Football Fever

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนทีมลิเวอร์พูลมาเตะฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมชาติไทย ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการแข่งกับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เราเป็นเรื่องของการค้าและผลประโยชน์ ๑๐๐% นัดแรกสนับสนุนโดย Coke กับ TAC ถ่ายทอดโดยช่อง ๓ ผลการแข่งขัน ลิเวอร์พูลชนะ ๓-๑ นัดหลังสปอนเซอร์เป็น AIS กับ Pepsi ถ่ายทอดโดยช่อง ๗ แมนยูชนะ ๒-๑ เราว่าคนสมัยนี้บ้าฟุตบอลมาก และดูฟุตบอลกันเป็นแฟชั่น โดยเฉพาะพวกเด็กวัยรุ่น (ที่จริงเดี๋ยวนี้ อะไรๆ ก็เป็นแฟชั่นทั้งนั้น ใครเขาฮิตอะไร ถ้าเราไม่ฮิตด้วย เดี๋ยวเพื่อนไม่คบ ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่า ตกลงเขาคบกับคน หรือคบกับสิ่งของปัจจัยภายนอก)

อย่างฟุตบอลเนี่ย เดี๋ยวนี้ดูกันหมดทั้งวัยรุ่นผู้ชายผู้หญิง ลูกเล็กเด็กแดง ที่ร้ายคือ ไม่ดูเปล่า มีการพนันด้วย แล้วก็ไม่ได้พนันบาทสองบาท วงเงินพนัน เป็นพันๆ หมื่นๆ แสนๆ สมัยช่วงฟุตบอลโลกคราวที่แล้ว เพื่อนเราบอกว่า ที่คณะเราที่ลาดกระบัง พวกน้องๆ เด็กนักเรียนวิศวะ(ที่น่าจะมีความรู้คิดดีพอ) เล่นพนันกันเป็นหลายๆ พัน สงสัยจริงๆ ว่าเอาเงินมาจากไหน เราคิดว่าคงมีคนที่ดูฟุตบอลเป็นกีฬาจริงๆ ชอบในเกมการเล่นจริงๆ แต่ตอนนี้มีคนอยู่เยอะมาก ที่ดูไปตามกระแสกับดูเป็นการพนัน คนที่มีความสุขที่สุดก็คือ พวกที่จัดการแข่งขัน เพราะขายตั๋วขายของขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกันได้เงินสบายใจเฉิบ กับอีกพวกนึงคือ พวกโต๊ะรับพนันบอล พวกนี้มีความสุขมากเวลามีการแข่งเกมใหญ่ๆ และยิ่งมีการประชาสัมพันธ์มากเท่าไหร่ วงเงินหมุนเวียนในโต๊ะพนันยิ่งเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว

ตอนที่ทีมลิเวอร์พูลมา รายการสมาคมชมดาว (ช่อง ๓ เป็นคนจัดการ) ได้จัดรายการตอนพิเศษ เป็นการสัมภาษณ์ ดาวเตะของทีม อย่างไมเคิล โอเวน แล้วก็อีก ๓-๔ คนที่เราจำชื่อไม่ได้กับโค้ช เราว่า รายการโดยรวมๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะการวาง Script ในรายการไม่ค่อยดี และการพูดจาท่าทางก็ออกจะเป็นการใช้ Insider Joke มากเกินไป ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี คือ เรารู้สึกว่า พวกนักเตะกับโค้ชลิเวอร์พูลเขาดูงงๆ กับคำถามหรือท่าทางการแสดงออกหลายๆ อย่างของ ๒ แหม่ม เพราะไม่เคยชินกับคำถามหรือมุขต่างๆ ในวัฒนธรรมของเรา

