WWW--What Women Want

"คำเตือน: ข้อเขียนวันนี้มีการพูดถึงพล็อตในหนังเรื่อง Dr. T & the Women ถ้าใครยังไม่ได้ดูและตั้งใจว่าจะดู น่าจะยังไม่อ่านดีกว่านะ เพราะอาจทำให้ความสนุกในการดูหนังลดลง"

ดูหนังของ Robert Altman เรื่อง Dr. T and the Women ไปเมื่ออาทิตย์ก่อนโน้น ผู้กำกับคนนี้เขาทำหนังที่มีเรื่องน้อยๆ ไม่เป็นนะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคนหลายๆ คน แต่ละคนก็มีเรื่องของตัวเองไป แต่ก็จะมีบางส่วนมาเกี่ยวพันกัน บางคนไม่ค่อยชอบการเล่าเรื่องของหนังแบบนี้ เพราะมันไม่ค่อยมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ค่อย powerful พอที่จะตรึงตราอยู่ในความรู้สึกของคนมากเท่าหนังที่พูดอยู่ประเด็นเดียว แต่เราก็ดูได้ และรู้สึกว่าสนุกดี (แต่ความจริงเราว่าหนังอะไรๆ เราก็จะดูสนุกไปหมด ไม่ค่อยเรื่องมาก เพราะเป็นคนบ้าดูหนัง)

หนังของ Altman ที่เราเคยดูก็อย่าง The Player ที่เป็นประมาณกัดๆ ประชดๆ วงการฮอลลีวู้ดซะสะใจ หรือ Pret-A-Porte ก็ประชดประชันวงการนางแบบ และเรื่องล่าสุดก่อน Dr. T ก็เรื่อง Cookie's Fortune เราได้ดูรอบ North America Premier ที่ Sundance Film Festival (ได้ลายเซ็น Glenn Close มาด้วยนะ ฟลุกมากๆ เดี๋ยวเอาไว้ว่างๆ อาจจะเล่าถึงประสบการณ์ที่เราไปลุยหิมะที่ Park City ในบรรยากาศ Sundance ให้ฟัง) แต่ทั้งหมดนี่ ถ้าให้เล่าเรื่องราวรายละเอียดนี่ต้องขอผ่านนะ เป็นคนชอบดูหนังก็จริง แต่จำได้แต่อารมณ์ที่ดูว่าชอบไม่ชอบ สนุกหรือน่าเบื่อ ตัวเนื้อหานี่ พอนานไปก็ลืม คนแก่แล้วก็แย่แบบนี้หละ

ที่จะพูดถึง Dr. T เนี่ย คือ รู้สึกว่ามันมีประเด็นให้เราได้คิดเกี่ยวกับความเป็นผู้หญิง-ผู้ชายสอดแทรกอยู่ ซึ่งเราอาจจะไปจับในจุดที่มันไม่ได้ชัดเจนมาเป็นประเด็นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ตัว Dr. T ในหนังเนี่ยเขาเป็นหมอสูตินารี ที่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาไฮโซสาวน้อยสาวใหญ่มาก มีคนไข้เยอะแยะมากมาย เพราะเขารู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไรให้ผู้หญิงพอใจได้ ชื่นชมในความเป็นผู้หญิง เข้าข้างผู้หญิง หญิง Dr. T บอกเพื่อนๆ ผู้ชายว่า ผู้หญิงเพียงลำพังน่ะ ไม่มีความสามารถจะเป็นคนไม่ดีหรือทำอะไรเลวร้ายได้ แต่เป็นเพราะพวกผู้ชายน่ะแหละที่ทำให้ผู้หญิงเป็นแบบนั้น เพื่อนๆ ที่ร่วมก๊วนตีกอล์ฟกับ Dr. T บอกว่า เขาเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด ประสบความสำเร็จในการงาน มีภรรยาแสนดี มีลูกสาว ๒ คน ชีวิตมีความสุข แถมเขายังมีในสิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่มี ความเข้าใจในตัวผู้หญิง--แต่นั่นเป็นแค่ต้นเรื่องเท่านั้น

