After the kickoff

มาต่อเรื่องฟุตบอล คราวนี้เป็นเรื่องของแมนฯยูฯ เริ่มต้นด้วยข่าวว่ามียาม(ไม่ใช่สิ เขาให้เรียกว่า พนักงานรักษาความปลอดภัย นะ เพราะเรียกยามมันกระจอก) ของห้างแห่งหนึ่งกระโดดตึกตาย (และตายจริงๆ) เพราะไม่สามารถหาตั๋วไปดูแมนฯยูฯได้ ใครจะว่ายังไงก็ว่าไป แต่เราสงสัยว่าเขามีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ได้ยังไง น่าจะมีอะไรที่ทำให้เขาผิดหวังมาก่อนหน้านี้บ้าง แล้วเขาจัดการกับมันยังไง โดดตึกด้วยหรือเปล่า

ต่อมาเป็นการจัดห้องพักให้กับนักฟุตบอล ปรากฏว่าทางโรงแรม(ไม่รู้ว่าใช้อะไรคิดแทนสมอง) จัดห้องพิเศษให้เดวิด เบคแคม (ดาวเด่นของทีมแมนฯยูฯ ซึ่งสาวๆ กรี๊ดมากที่สุด เพราะหล่อมาก) เป็นห้องสวีท ประดับตกแต่งด้วยรูปเบคแคมและรูปลูกเมีย ในขณะที่นักบอลคนอื่นๆ เป็นห้องธรรมดา (คนไทยเป็นอภิสิทธิ์ชนนิยม) แถมพวกนักข่าวก็ชื่นชมปลาบปลื้มมาก ไปทำข่าว ถ่ายรูปห้องนี้กันใหญ่ ยังดีที่มีคนที่มีสติพอ (คนนั้นคือ เซอร์เฟอร์กูสัน โค้ชทีมแมนฯยูฯ) ได้ข่าวนี้ก่อนที่แมนฯยูฯจะมาถึงไทย เลยสั่งให้รื้อออกให้หมด และให้จัดห้องให้เบคแคมเหมือนๆ กับนักเตะคนอื่นๆ แต่ก็ยังมีคนไปบ่นว่า แหม… ข่าวไม่น่ารั่วไปก่อนเลย ไม่งั้นได้มี Surprise เขาต้องประทับใจสุดๆ อะไรประมาณนั้น ทำไมนึกไม่ออกว่า มันคือสปิริทของทีม ทุกๆ คนควรได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียม นึกดูว่าเบคแคมจะมองหน้าเพื่อนร่วมทีมยังไง เพื่อนร่วมทีมจะรู้สึกยังไง เราไม่ดังเท่า หล่อเท่าเบคแคมมั่งแล้วไป หรือไง? เราคิดไม่เหมือนมองไม่เหมือนคนอื่นอีกแล้วมั้ง

ก่อนการแข่งขันมีข่าวออกมาว่า ทีมแมนฯยูฯเตรียมเสื้อเบอร์ ๕๒ ไว้มอบให้นายกฯ เพราะรู้ว่านายกฯเป็นแฟนแมนฯยูฯ และที่ต้องเป็นเบอร์ ๕๒ ก็เพราะเป็นของขวัญวันเกิดปีที่ ๕๒ (วันคล้ายวันเกิดของนายก คือวันที่ ๒๖ มิถุนา มีคนไปอวยพรที่บ้านซอยจรัญฯ กันตรึม ชื่นมื่นไปทั่ว ยกเว้นชาวบ้านที่อยู่ในซอยนั้น เพราะรถติดบรร-ัย ไปเรียนไปทำงานสายกันเป็นแถวๆ เห็นว่ามีคนมาอวยพรกันตั้งแต่ตี ๕) ตามข่าวว่ากันว่า ที่ทีมแมนฯยูฯเตรียมของขวัญไว้แบบนี้เป็นยุทธศาสตร์ของการแย่งชิงตัวประธานในพิธี ถ้ามอบของขวัญให้ ยังไงนายกฯก็น่าจะไปที่ดูการแข่งขันที่สนาม

