We should try something once...
มีคนที่บริษัทเราเป็นชาวอเมริกัน ชื่อมาร์ติน ที่มาทำงานที่เมืองไทยอยู่พักนึง ตอนนี้กลับไปอเมริกาแล้ว แถมได้ดุลกลับไปด้วย คือเขาแต่งงานกับสาวไทย แล้วพากลับไปอยู่ที่อเมริกาโน่น (ตอนเราไปทำงานที่โน่นก็พยายามจะทำให้เมืองไทยได้ดุลคืนมาบ้าง -- แต่ก็อย่างที่เห็นๆ ว่าไม่สำเร็จ :-( ...เฮ้อๆๆ) ตอนที่มาร์ตินมาเมืองไทย เป็นครั้งแรกที่เขาได้เดินทางออกมานอกประเทศอเมริกา ก็ตื่นเต้นพอสมควร แต่เขาปรับตัวได้ดีมาก เพราะเขาไม่กลัวที่จะลองทำอะไรต่ออะไรแปลกๆ เขาบอกว่า เขาจะลองทำอะไรๆ ทุกอย่าง ที่ไม่เคยทำอย่างน้อยครั้งหนึ่ง ถ้าชอบ ก็จะได้ทำต่อไป แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่ทำอีก แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า สิ่งนั้นๆ มันเป็นอย่างไร

ตึกที่เราทำงานนี้มี ๒๖ ชั้น บริษัทเราอยู่ชั้น ๑๕ ที่ตึกมีลิฟท์อยู่ ๘ ตัว ตอนกลางวันลิฟท์จะแน่นพอสมควร เพราะใครๆ ก็คงอยากรีบลงไปกินข้าว ก็จะพยายามใช้ลิฟท์กันอย่างคุ้มค่า ส่วนใหญ่จะเดินชิดในโดยไม่ต้องมีใครทำตัวเป็นกระเป๋ารถเมล์ คอยเอากระบอกตั๋วกระทุ้ง มีอยู่วันนึง (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนต้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา) ตอนกลางวันลิฟท์ก็แน่นเป็นปกติ เรากับคนอื่นๆ ที่บริษัทก็พยายามทำตัวลีบ แทรกกันเข้าไปในลิฟท์ ก่อนก้าวขาผ่านประตูลิฟท์ มีพี่คนหนึ่งพูดว่า ตอนเช้าลิฟท์ตัวที่ ๘ ที่เขาขึ้นมันผิดปกติ ขึ้นมาได้ถึงชั้น ๑๑ แล้วมันกระตุก ไม่ยอมขึ้นต่อ ต้องออกมาเปลี่ยนเป็นลิฟท์ตัวอื่น

พอเข้าไปในลิฟท์ ประตูปิดเรียบร้อย ลิฟท์ก็เคลื่อนตัวลงตามปกติ ซักอึดใจเดียวมันก็เริ่มกระตุก คนในลิฟท์ก็คงร้องในใจเหมือนที่เราร้องว่า "เฮ้ยๆ อย่านะ เพิ่งพูดเรื่องลิฟท์ผิดปกติไม่ทันขาดคำ" มองไปที่ตัวเลขบอกชั้น เห็นเป็นตัว G (ถึง Ground Floor) พอดี ก็ค่อนข้างเย็นใจ แต่ประตูลิฟท์มันไม่ยอมเปิดอ่ะ นิ่งกันไปอึดใจหนึ่งถึงตระหนักได้ว่า ลิฟท์ค้าง ก็เลยมีคนกดปุ่ม Emergency มีเสียงพนักงานถามมาทางลำโพงว่า เป็นอะไร เราก็ตอบกันกลับไปว่า "ลิฟท์ค้าง" เขาตอบกลับมาว่า "เดี๋ยวจะส่งช่างขึ้นไปดู ใจเย็นๆ ครับ" ลิฟท์ที่เราติดกันอยู่เป็นลิฟท์ตัวที่ ๗

จากคำว่าเดี๋ยวของเขา ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างนิ่งเงียบ เราเอามือง้างประตูออก เพราะหวังว่า ลิฟท์อาจจะติดอยู่ที่ครึ่งๆ ของชั้น G เผื่อจะได้ปีนออกไป ปรากฏว่าเปิดออกมาเจอกำแพงปูนเต็มๆ แถมโดนคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ลิฟท์เอ็ดอีก บอกว่า "อย่าเปิดประตูสิครับ เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่" เราก็ต้องรอๆๆ บรรยากาศตอนแรกก็ปกติดี เพราะทุกคนคิดว่าเดี๋ยวก็คงได้ออก แต่เวลาผ่านไปช้าจัง ทุกคนเริ่มจะยุกยิกอึดอัด นับจำนวนคนในลิฟท์ได้ ๑๙ คน เริ่มมีการบ่นโน่นบ่นนี่ โชคยังดีที่ไฟไม่ดับ ก็เลยไม่มืดตื๋อ และมีลมระบายอากาศออกมาจากด้านบนตรงริมๆ ผนังลิฟท์ ก็เลยยังมีอากาศหายใจ (แอบนึกๆ ว่านี่ถ้ามีคนผายลมออกมา คงโดนประชาทัณฑ์แน่ๆ อยู่ไม่สุขจริงๆ… คิดเรื่องเหม็นๆ อีกแล้ว)