ต่อมาเราได้พบว่า ภรรยาของ Dr.T เกิดป่วยเป็นโรคทางจิตแบบประหลาดที่ไม่ค่อยมีคนเป็นกัน คือ เสียสติ จำใครๆ ไม่ได้ และมีพฤติกรรมแบบเด็กๆ จนต้องส่งไปอยู่สถานบำบัดจิต โรคนี้มีชื่อเป็นภาษาหมอด้วยนะ อะไร Complex ไม่รู้ เราจำไม่ได้อีกตามเคย แต่สรุปคร่าวๆ เป็นโรคที่มักเกิดกับคนที่มีความสุขสมบูรณ์แบบ ครอบครัวมีความสุข ชีวิตมีพร้อมทุกอย่าง มีพร้อมเกินไป จนเกิดอาการหมดความกระตือรือล้น หมดกำลังจิตกำลังใจในการที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิม เพราะรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะดีสมบูรณ์แบบได้มากกว่าที่เป็นอยู่ สภาวะจิตใจเลยเกิดสับสน มีการถดถอยเข้าไปอยู่ในภาวะของความเป็นเด็ก เสียสติเพราะชีวิตดีพร้อมเกินไป ฟังแล้วทึ่งใช่มะ นี่หละ ที่เขาว่า คนบ้ามี ๕๐๐ ประเภท ไม่มีอะไรที่บ้าเกินไปในโลกกลมๆ ใบนี้

นั่นก็ทำเอา Dr. T กลุ้มไปเรื่องนึงแล้ว ยังจะมีเรื่องลูกสาวโต ที่วุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งงาน กับ ลูกสาวคนเล็กที่ดูจะขวางพี่สาวไปหมดเสียทุกเรื่อง Dr. T ให้เหตุผลหลังจาก Psycho-analyse ในฐานะสูตินารีแพทย์ที่ชีวิตรายล้อมไปด้วยผู้หญิงนับไม่ถ้วน ว่าเป็นเพราะ “น้องสาวอิจฉาพี่สาว” จากความเครียดจากเรื่องลูกๆ เรื่องภรรยา Dr. T ได้พบกับผู้หญิงหนึ่งที่มาเป็นโปรกอล์ฟที่สนามที่เขาตีเป็นประจำ ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้ Dr. T ติดใจ เพราะฉลาด มั่นใจในตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ในที่สุดก็ไปดินเนอร์ มีอะไรต่ออะไรกัน (ผู้ชายก็แบบนี้หละนะ จะให้รักเดียวใจเดียวน่ะหาให้ตายคงหาไม่เจอ ภรรยาอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต ตัวเองไปดินเนอร์กับโปรกอล์ฟสาวสวย)

เรื่องราวต่อไปมันก็อลวนพอสมควร ก่อนวันแต่งงาน ลูกสาวคนเล็กทนไม่ไหว ก็เลยมาบอกว่า ที่เธอขัดใจพี่สาวทุกอย่างเกี่ยวกับงานแต่งงาน ก็เพราะ พี่สาวเป็นเลสเบี้ยน แถมยังเชิญแฟน (สาว) เก่ามาเป็นเพื่อนเจ้าสาว (Maid of Honor) อีกด้วย น้องสาวกลัวว่า พี่สาวจะยังไม่เลิกกับแฟนจริงๆ Dr.T ก็อึ้งไปสิคะ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้มีงานแต่งงาน เพราะคิดว่าเป็นการตัดสินใจของลูก เป็นชีวิตของลูก นอกจากนี้โปรกอล์ฟที่เขาคิดว่ากำลังมีความรักด้วย ก็ดันดูเหมือนกับจะไม่สนใจเขาเท่าที่ควร เพราะไปทำงานต่างเมืองโดยไม่บอกว่าไปกับเพื่อนร่วมก๊วนตีกอล์ฟกับเขา ก็หงุดหงิดเพราะอารมณ์หึงอีก

ไคลแม็กซ์ของหนังมาอยู่ในวันแต่งงาน เป็นงานกลางแจ้ง ในสวนที่สระน้ำเล็กๆ หลายๆ สระ คนมากันพร้อม ปรากฏว่า บรรยากาศขมุกขมัว ท้องฟ้าราวกับพายุฝนจะตกโครมลงมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง Dr. T กำลังพาลูกสาวเดินเข้าไปหาบาทหลวง ภรรยานั่งอยู่ที่ม้านั่งถูกขนาบข้างโดยพยาบาลจากโรงพยาบาล ปรากฏว่า ลูกสาวแทนที่จะเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าว กลับเดินไปหา Maid of Honor ซะเฉยเลย แล้วก็กอดกันวิ่งออกไปจากงาน ทำเอาเจ้าบ่าวตกตะลึง ลมพัดหวีดหวิวอื้ออึงเป็นพายุ ฝนเริ่มลงเม็ดมา แขกในงานก็เลยวิ่งหนีกันชุลมุน แม่เจ้าสาวดีใจร่าเริงกระโดดลงไปเล่นในสระน้ำ Dr. T มองเหตุการณ์ด้วยความเครียด แต่สุดท้ายก็เหมือนคิดได้ มองเหตุการณ์ชุลมุนด้วยความขบขัน

