Sunday Meeting
เมื่อวานไปเยี่ยมเก๋ที่นครปฐม เพราะเก๋ไปผ่าตัดหัวเข่าต้องเข้าเฝือกเดือนครึ่ง ความจริงการไปเยี่ยมเก๋เป็นข้ออ้างมากกว่า จุดมุ่งหมายหลักจริงๆ คือ การหาเรื่องเจอกันมากกว่า คราวนี้ได้เปลี่ยนสถานที่ออกมานอกกรุงเทพฯ ก็ดูตื่นเต้นกันดี ตอนแรกนึกว่าจะมีคนมาเยอะกว่านี้ แต่ปรากฏว่า ติดธรุะกันบ้าง ติดงานบ้าง ตามตัวไม่เจอบ้าง สรุปก็เหลือแต่คนหน้าเดิมๆ น่ะแหละ คือ มีนิจ พี่แก้ว พร แอน ลอยด์ แถมพ่วงน้องสาวลอยด์มาด้วย ไปถึงบ้านเก๋สิบเอ็ดโมงกว่าๆ นิจไปถึงก่อนแป๊บนึง เพราะนิจขับรถไปเองจากบ้านที่แม่กลอง ไปถึงก็ไม่มีอะไร นั่งเม้าท์เพื่อนๆ ที่ไม่ได้มาด้วย แบบแทบจะไล่ตามเลขที่ (เอ… ยังมีใครที่ไม่โดนนินทาอีกมั่งเนี่ย)

คราวนี้มีหัวข้อพิเศษ คือ การหาแพะรับความผิดต่างๆ ที่พวกเราเคยก่อๆ กันเอาไว้ เป็นต้นว่า เก๋มกมีความผิดโทษฐานที่ทำให้แม้นงอน จนหายไปจากวงการ room_5 พวกเราเห็นว่า เก๋ทำเกินไปที่ไปบ่นว่าแม้นชอบ forward อีเมล์ต่างๆ มาให้ (ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยากได้ forwarded mails จากแม้นเท่าไหร่ เพราะทำเอาหลายๆ คน mailbox ระเบิดไปแล้ว แต่ก็ไม่บ่น ได้มาก็ลบทิ้งไป เก๋แก้ตัวว่า เก๋พูดในฐานะตัวแทนเพื่อนๆ แต่พวกเราบอกว่า ฟังไม่ขึ้น) หรือกรณีที่แอนจิวโกรธ เพื่อนๆ ที่ไม่มีใครไปงานแต่งงานเขาเลย ความจริงอันนี้เป็นความผิดร่วมกัน แต่ถ้ายอมรับแบบนี้ มันไม่มันส์ ก็เลยสรุปกันว่า ให้เป็นความผิดของเอ๋หัวหน้าห้องของเรา กับตัวแอนจิวเอง โดยที่เอ๋มีความผิดฐานที่แอนจิวอุตส่าห์ไปงานแต่งงานเอ๋ (และเกริ่นไว้ ว่าจะแต่งงานเหมือนกัน) เอ๋ควรจะต้องไปร่วมแสดงความยินดีเป็นการตอบแทน ส่วนแอนจิวก็มีความผิดที่เพิ่งจะมางานแต่งงานเอ๋งานเดียว (ห้องเรามีแต่งงานกันไปแล้ว ๓-๔ คนแล้ว) แต่หวังให้เพื่อนๆ ไปงานตัวเองเยอะๆ ของแบบนี้ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ไปปรากฏตัวตามงานต่างๆ เยอะๆ เพื่อนๆ จะได้จำได้ และเกิดความละอายว่า เราต้องไปงานแอนจิวมั่งเว้ย

การที่พวกเรานินทาเพื่อนๆ ไป ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกนะ เป็นการนินทาแบบเอามันส์ และเป็นการแสดงความคิดถึงเพื่อนๆ ตะหาก แต่ก็แฝงไปด้วยความสะใจเล็กน้อย (ก็นัดกันแล้วไม่ยอมมา ก็ต้องโดนนินทาเป็นธรรมดา)