รอๆ ไปก็มีคนเอาโทรศัพท์มือถือมาโทรบอกเพื่อนว่า "ไม่ต้องรอนะ (คงหมายถึงรอกินข้าว) ตอนนี้เราติดอยู่ในลิฟท์" พอโทร. เสร็จหันมาถามคนอื่นๆ ว่ามีใครอยากจะยืมโทรศัพท์เขาหรือเปล่า เราเลยบอกว่า ช่วยโทรไป ๑๑๕๐ สั่งพิซซ่าให้ที บอกว่ามาที่ส่งในลิฟท์ที่ติดอยู่ระหว่างชั้น ๓ กับชั้น G (ก็มันเซ็งและหิวนี่นา) ระหว่างรอ ก็จะมีการกดปุ่ม Emergency ไปถามความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ ทุกครั้งเขาจะตอบอยู่อย่างเดียวว่า "ส่งช่างขึ้นไปแล้วครับ ช่างกำลังดูอยู่ รอเดี๋ยวครับ" ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังให้เรารอเดี๋ยวอยู่ ชักมีอาการโมโหหิว เริ่มพูดจาประชดประชัน เป็นต้นว่าบอกให้เจ้าหน้าที่ลิฟท์ช่วยเปิดเพลงให้ด้วยจะได้ไม่เหงา หรือบอกว่าให้ช่วยสั่งข้าวให้ พอได้ออกจากลิฟท์จะได้ไม่ต้องรอ แต่คนอื่นๆ เขาใจเย็นกว่าพูดเสียงค่อยๆ มาว่า "ค่อยๆ แก้ก็ได้ครับไม่เป็นไร รอได้" เราเดาว่าเขาคงกลัวช่างจะมือไม้สั่น ปลดเบรคปลดสลิงผิดพลาด แล้วลิฟท์หล่นกระแทก จะคอย่นกันหมดทั้ง ๑๙ ชีวิต แต่เราเป็นพวกปากห-ากล้าตาย ก็ยืนยันจะประชดต่อไปเป็นระยะๆ

ผ่านไปเกือบ ๔๐ นาทีก็มีเสียงคนพูดผ่านลำโพงมา (เป็นคนละเสียงกับเจ้าหน้าที่ที่บอกว่ารอเดี๋ยวๆ) ถามว่า "ทำอะไรกันอยู่ครับ" แหมคันปากอยากจะตอบไปว่า "พักผ่อนอยู่ในลิฟท์มั้งคะในนี้มันอบอุ่นดี" แต่ก็เกรงใจ เลยตอบไปแค่ว่า "ก็ติดอยู่ในลิฟท์สิคะ" (ในใจพูดต่อว่า ถามอะไรแมวๆ แบบนี้ฟะ) เขาตอบกลับมาว่า "เดี๋ยวผมจะปลดเบรค มันจะสะเทือนหน่อยนะครับ ไม่ต้องตกใจ" ปรากฏว่าตาคนนี้แกเป็นช่างลิฟท์ตัวจริง คาดว่า ที่ผ่านๆ มาที่อีตารอเดี๋ยวแกบอกว่าช่างกำลังซ่อมอยู่ คือการรับหน้า พูดจาหลอกล่อไม่ให้พวกเราโวยวายเกินไป เพราะหลังจากที่คนที่มาทีหลังเขาบอกเราได้ไม่กี่นาที ลิฟท์ก็ขยับแล้วเลื่อนมาจอดชั้น G จริง

ในที่สุดเราก็ออกจากลิฟท์มาได้อย่างสวัสดิภาพ ทุกคนทำหน้าโล่งใจตอนก้าวออกมาจากลิฟท์ คนอื่นๆ ที่อยู่ที่โถงหน้าลิฟท์เขาก็งงๆ ว่าไอ้พวกนี้มันบ้าหรือเปล่า แค่ออกจากลิฟท์ทำหน้าเหมือนได้เกิดใหม่ หารู้ไม่ว่าเราผ่านประสบการณ์อะไรกันมา เราไม่เคยติดอยู่ในลิฟท์มาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แล้วก็นานอย่างไม่น่าเชื่อ สิริรวมเวลาอยู่ในลิฟท์คือ ๔๕ นาที

เราเชื่อว่าสิ่งที่มาร์ตินพูดค่อนข้างจะถูก คือ คนเราควรลองทำอะไรที่ไม่เคยทำอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่เราว่ามาร์ตินคงไม่ได้หมายถึงการลองติดอยู่ในลิฟท์แน่ๆ เพราะเราตอบได้เลยว่า การติดลิฟท์ไม่สนุกหรอก เชื่อเหอะ ถึงไม่เคยก็ไม่ต้องลอง แม้จะแค่ครั้งเดียวก็ตาม