ตอนที่ลิเวอร์พูลแข่ง นายกฯไม่ได้ไปดู เลยมีคนพูดกันว่า นายกฯไม่ควรไปดูทีมแมนฯยูฯเหมือนกัน เพราะจะได้เป็นการยุติธรรม ไม่ลำเอียง แล้วยิ่งสปอนเซอร์หลักคือ AIS อีกยิ่งดูไม่ดีที่นายกฯจะไป เหมือนเป็นการโฆษณาสินค้าตัวเอง แต่ท้ายที่สุดนายกฯก็ไปดูแมนฯยูฯ มีคนพูดในแนวเห็นใจว่า แหม… การเป็นแฟนเชียร์ทีมใดทีมหนึ่งแล้วอยากจะไปดูเขาเล่นเนี่ย มันก็ห้ามกันไม่ได้ แล้วก็นานๆ กว่าเขาจะมาเมืองไทยครั้งนึง ก็แล้วแต่จะคิดกันไป

หลังจากการแข่งขันจบไปยังมีฟีเวอร์กันไม่เลิก มีการประมูลเสื้อของนักฟุตบอล เอาเงินไปช่วยการกุศล ปรากฏว่าเสื้อของเบคแคมถูกประมูลไปด้วยราคา ๒ แสนบาท คนที่ประมูลได้เป็นเด็กนักเรียนมัธยมผู้หญิง!!! เราฟังข่าวแล้วอึ้งไปเลย ข้อแรก เป็นเด็กนักเรียน เอาเงินมาจากไหนสองแสนบาท เราทำงานทั้งปียังไม่มีเงินสองแสนเลย แต่มีคนมาเล่าให้เราฟังว่า ในระหว่างการประมูล เด็กคนนี้เขาโทรศัพท์อยู่ตลอด เดาว่าโทรคุยกับพ่อแม่ (เพื่อขอเงิน) สรุปว่าพ่อแม่เขาคงให้เงินน่ะแหละ แต่เรามาสงสัยต่อว่าพ่อแม่เด็กเขาคิดอะไรยังไง ถึงยอมให้เงินลูก ๒ แสนบาท ไปประมูลเสื้อของนักฟุตบอล คนสมัยนี้เขาเลี้ยงลูกกันประหลาดขึ้นทุกทีๆ เขาแสดงความรักกันด้วยเงินกระมัง รักลูกมากจนลืมเหตุผล พ่อแม่จะอาจจะสามารถหาเงินเป็นแสนๆ มาให้ลูกได้ แต่ถามว่าลูกๆ จะอยู่อย่างไรต่อไป อนาคตข้างหน้าเขาจะดำรงชีวิตอย่างไร ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจมากๆ

ความบ้าคลั่งไคล้ของแฟนบอลแมนฯยูฯยังมีอีก มีเด็กนักศึกษา(สาว)มหาวิทยาลัยถึงกับร้องไห้โฮ เพราะไปส่งเบคแคมที่สนามบินไม่ทัน (อะไรมันจะขนาดนั้น อีหนู… เขามีความสำคัญอะไรกับชีวิตมากนักหรือ) และมีสาวไฮโซฯขอเข้าไปพักในห้องในโรงแรมที่เบคแคมไปพัก โดยเสนอจ่ายค่าพัก ๑ คืนให้ ถึง ๒ หมื่นบาท โดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามเก็บผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าเช็ดตัวและของใช้ที่เบคแคมใช้ไว้ออกไป นัยว่าอยากจะไปสัมผัสบรรยากาศที่นักเตะในดวงใจเคยอยู่ (ในข่าวเขาเขียนยิ่งกว่านี้ เขาบอกว่าสาวไฮโซฯ อยากจะไปสูดดมกลิ่นกายของนักเตะ… โอ มาย ก็อด!!!) โชคดีที่ทางโรงแรมเขาทำความสะอาดห้องไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ยังงั้น อาจจะมีข่าวสาวๆ ยื้อแย่งขอชิงเข้าพักที่ห้องที่ว่านี่ ให้เราได้รู้สึกอิดหนาระอาใจกันอีก ไม่รู้เหมือนกันว่า มันเป็นที่เรา หรือเป็นที่คนอื่นๆ อาจจะเป็นที่เรากลายเป็นคนไร้อารมณ์ ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย ชื่นชมหลงไหลใครๆได้มากๆ เหมือนพวกเขา เลยไม่สามารถเข้าใจการกระทำแบบนี้ได้