มีอยู่ตอนนึงที่เรารู้สึกว่าเขาสะดุดมาก คือตอนที่มีการมอบกางเกงนักมวยให้กับนักเตะ ๔-๕ คนนั่นเป็นของที่ระลึก พวกนักเตะก็ทำหน้าตาดีใจ มีการลุกขึ้นมาใส่กางเกงที่เพิ่งได้มา หน้าตาชื่นบาน ส่วนโค้ชมองตาปริบๆ เพราะ เขาเตรียมมาให้แต่นักเตะไม่มีให้โค้ช แต่ปรากฏว่าเขาเตรียมของที่ระลึกอีกชิ้นนึงมาให้โค้ช เป็นงานฝีมือเอาไว้ตั้งโชว์ประดับบ้าน จำไม่ได้แน่ว่าเป็นเรือสุพรรณหงส์ หรืออะไรซักอย่างที่แสดงวัฒนธรรมไทยใส่ในกล่องกระจกสวยงาม เราเห็นก็เข้าใจปั๊บเลย ว่าทางคนจัดเขาคงคิดว่า โค้ชเป็นผู้ใหญ่ต้องให้ของที่เหมาะกับผู้ใหญ่ เป็นของที่ดีกว่าแพงกว่า (คนไทยดูของที่ราคา ไม่ใช่คุณค่า) แต่เราว่าอีตาโค้ชแกไม่เข้าใจ แกไม่ได้คิดว่าของถูกของแพง แกคิดแค่ว่า มาด้วยกัน ได้อะไรก็น่าจะได้เหมือนๆ กัน แกก็มองไปที่กางเกงนักมวยของนักเตะในทีม แล้วก็มองมาที่กล่องกระจกในมือแก แต่หนูแหม่มแคทลียาก็ค่อนข้างจะไว เลยบอกไปว่า ทางรายการเตรียมของให้สำหรับทุกคนนะคะ เดี๋ยวทุกคนจะได้เหมือนๆ กัน

แต่ที่ฮือฮาจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่ใช่อะไรที่เราเล่ามา แต่เป็นตอนจบการสัมภาษณ์ที่มีนักบอลคนนึงแทนที่จะจับมือร่ำลาหนูแหม่มแคท กลับสวมกอดเข้าไปเต็มๆ ทำเอาคนออกมาวิพากย์วิจารณ์ว่าเสียเกียรติหญิงไทยบ้างหละ ทำอย่างนี้ดูถูกหญิงไทยบ้างหละ (อันแรกคือผู้หญิงคิด ประมาณอิจฉาน้องแหม่ม อันหลังนี่ผู้ชายคิด อิจฉาเหมือนกัน อยากกอดน้องแหม่มบ้าง) แต่เราเฉยๆ เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนั้นแล้ว มันไม่ได้น่าเกลียดอะไร ถ้าจะพูดเรื่องเสียเกียรติ ดูถูกหญิงไทย เราว่า มีอย่างอื่นที่แย่กว่า เช่น การถามคำถามว่า มาเมืองไทยแล้วหลงเสน่ห์หญิงไทยคนไหนหรือยัง หรือการที่แหม่มสุริวิภาพยายามแสดงความสนิทสนมเอ็นดูพวกนักเตะหล่อๆ ด้วยการไปจับมือจับแก้มเขา อันนี้เราว่าไม่เหมาะสมกว่า แต่ก็นั่นแหละ เราก็มักคิดอะไรไม่ค่อยตรงกับคนอื่นๆ เท่าไหร่

เราคิดว่าตอนลิเวอร์พูลมาบ้ามากแล้ว ตอนแมนยูยิ่งแล้วใหญ่ แต่บ้ายังไงไว้ว่าต่อตอนหน้าดีกว่า อ้อ มีเรื่องจี้ (หรือที่จริงคือเชยๆ) ของเรา คือตอนแรกที่เราได้ยินในข่าวว่า จะมีทีมฟุตบอลจากอังกฤษมาแข่งเชื่อมความสัมพันธ์กับทีมชาติไทย เราก็คิดว่า เอ… จะเล่นสู้เขาได้เหรอ จะเอาใครไปเล่นล่ะ อย่างคุณบรรหารเนี่ย แกจะวิ่งในสนามได้ซัก ๑๕ นาทีไหม คือใจน่ะ คิดไปถึง การแข่งขันเฉพาะกิจเพื่อการกุศล กับทีม(ของพรรค)ชาติไทย ไม่ใช่นักกีฬาทีมชาติไทย (แป่ว!!!)

QUOTE: A synonym is a word you use when you can't spell the word you first thought of. -- Burt Bacharach