Name and Grammar
เราไม่มีชื่อเล่น ตอนที่เราเกิด ที่บ้านไปให้หลวงพ่อหยอดที่วัดแถวๆ บ้าน (วัดแก้วเจริญ) ตั้งชื่อให้ (เราเกิดวันจันทร์ แต่ทำไมชื่อถึงมีสระได้ก็ไม่รู้ คาดว่าหลวงพ่อจะใช้ตำราคนละเล่มกับตำราตั้งชื่อทั่วๆ ไป) หลวงพ่อบอกว่า เนี่ย ให้ชื่อว่า "นิจวรรณ" แล้วกัน แล้วก็ไม่ต้องตั้งชื่อเล่นนะ ให้เรียกว่า นิจวรรณ หรือจะเรียกว่า นิจ เฉยๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนที่บ้านก็จะเคยชินกับเรียกเราซะเต็มยศ นิจวรรณอย่างงั้น นิจวรรณอย่างงี้

ตอนเด็กๆ เราไม่ชอบชื่อตัวเองเลย เพราะมีเด็กแถวบ้านอยู่คนนึง ชื่อ แอ๊ว เขาอายุเยอะที่สุดในบรรดาเด็กๆ รุ่นเดียวกัน เขาก็เลยจะเป็นคนที่นำให้เด็กอื่นๆ อย่างเรา เก๋ และ เพื่อนเก๋ที่ชื่อ เล็ก เล่นอะไรต่ออะไร แอ๊วจะไม่เรียกเราว่า นิจวรรณ แต่จะออกเสียงว่า นิจ-จัน คือ รวบ "จะ-วัน" เข้ามาเป็นพยางค์เดียว นิจจันอย่างโน้น นิจจันอย่างนี้ เราก็แบบว่า ทำไมไม่เรียกชื่อเราให้ถูกๆ นะ แล้วก็พาลคิดไปว่า ถ้าเรียกไม่ถูกแบบนี้ เราชักจะไม่อยากชื่อนิจวรรณแล้วหละ เราจะเปลี่ยนชื่อเป็น "นิจจันทรา" ดีกว่า... มานึกตอนนี้แล้วจี้สุดๆ โห... ไม่รู้คิดได้ไง ฟังเหมือนตะละแม่จันทราในผู้ชนะสิบทิศเลย

พอโตขึ้นมาหน่อยเราก็ล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นนิจจันทรา แต่หันมาไม่พอใจกับการที่เราไม่มีชื่อเล่นเหมือนคนอื่นๆ เขา ใครๆ เขาก็มีชื่อเล่นกัน ทำไมเราไม่มี เก๋ยังมีชื่อเล่นเลย เตี่ยกับแม่ทำไมไม่ยุติธรรม (นิสัยของลูกคนเล็ก จอมโวยวาย เอาแต่ใจตัวเอง) เฮอะๆ เราแก้ปัญหาเองก็ได้ เวลามีใครถามเราจะบอกว่า เราชื่อเล่นชื่อ "นิด" เรารู้สึกว่า ไม่มีใครเขาชื่อเล่นชื่อ "นิจ" หรอกนะ แต่ชื่อเล่นชื่อ นิด มีเยอะ อย่าง หนูนิด หนูหน่อย หนูไก่ หนูแจ๋ว (มาจากเพลงอะไรตอนเด็กๆ หรือเปล่า รู้สึกมันคุ้นยังไงชอบกล) อะไรทำนองนั้น แล้วต่อมา นิด อรพรรณ พานทองก็กำลังดังด้วย (โห ไม่อยากเล่าเลย มันจะเผยถึงความมีอายุของเรา... แต่ก็มีแต่คนเก่า ที่ชอบเล่าความหลังแหละเนาะ) เวลาเขียนอะไรๆให้เพื่อน อย่างสมุด Freindship หรือโน้ตต่างๆ เราก็จะเขียนว่า "จาก นิด" อยู่ช่วงนึง ประมาณว่าตอนนั้นรู้สึกว่า cool มาก ก็มีชื่อเล่นสมใจแล้วนี่ แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมเราไปเขียนอะไรให้ก๊อเล็ก (พี่ชายคนรอง) แล้วเขาก็เห็นเราเขียนว่า นิด เขาบอกว่าทำไมเราเขียนแบบนั้น ชื่อของเราถูกตั้งขึ้นมาด้วยความตั้งใจ และมีความหมายที่ดี เราชื่อว่า นิจ มีความหมายดีกว่า นิด ที่แปลว่าเล็กน้อย ตั้งเยอะ ทำไมไม่เขียนให้ถูก ตั้งแต่นั้นมา เราก็เขียนชื่อตัวเองว่า นิจวรรณ และ นิจ (กรณีต้องการย่อ) อย่างมั่นใจและภูมิใจ

