Gossip... Love Affair...

มีคนมาแอบนินทาคนอื่นให้เราฟัง เรื่องมีอยู่ว่า มีคนรู้จักกันคนหนึ่งเป็นผู้ชาย หน้าตาใช้ได้และมีมนุษยสัมพันธ์ดี (โดยเฉพาะกับสาวๆ จะดีเป็นพิเศษ) เขาว่ากันว่าคนคนนี้ไปแย่งแฟนของคนที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเขาเอง (ปกติเขาก็จะเปลี่ยนคนควงแทบๆ ไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้ว แต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นแฟนของรุ่นพี่) และยิ่งไปกว่านั้นเขายังควงแฟนที่แย่งมาเจอกับรุ่นพี่คนนั้นอีก ความที่รุ่นพี่เป็นคนเฉยๆ และคิดว่าเป็นรุ่นพี่ ก็เลยได้แต่มองตาปริบๆ คนที่มาเล่าให้เราฟังอยู่ในอารมณ์แบบว่า ผู้ชายคนแรกทำไมถึงทำแบบนั้นกับรุ่นพี่ได้หนอ แย่จริงๆ แล้วคนที่เป็นรุ่นพี่ก็น่าสงสาร โดนแย่งแฟน แล้วก็ทำการวิเคราะห์วิจารณ์กันต่อไป

ปกติเราไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องนินทากาเล ถ้ามีคนมาเล่าให้เราฟังเราก็จะฟังๆ เอาไว้ แต่จะไม่วิเคราะห์วิจารณ์ เราว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของเรา เพราะฉะนั้นวิเคราะห์ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา นอกจากว่าอยากจะหา Topic คุยฆ่าเวลา (โห… หาตัว ฆ. ระฆัง เกือบไม่เจอ) แต่ถามว่าเรามีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เราฟังไหม คำตอบคือ “SURE, I have” คนที่เกิดใต้ราศีกันย์เกิดมาเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์คนอื่นอยู่แล้ว มันเป็นสันดาน

เรากำลังหา Topic ฆ่าเวลาอยู่พอดี มาคุยเรื่องนี้กันหน่อย เราคิดไม่ตรงกับคนอื่นๆ คิด (อีกแล้ว ถึงไม่น่าแปลกอะไร ที่เราจะโดนคนเกลียด เพราะความคิดขัดกับเขาไปทั่ว) เราไม่ได้รู้สึกว่า ผู้ชายคนแรกจะแย่ขนาดนั้นในการไปเป็นแฟนกับคนที่เคยเป็นแฟนรุ่นพี่ เราไม่คิดว่าเขา “แย่ง” แฟนหรอกนะ คนเรามีสมอง มีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าหากเราใช้คำว่า “แย่งแฟน” เรากำลังมองว่าสถานการณ์นี้ มีผู้เล่นอยู่แค่ ๒ คน คนมักมองข้ามความจริงที่ว่า ยังมีผู้เล่นอีก ๑ คน ซึ่งเป็นคนที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์มากที่สุด คือ ผู้หญิงคนที่เป็นแฟน

มันเป็นการดูถูกความคิดสติปัญญาของผู้หญิงคนนั้นมาก ถ้าจะคิดว่า เธอถูก “แย่ง” ไปจากคนที่เป็นรุ่นพี่ นี่เรากำลังพูดถึงคนนะ ไม่ใช่สิ่งของ จะได้แย่งกันไปมาได้ ที่จริงแล้ว มันเป็นแค่ผู้หญิงคนนั้น “ตัดสินใจ” ที่จะเปลี่ยนไปคบกับผู้ชายคนแรกมากกว่า เหตุผลเบื้องหลังในการตัดสินใจคืออะไร อยู่นอกเหนืออำนาจที่เราจะเดาได้

ถามว่า แล้วผู้ชายที่ถูกโดนประนามว่า แย่งแฟนรุ่นพี่ ทำผิดหรือทำตัวเลวร้ายไหม เขาไม่ได้ผิดที่ไปเป็นแฟนกับแฟนรุ่นพี่ แต่ผิดดันควงกันมาให้เห็น ผิดที่ไม่สงสารความรู้สึกของคนอื่นมากกว่า ถ้าเขาทำไปเพราะความไม่รู้ ไม่สนใจก็ผิดน้อยหน่อย แต่ถ้าจะทำเพื่อโชว์ว่าผมแน่กว่าพี่นะครับ ก็แย่มากๆ แต่ไม่เกี่ยวกับการไปเป็นแฟน เกี่ยวกับเหตุการณ์หลังจากเป็นแฟนแล้วมากกว่า

ปกติเวลาคนที่เป็นแฟนกันเลิกกัน แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปมีแฟนใหม่ ก็จะมีการพูดกันว่า คนที่เป็นแฟนใหม่ เป็นมือที่ ๓ เป็นคนมาแย่งแฟน ทำให้เขาเลิกกัน เราไม่เห็นด้วยเลย เราว่า ส่วนใหญ่ของคู่ที่มีเหตุการณ์แบบนี้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเขาพร้อมที่จะเลิกคบอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่สบโอกาสมากกว่า พอมีคนที่ ๓ มาแสดงเจตน์จำนงค์ ก็เลยเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เป็นคนหาทางออก (ที่อาจจะไม่ได้เป็น Win-Win Solution) ให้กับความสัมพันธ์ที่ปัญหา ก็แค่นั้น

เวลาคนที่คบกันเลิกกัน คนชอบพูดว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิด (ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายที่ไปมีคนใหม่ได้เร็วกว่า หรือคนที่ดูแล้ว Suffer กับเหตุการณ์นั้นน้อยที่สุด) แต่เราว่าไม่มีใครผิด หรือถ้าจะว่าผิด ก็ผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย (หรือ ๓ ฝ่าย ๔ ฝ่าย แล้วแต่ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกี่คน) คนที่ตัดสินใจคบกัน นานๆ ไปก็มีสิทธิ์เปลี่ยนใจได้ เขาอาจจะตัดสินใจคบกันเพราะอะไรก็แล้วแต่ (หน้าตา นิสัยใจคอ ความสามารถ ทรัพย์สิน) แต่เมื่อไหร่สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจมันเปลี่ยนไป ไม่ตรงกับที่เขาคิดไว้ (อาจจะเป็น เพราะเขามองคนผิดไป หรือเป็นเพราะความต้องการของเขาไปเลี่ยนไปจริงๆ) เขาก็ควรจะเปลี่ยนใจได้โดยไม่มีความผิด อันนี้พูดถึงทั้งสองฝ่ายเลย แต่ส่วนใหญ่ปัญหาความวุ่นวายมันจะเกิดขึ้นเวลาที่ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับไม่ได้ว่ากับการเปลี่ยนใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็เลยกลายเป็นว่า คนนั้นแย่งแฟนเพื่อน คนนี้ทิ้งแฟนเก่าไปหาแฟนใหม่ ไม่ใช่เลย!!! มันมีอะไรมากกว่านั้น มันมีหลากหลายเหตุผลที่คนรักกัน และมันก็มีหลากหลายเหตุผลที่คนเลิกกัน มันมีอะไรอยู่เบื้องหลังมากกว่าสิ่งที่ตามองเห็นจ้ะ