Dr. T ได้คิดว่าชีวิตคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้ จากชีวิตที่คิดว่า ควบคุมได้หมดทุกอย่าง กลายมาเป็นสูญเสียการควบคุมทุกอย่าง เพราะฉะนั้นไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว เขาขับรถลุยฝนไปหาโปรกอล์ฟ เพื่อสารภาพว่าเขารักเธอ และขอให้มาอยู่กับเขา เขาจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรในชีวิตอีกต่อไป เพราะเขามีพร้อมทุกอย่าง ในชีวิตนี้เธอจะไม่ต้องทำอะไรหรือเป็นกังวลใจอะไรอีกต่อไป คำพูดที่โปรกอล์ฟตอบกลับมานี่สิ สุดยอด เธอหยุดนิดหนึ่งเพื่อจะเรียกความสนใจของ Dr. T กลับมา แล้วถามกลับไปว่า “but why do I want THAT?” โห… ทำเอา Dr. T อึ้งสุดๆ คนที่เคยคิดว่าตัวเองเข้าใจผู้หญิง รู้ว่าผู้หญิงต้องการอะไร กลับไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่าผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ๒ คน ต้องการอะไร เขารู้แต่ว่าเขาต้องการจะให้อะไรกับผู้หญิงเหล่านั้น ถ้าเขารู้สักนิดหนึ่งว่า ภรรยาเขาไม่ได้ต้องการชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ๑๐๐% ภรรยาคงไม่ต้องไปอยู่โรงพยาบาลโรคจิต โชคดีที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งฉลาดพอที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

ตอนจบต่อจากฉากนี้มันค่อนข้างจะประหลาดหลุดโลกมาก กึ่งจริงกึ่งฝัน และสร้างความประหลาดใจทำเอาคนดูอึ้งไปเลย เราไม่เล่าดีกว่า ถ้าใครอยากรู้ก็ไปหาวิดีโอมาดูเองแล้วกัน หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะแสดงผู้หญิงออกมาในแง่มุมของผู้หญิงสุดขั้ว อิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน อารมณ์แปรปรวน ในบรรยากาศเต็มไปด้วยด้านไม่ค่อยดีเอสโตรเจน (ยกเว้นโปรกอล์ฟกับลูกสาวคนเล็กของ Dr. T) ถ้าให้เราสรุป มันก็ยังเป็นหนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่ทำจากมุมมองของผู้ชายอยู่ดี ไม่มีทางที่ผู้ชายจะเข้าใจในความเป็นผู้หญิงได้หรอก ยังไงๆ ผู้หญิงยังเป็นปริศนาที่ผู้ชายไม่มีวันแก้ตกอยู่วันยังค่ำ :-)

::เก็บตกมาเล่า:: ๕ สิ่งที่ผู้หญิงกลัวที่สุด (ได้มาจากรายการ "สัญญามหาชน" ของสัญญา คุณากร)
๕. กลัวอกหัก
๔. กลัวความมืด
๓. กลัวความแก่
๒. กลัวตกงาน
๑. กลัวความอ้วน

น่าประหลาดใจที่ไม่มี กลัวตาย กลัวถูกทำร้าย แสดงว่ากลุ่มที่ไปสำรวจมา ค่อนข้างมีความปลอดภัยในร่างกายและชีวิตในระดับหนึ่ง แต่ที่น่าสนใจ คือ ความผอม กลายเป็นค่านิยมของผู้หญิงสมัยนี้ไปเสียแล้ว เราเอามาต่อกับ ข้อมูลที่เราได้ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา จะมีโฆษณาทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์เกี่ยวกับพิษร้ายของยาลดความอ้วน ที่มีฤทธิ์สามารถทำให้ประสาทหลอน เสียสติได้ และชักชวนให้มุ่งลดความอ้วนด้วยการออกกำลังกาย แสดงว่าต้องมีคนจำนวนมากที่ใช้ยาลดความอ้วนอย่างไม่ถูกวิธีจนเป็นอันตรายต่อชีวิต น่าเศร้าที่กระแสสังคมบางทีก็รุนแรง จนทำให้เกิดความสูญเสียกับคนบางคนอย่างใหญ่หลวง