที่เราไม่ชอบก็คือเรื่อง "กลิ่น" ตอนสมัยเรียนมหาลัยรู้สึกจะอยู่ปี ๑ พวกเราไปแข่งกีฬามหาลัยที่ขอนแก่น ตอนขาไปนั่งรถทัวร์วีไอพี ๒๔ ที่นั่ง กว้างขวางนั่งสบาย แต่พอขากลับมีการเปลี่ยนแผนเล็กน้อย คือต้องการกลับเร็วขึ้น ตั๋วที่จองไว้ตั้งแต่ขาไปใช้ไม่ได้ ต้องมาจองที่นั่งใหม่ ปรากฏว่าไม่ได้รถวีไอพี แต่กลายเป็นรถ ๓๖ ที่นั่ง กลุ่มเรามีประมาณ ๗-๘ คนมั้งจำจำนวนไม่ได้แน่ จำได้แต่ว่าต้องนั่งแยกๆ กันเป็นคู่ๆ เราได้นั่งที่หลังๆ รู้สึกจะนั่งคู่กับปลื้มจิต พอรถออกเราก็เดินไปคุยกับพี่ๆ พี่คนนึงเขานั่งกับแฟน แต่ทำหน้าเหมือนอยากตาย เราก็ถามว่า "อ้าว พี่บีท เป็นอะไรไปเหรอ" พี่บีททำหน้าเครียดยิ่งไปกว่าเดิม แล้วทำปากพะงาบๆ ตอบมาแบบไม่มีเสียงว่า "เหม็นแขกกก..." แล้วพยักหน้าไปที่ที่นั่งข้างหน้าแก เรามองไปก็เห็นมีแขกนั่งอยู่คู่หนึ่ง หันกลับมามองพี่บีทเห็นแกงัดเอายาดมขึ้นมาดมฟืดใหญ่ เห็นใจแกมาก แต่ไม่รู้จะทำยังไง เราเลยเดินกลับมานั่งที่เพราะชักเริ่มทนกลิ่นแขกไม่ค่อยไหวเหมือนกัน หลังจากนั้นเราไม่ได้เดินมาคุยข้างหน้าอีกเลยจนถึงกรุงเทพฯ คาดว่าพี่บีทหมดยาดมไปประมาณ ๒ หลอด

ตอนเราที่เราไปเรียนที่อังกฤษ ช่วงที่เรียนภาษาก่อนเปิดเทอม ในชั้นเรียนทั้งหมดจะเป็นนักเรียนต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นยุโรป มีเอเชียอย่าง จีน ญี่ปุ่น และไทย ปะปนเล็กน้อย มีอยู่ครั้งหนึ่งมีการคุยกันเรื่อง discrimination, stereotype, prejudice, ความแตกต่างของแต่ละชาติ ครูก็ถามว่า คนชาติไหนเป็นยังไง มีใครที่รู้สึกว่าไม่ชอบไม่อยากคบกับคนชาติไหนเป็นการเฉพาะบ้างไหม เราตอบไปว่าเราไม่ค่อยชอบแขก ครูทำหน้าตกใจ ประมาณว่าเรื่องแบบนี้มัน politically incorrect นะเธอ พูดออกมาได้ไง แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ หรอกนะ แต่เลี่ยงไปถามว่า ทำไมเราถึงรู้สึกว่าไม่ชอบ มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า

ไอ้จะบอกไปว่าไม่ชอบกลิ่นแขกก็ยังไงๆ อยู่ เลยพยายามคิดต่อไปว่า เอ… มีเหตุผลอะไรอีกหว่า ที่ทำให้เราไม่ชอบแขก นึกๆ แล้วก็ตอบไปว่า ไม่ชอบ attitude ของเขาที่มีต่อผู้หญิง คือเขาจะ treat ผู้หญิงไม่เท่ากับผู้ชาย อย่างพวกประเทศตะวันออกกลางต้องปิดหน้าปิดตา ไม่ได้ทำงานทำการเท่ากับผู้ชาย หรืออย่างในอินเดียที่ต้องตายตามสามี (ว่าไปเรื่อย...) ครูก็พยักหน้าหงึกๆ ไม่ได้ว่าอะไร คือเราก็เข้าใจอ่ะนะ ว่าจุดประสงค์ในการคุยเรื่องนี้ก็เพื่อจะ smooth conflict ระหว่างชนชาติ แต่ประมาณว่าปากไวตอบไปแล้ว พอครูไม่พูดต่อ เราก็รีบจบทันทีเหมือนกัน

อ้อ… ขอนอกเรื่องไป comment ตรงเรื่องเหยียดผิวนี่นิดนึง ในชั้นเรียนตอนนั้นนอกจากเรา (ที่พลาด ปากไวไปหน่อย) แล้วไม่มีใครเลยซักคนที่ตอบว่ามีความรู้สึก discriminate against ชาติอื่น แต่ในชีวิตประจำวันจริงๆ พวกยุโรปก็จะคบกันแต่กับพวกยุโรป ส่วนพวกคนเอเชียก็คบกันเอง เลยกลายเป็นคนขาวคบคนขาว คนผิวเหลืองจากโซนเอเชียก็คบแต่กับพวกผิวเหลือง อย่างนี้จะว่าไม่ discriminate ได้ไง แต่ถ้ามองกันอย่างแฟร์ๆ นอกจาก discrimination อาจจะเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ด้วยกระมัง คือจะไม่ชอบอะไรที่แตกต่างจากที่ตัวเองเคยชินมากๆ เห็นคนที่ต่างจากตัวเองก็อาจจะปฏิสัมพันธ์ด้วยไม่สะดวกเท่าไหร่ อะไรประมาณนั้น

โห… เพิ่งสังเกตว่าเรา Obsessive เรื่องแขกมากขนาดไหน นี่เล่ามายาวมากแล้ว ยังไม่จบเลยนะเนี่ย เอาเป็นว่าเดี๋ยวต่อภาค ๒ ดีกว่า คนที่เป็นแนวร่วมไม่ชอบแขกโปรดรออ่านด้วยใจระทึก ส่วนคนที่เป็นแฟนแขก เราต้องขอโทษด้วยจริงๆ อดบ่นไม่ได้อ่ะนะ