หลังจากที่เรา get over ความรู้สึกประสาทๆ เกี่ยวกับชื่อ/ชื่อเล่นไปได้ เราก็ค่อนข้าจะภูมิใจกับชื่อตัวเอง เพราะมันแปลกๆ ไม่ซ้ำกับใคร เอาเป็นว่าตั้งแต่เกิดมาเรายังไม่เจอใครที่มีชื่อเดียวกับเราตัวต่อตัวซักที เคยแต่มีคนมาบอกว่า ญาติหรือคนรู้จักของเขาชื่อเหมือนเรา อะไรทำนองนั้น คนจะชอบบอกว่า ชื่อแปลกดี แปลว่าอะไรเหรอ เราก็ตอบเขาไม่ได้ซักทีว่าแปลว่าอะไร แต่ความภูมิใจก็ไม่ได้ลดเลย (หลังจากมีคนถามบ่อยๆ ก็ไปเปิดพจนานุกรมดู นิจ แปลวว่า เสมอ เที่ยงแท้ ยั่งยืน วรรณ แปลว่า ทอง หรือแปลว่า ผิวพรรณ ก็ได้ ความหมายแยกๆ กันก็ดีทั้งคู่ แต่เอามารวมกันแล้วมันแปลกๆ จะแปลว่า "ทองเสมอ" หรือ "ผิวพรรณยั่งยืน" ก็ประหลาดทั้งคู่ แปลไม่ได้ก็เลยไม่แปลดีกว่า)

บางทีคนจะชอบอ่านชื่อเราผิดเป็น "นิลวรรณ" อาจเป็นเพราะมัน common กว่า นิจวรรณ ตอนที่ไปแข่งกีฬามหาลัยที่ขอนแก่น (ปีที่ขากลับนั่งรถคันเดียวกับแขกน่ะแหละ) เราไม่ได้ลงแข่งหรอก เป็น "ตัวยืน" (คือ เราเป็นนักกีฬาบริดจ์ คนที่เป็นตัวจริงจะได้นั่งเล่น ส่วนตัวสำรอง ได้ยืนดูรอบๆ เราเข้าไปปีแรกก็เลยได้เป็น "ตัวยืน" ปีต่อๆ มาถึงได้เป็น "ตัวนั่ง") ปีนั้น ทีมหญิงของลาดกระบังได้เหรียญทองแดง เรากก็พลอยได้เหรียญไปกับเขาด้วยทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงแข่งเลย (โดนพวกผู้ชายในชมรมล้อว่า "ตีขิม" ซึ่งเป็นแสลงที่พวกชมรมบริดจ์เข้าใจตรงกันว่า หมายถึงการที่คนคนนึงไม่ต้องทำอะไร แต่เพื่อนๆ ร่วมทีมช่วยกันทำจนประสบความสำเร็จ แล้วคนคนนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในผลดีจากความสำเร็จนั้นๆ ไปด้วย พวกผู้ชายในชมรมจะพูดแต่ว่า "นิจวรรณไม่ต้องทำอะไร ตีขิมอย่างเดียว" แต่เราว่าที่พวก "มัน" ล้อเป็นเพราะ อิจฉา ที่ไม่ได้เหรียญเหมือนเรา) ตอนที่เขาประกาศ เรียกขึ้นไปรับเหรียญ เขาประกาศว่า นางสาวนิลวรรณ พวกเพื่อนๆ ก็ฮากันตรึม หลังจากนั้น คนอื่นๆ แทนที่จะเรียกว่า นิจวรรณ ก็จะเรียก ว่า นิลวรรณ (หรือไอ้นิล) แทน แล้วก็มีการลามปามไปถึงว่า เรียกเราเป็นลูกหลานหนุมาณ คนที่เริ่มเรื่องเป็นคนแรกเราบอกว่า เขาจำได้ว่าตอนที่เรียนเรื่องรามเกียรติ์ หนุมาณ มีลูกหรือหลานชื่อ นิลวรรณ เราเถียงว่าไม่ใช่ แต่ก็จำไม่ได้แน่ เถียงๆ อยู่พักนึงก็เลิกไป เพราะ พอมันนานไปมุขมันก็จืด คนล้อเริ่มไม่สนุก ตอนหลังก็ลืมๆ ไปเอง

แต่เรื่องชื่อยังไม่จบ เขียนมาตั้งเยอะ เพิ่งได้แค่เรื่อง ชื่อ เองนะ ยังไม่เข้าเรื่อง grammar เลย ต้องต่อภาค ๒ เสียแล้วค่ะ....