จากการจัดการแข่งขันฟุตบอล ๒ นัดนี้ Promoter ของทีมฟุตบอลบอกว่า ต้องมาปรับแผนการตลาดของทีมใหม่หมด คือเขาไม่คิดว่าจะมีแฟนบอลในภูมิภาคนี้เยอะขนาดนี้ และคลั่งไคล้ทีมของพวกเขาขนาดนี้ (ทั้ง ๒ ทีมไปแข่งที่สิงคโปร์ก่อนที่จะมาไทยด้วย ได้รับการต้อนรับดีเหมือนกัน) ทำนองว่า เขาอาจจะมาเล่นในแถบนี้ให้บ่อยขึ้น คนไทยฟังแล้วปลื้มว่า เขาประทับใจการต้อนรับของเรา และจะได้มีโอกาสได้ดูฟุตบอลดังๆ สดๆ บ่อยขึ้น แต่หารู้ไม่ว่ากำลังมองเราเป็นแหล่งเม็ดเงินแหล่งใหม่ ที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่

เรื่องนี้ตรงกับที่เราอ่านใน Time ว่า ตอนนี้มีทีมฟุตบอลในยุโรปหลายๆ ทีมเซ็นสัญญาซื้อตัวนักฟุตบอลทีมชาติของญี่ปุ่นไปเล่นในทีม อย่าง อาร์เซนัล ปาร์มา ตอนแรกเราคิดว่า โห… พวกญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้เจ๋งมากได้ไปเล่นลีกดังๆ แต่ปรากฏว่ามันมีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากความเจ๋ง เพราะเขาบอกว่า หลายๆ ทีมที่ซื้อตัวนักฟุตบอลญี่ปุ่นไปปุ๊บ ชื่อทีมนั้นๆ กลายเป็นชื่อติดปากของคนญี่ปุ่น ขายเสื้อขายของที่ระลึกได้ตรึม เป็นแหล่งรายได้ก้อนโตให้กับทีม จากความกดดันของการที่ค่าตัวนักฟุตบอลสูงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับความอิ่มตัวของตลาดแฟนบอลในยุโรป ทำให้ทีมฟุตบอลพวกนี้ต้องหาแหล่งรายได้แหล่งใหม่ๆ เขาเริ่มที่ญี่ปุ่นก่อน เพราะเป็นแหล่งเงินใหญ่ของเอเชีย และนักกีฬาฝีมือดี แต่ต่อไปจะต้องลามไปทั่วเอเชียแน่ คาดได้เลยว่า ต่อๆไปจะต้องมีนักฟุตบอลเอเชียไปปรากฏตัวในลีกดังๆ ของยุโรป รวมทั้งจะต้องมีทีมฟุตบอลดังๆ เดินทางมาเตะให้ดูถึงบ้านกันอีกบ่อยๆ แน่ๆ ก็เงินก้อนใหม่ใครจะไม่อยากได้ (แถมเจ้าของเงินหลอกง่าย เขาหลอกให้บ้าเห่ออะไร ก็บ้าตามเขาได้ ถึงไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็ทุ่มสุดตัว เพื่อให้ได้ชื่อว่าทันสมัย ไม่เชย) เฮ้อ…