พวกเราไปเยี่ยมเก๋แล้วไม่ได้รู้สึกสงสารเก๋เท่าไหร่ เพราะพ่อ-แม่-น้องๆ ของเก๋ เอาอกเอาใจเก๋มากเป็นพิเศษ ในระหว่างที่พวกเรานั่งคุยกัน เก๋ก็จะเหมือนเป็นพระร่วง คือมีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรก็เป็นแบบนั้น ขอให้พ่อ-แม่-น้องทำอะไร พวกเขาก็ทำให้ ซึ่งก็ทำให้พวกเรารู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อย แต่ที่ไม่บ่นคือ พวกเราก็พลอยได้รับการเอาอกเอาใจไปด้วย มีอาหาร ขนมกินกันอิ่มหนำสำราญ เริ่มจากผลไม้กับขนมหวาน แล้วตามด้วยมื้อกลางวันเป็นหมูย่างราดน้ำจิ้มเผ็ดๆ ไก่ทอด หมูสะเต๊ะ และหมูย่างหนังกรอบชื่อดังของนครปฐม ตอนที่แม่เก๋ ยกอาหารมาให้พร้อมกับเรียกพวกเราไปช่วยยก เก๋มองตาปริบๆ พร้อมกับพึมพำว่า เฮ้ยๆ เกินงบแล้วมั้งเนี่ย เก๋สั่งแค่ ข้าวมันไก่ กับข้าวหมูแดงคนละห่อ (ห้ามเบิ้ล) เองนะ… เสียใจด้วยเก๋ เพื่อนมาทั้งที ก็ต้องให้มันหรูหราหน่อย (ฮา)

พวกเรากินกันท้องกางจนต้องย้ายมานอนเล่นบนเสื่อให้อาหารย่อย แล้วก็นั่งเม้าท์นอนเม้าท์กันไปเรื่อย (ในระหว่างนี้แม่เก๋ก็ยังมีการเอาผลไม้มาเพิ่มให้อีก ต้องขอขอบพระคุณจริงๆค่ะ) พอแดดร่มลมตกห้าโมงกว่าๆ ยุงเริ่มมาพวกเราเลยได้คิดว่าสมควรแก่เวลา ต้องกลับกันเสียที (เกรงว่าถ้าอยู่ต่อจะต้องรบกวนแม่เก๋ทำอาหารมื้อเย็นเลี้ยงพวกเราอีก เดี๋ยวแม่เก๋จะเข็ด แล้วห้ามไม่ให้พวกเราไปเที่ยวที่บ้านอีก)

ออกจากบ้านเก๋มา พวกเราว่าจะแวะกินข้าวเย็นกันที่ตลาดนครชัยศรี แต่ปรากฏว่า หาร้านที่เราตั้งใจจะกินไม่เจอ (พี่แก้วบอกว่า ชื่อร้านติ๊ก หรือไงเนี่ยแหละ) ประกอบกับฝนก็ตกๆ ด้วย ก็เลยตกลงว่าขับรถกลับกรุงเทพฯเลยดีกว่า แต่พอขับๆ มาก็ชักหิว เลยตัดสินใจไปกินสุกี้เอ็มเคกัน (นิจรู้ว่าเก๋ชอบกินสุกี้มากกก เลยคิดว่าเพื่อนไม่ได้กินก็จะกินเผื่อ อิอิ) ปรากฏว่า เก๋อุตส่าห์เป็นห่วงเพื่อน เห็นว่าฝนตกๆ เลยโทร.มาถามว่า ถึงกรุงเทพฯกันปลอดภัยดีหรือเปล่า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกเรากำลังโยนลูกชิ้น เนื้อหมู และผักต่างๆ ลงในหม้อสุกี้ โถ… อุตส่าห์ว่าจะกินกันเงียบๆ ไม่ให้เก๋ต้องน้ำลายไหล เลยอดไม่ได้ เยาะเย้ยไปจนเก๋ต้องรีบวางสาย สรุปว่า เพื่อนๆ กลับมาถึงกรุงเทพฯ ปลอดภัยดี แถมได้มากินสุกี้เอ็มเคเผื่อเก๋อีกต่างหาก

Quote: Nothing is impossible for the man who doesn't have to do it himself. -- A. H. Weiler