Scent-sitive

ตอนนี้ที่ทำงานเรามีการปรับปรุงตกแต่งใหม่อีกแล้ว เพราะบริษัทที่อยู่ชั้นเดียวกับเราเขาย้ายออกไปอยู่ตึกอื่น บริษัทเราก็เลยขยายพื้นที่ออกไปจนเต็มชั้น (จากเดิมมีแค่ ๓ ใน ๔ ของชั้น) ก็เลยต้องรื้อพวกผนังและตู้ที่บริษัทเดิมติดตั้งไว้แล้วก็จัดการกั้นห้องและกั้นคอกใหม่ (อันแรกสำหรับผู้บริหาร ส่วนอันหลังสำหรับพนักงาน เราแอบแปล คำว่า Cubicle หรือ Booth ว่า "คอก" เป็นการตอกย้ำสภาพความเป็นอยู่ของพนักงาน :-) )

เมื่อวานตอนเช้าเข้ามาที่ทำงานเลยได้กลิ่นแปลกปลอมลอยวนเวียนอยู่ในอากาศ ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นสี กลิ่นน้ำยาทำความสะอาด และกลิ่นสารเคมีอื่นๆ ที่เราไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร แต่ที่รู้ๆ มันทำให้เรารู้สึกไม่สบาย หายใจแล้วรู้สึกกึกกักๆ ในจมูกและคอ มันรู้สึกแห้งๆ เหมือนกับจะเป็นหวัด (หรือแพ้สารเคมี?) รู้สึกว่าเราจะ Sensitive กับกลิ่นแปลกปลอมมากกว่าคนอื่นๆ เพราะ มีแต่เราคนเดียวที่บ่นตั้งแต่เช้า จนพอบ่ายๆ ก็รู้สึกว่ามีอาการคล้ายเป็นหวัดจริงๆ ซะแล้ว คือ จาม มีน้ำมูก และมีเสมหะในคอ สรุปได้ว่า เราแพ้อากาศ (ที่มีกลิ่นแปลกปลอม) จนไม่สบาย

นี่ไม่ใช่ครั้งเรกที่เราเป็นแบบนี้ เราเคยก็เป็นแบบนี้มาก่อน ตอนนั้นเขากั้นผนังใหม่เพื่อทำห้องสมุด เลยต้องทาสีใหม่ด้วย เราก็จมูกไวได้กลิ่นอยู่คนเดียว คนอื่นเขาก็นั่งทำงานกันเฉยๆ แต่อาจจะเป็นเพราะ เรานั่งใต้ช่องแอร์ด้วย เราก็บ่นๆๆๆๆ ว่า มาทาสีอย่างนี้เราทำงานไม่ได้ เสียสุขภาพ ทำให้เราป่วย เราจะลางานอยู่บ้าน คนอื่นก็นึกว่า เราเล่นมุข ปรากฏว่า เราป่วยจริงๆ หลายวัน ด้วย แต่ไม่ได้ลาป่วยหรอกนะ ไม่กล้า เพราะดันไปประกาศปาวๆ แบบนั้น กลัวว่า ถ้าลาไป เดี๋ยวคนอื่นๆ จะคิดว่า เราป่วยการเมืองอู้งาน ทั้งๆ ที่ป่วยจริง แย่จริงๆ เลย

เคยได้ยินมาว่า ธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าประสาทส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่องไป ก็จะมักจะมีการพัฒนาประสาทส่วนอื่นๆ มาชดเชยเพื่อการอยู่รอด อย่างคนตาบอด ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ประสาทหูดีมากๆ แยกแยะเสียงต่างๆ ได้ดี เรา เลยคิดว่าบางทีการที่เรา Sensitive ต่อกลิ่น อาจเป็นการชดเชยกับการที่เราหูไม่ค่อยดี เพราะเวลาเราคุยกับใคร ถ้าเขาพูดเบาๆ เราจะ “หา… อะไรนะ” อยู่บ่อยๆ อย่างเวลาเราคุยกับเก๋เวลาขับรถ บางทีทะเลาะกันไปเลย เพราะเราจะโมโหว่า เก๋พูดอะไรไม่รู้เรื่อง เก๋ก็จะโมโหว่าพูดเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียที แต่หลังๆ นี่ชักรู้แกว เราจะไม่ "หา… อะไรนะ" แล้ว ถ้าไม่ได้ยิน ฟังไม่รู้เรื่องก็ช่างมัน เดี๋ยวถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องรู้เองทีหลัง ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ไม่คุ้มที่จะมาทะเลาะกัน รู้อย่างนี้แล้วถ้าใครจะมากระซิบอะไรๆ กับเรานี่ ต้องทำใจ เพราะเราจะไม่ค่อยรู้เรื่อง

มานึกๆ ดู ความที่เราป็นคนที่ Sensitive กับกลิ่นมากมีผลต่อนิสัยความชอบไม่ชอบของเราเหมือนกัน เราไม่ชอบไปตามผับตามเธคหรือสถานที่ที่อนุญาตให้สูบบุหรี่เท่าไหร่ เพราะเหม็นควันบุหรี่ อึดอัด แล้วก็พาลจะน้ำมูกไหลหรือไม่ก็แน่นจมูก หายใจไม่ออก นอกจากนี้ มันยังเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราเดือดร้อนกับการต้องคลุกคลีปฏิสัมพันธ์กับแขกมากนัก เพราะเราไม่ชอบ “กลิ่น” แขก ถ้าเป็นแขกที่ไม่มีกลิ่น เราอาจจะมาพิจารณาว่า เขาเป็นคนดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ถ้ามีกลิ่นมาก่อน เราก็ไม่คิดอะไรแล้ว ไม่ยุ่งดีกว่า อ๊ะ…พูดเรื่องกลิ่นอยู่ดีๆ กลับมาเรื่องแขกอีกแล้ว ไม่ได้ตั้งใจริงๆ นะเนี่ย :-) ความจริงถ้าจะให้ยุติธรรมหน่อยเราก็จะต้องบอกว่า ถึงคนที่ไม่ใช่แขก ถ้าใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆ ที่เราไม่ชอบ (เช่น กลิ่นกำยาน... โอเคๆ กลิ่นอื่นๆ อย่าง น้ำหอม CK One เราก็ไม่ชอบ) เราก็ไม่อยากคุยด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ "เหยียดผิว" หรอกนะ แต่ "เหยียดกลิ่น" ตะหาก เฮ้อ… ดีขึ้นไหมเนี่ย หรือว่ายิ่งแก้ตัวก็ยิ่งแย่


::เรื่องนอกเรื่อง>> เมื่อคืนนี้ดูโทรทัศน์ เห็นดารา เกรียงไกร อุณหนันท์ เล่นเป็นพ่อในเรื่อง “สามีตีตรา” เขาดูเหมือน Tim Robbins มาก Tim Robbins เป็นดาราที่ขึ้นแท่นพระเอกสุดโปรดของเรา จาก หนังเรื่อง Shawshank Redemption เป็นหนังสุดโปรดในดวงใจเรื่องหนึ่ง ดูแล้วดูอีก หลายๆ รอบก็ยังชอบ มีเรื่องราวประทับใจเยอะแยะหลายหลากมาก มีหักมุม มีสุข มีตลก มีเศร้า ดูเป็นชีวิตจริงๆ ดี คือไม่ได้ดีไปซะหมดทุกอย่าง ที่ชอบที่สุด คือ พอดูจบออกมา แล้วมันอิ่มใจ ไม่หดหู่ สร้างกำลังใจให้คนมีความหวัง รู้สึกว่าโลกนี้ยังน่าอยู่