My fun... fun... week :'(

กิจกรรมแสนสนุกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามีดังนี้

วันเสาร์: ไปกินสุกี้ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เก๋(เพื่อน)เป็นเจ้ามือ เรากะจะถล่มเจ้ามือให้ราบคาบ แต่กินไปได้ไม่ถึง ๓๐๐ บาทด้วยซ้ำ (แย่มาก!! คราวหน้าต้องปรับปรุง) กินเสร็จไปเดินดูการ์ดกัน เราคิดว่าน่าจะได้การ์ดหรือจดหมายจากเก๋เร็วๆ นี้ เพราะอุตส่าห์ส่งโปสการ์ดไปให้ตั้ง ๒ รอบแล้ว ถึงคราวที่เก๋ต้องทดแทนความน่ารักดีงามของเรา

ซื้อการ์ดเสร็จเราอยากกินไอติม เลยไปที่บาสกินรอบบินส์ มีโปรโมชั่นไอศครีมซันเดย์ ซื้อ ๑ แถม ๑ แบ่งกันคนละถ้วย (เราเป็นคนจ่าย ความจริงเก๋น่าจะเลี้ยงนะ เพราะไม่ได้กินของหวานที่ร้านสุกี้... พลาดอีกแล้ว) ไอติมแค่คนละถ้วยแต่นั่งคุยรวดเดียว ๓ ชั่วโมง แถมตอนจะกลับ เห็นเขาทำลูกโป่งเป็นรูปดอกไม้อยู่หน้าร้าน เหมือนจะเอาไว้แจก เลยไปยืนด้อมๆ มองๆ เขาคงรำคาญว่าเกะกะหน้าร้าน เลยให้เราเลือกมาคนละ ๑ อัน ไม่รู้จะเอามาทำอะไรเหมือนกัน แต่อารมณ์งกก็หยิบมา แล้วก็มาเป็นภาระตอนเข้าห้องน้ำอีก ต้องผลัดกันเข้าเพราะต้องมีคนถือของ (นอกจากดอกไม้ลูกโป่งแล้ว เก๋ยังมีไม้ค้ำอีกด้วย) พอดีมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง (ท่าทางแปลกๆ) มาถามเราว่าได้ลูกโป่งมาจากไหน เราบอกว่าร้านไอติมเขาแจก พยายามจะบอกว่าร้านอยู่ตรงไหน เขาก็ฟังๆ ไปแต่ดูเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่ สนใจลูกโป่งมากกว่า เก๋ก็เลยยกอันที่เป็นของเก๋ให้ไป เรามาเดินออกจากห้องน้ำจะกลับกันแล้ว มาเจอเด็กคนนี้อีกตรงหน้าลิฟท์เขาเอาลูกโป่งมาตีๆ อันของเรา เราคิดว่าเขาอยากได้อีกอันหนึ่งด้วย ก็เลยเอาอันของเราให้เขาไปอีก เขาบ่นว่า แล้วหนูจะไปบอกพ่อว่ายังไงล่ะ แต่ก็รับไปโดยดี เราเลยคิดว่าเขาพูดแก้เขิน :-)

เล่าให้เก๋ฟังเรื่องทำความดี ๓,๐๐๐ ครั้งที่ฟังมาจากแม่ เก๋บอกว่า เก๋ทำความดีที่เลี้ยงสุกี้นิจ นับ ๑ เราบอกว่า เราเลี้ยงไอติมเก๋ นับ ๑ เหมือนกัน แต่เก๋เถียงว่าไอติมถ้วยที่เก๋กินเป็นของฟรีไม่ถือว่าเลี้ยง ถือว่าได้ ๐ แต่เราเถียงว่า เรามีสิทธิ์ที่จะกินไอติมคนเดียว ๒ ถ้วยก็ได้ แต่เราให้เก๋ เพราะฉะนั้น เราทำความดี ต้องนับ ๑ แล้วเราก็ให้ลูกโป่งเด็กไปก็ได้อีกคนละ ๑ ไม่เลวทีเดียว

ก่อนแยกย้ายกันกลับ เราเอาหนังสือโดเรมอนทั้งชุดที่ซื้อมาเมื่องานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปีที่แล้วให้เก๋ยืม (เวลาผ่านมา ๑ ปี เรายังไม่ได้อ่านเลยซักเล่ม) แถมหอบไปส่งให้ถึงรถ เพราะจะให้เก๋ถือไปทั้งๆ ที่ต้องใช้ไม่ค้ำเดินไปด้วยก็ยังไงๆ อยู่ นับความดีได้อีก ๑ เอ.. หรือว่าอีก ๒ ดี (อิอิ) กลับไปถึงบ้านที่แม่กลอง เขาบอกว่าวันอาทิตย์จะดับไฟทั้งวัน เพื่อเดินสายไฟใหม่ เรากะว่าจะแปลหนังสือ กับพิมพ์รายงาน ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน ทำยังไงดี??

วันอาทิตย์: ตื่นมาเพราะว่าแอร์หยุดทำงาน (ร้อน+หายใจอึดอัด) เขาตัดไฟไปแล้ว ต้องไปอาบน้ำอีกห้องหนึ่งที่มีถังรองน้ำเอาไว้ เพราะปั๊มน้ำก็ไม่ทำงาน จะแปลหนังสือก็ไม่ได้ เพราะใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้ เลยอ่านหนังสือแทน ทนร้อนอยู่ได้ถึงเที่ยง (สรุปว่ายังไม่เข้าหน้าหนาวหรือไงเนี่ย) เลยคิดว่ากลับกรุงเทพฯ ดีกว่า ชีวิตเวลาไม่มีไฟฟ้านี่มันไม่สะดวกเอาเสียเลย การมีไฟฟ้าแล้วขาดมันไปนี่แย่ยิ่งกว่าไม่เคยมีมันมาก่อนหลายร้อยเท่า

วันจันทร์: ไปทำงานอย่างไร้ความกระตือรือร้น

วันอังคาร: เหมือนวันจันทร์

วันพุธ: ไม่ได้ทำงาน ใช้เวลาทั้งวันเมาธ์กับคนในออฟฟิซ กับนั่งเทียนเขียนประเมินผลการทำงานของตัวเองในปีที่ผ่านมา นั่งคิดว่าจะเอาอะไรมาโม้ ไม่ให้โดนประเมินต่ำกว่า Average แต่มันเป็นการกระทำที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์ เพราะคนที่ตัดสินใจคนสุดท้าย (The Boss) มี Bias ไม่ว่าจะเขียนอะไรไปก็ไม่ค่อยแตกต่าง ทุกคนถูกตัดสินไว้แล้วว่าใครจะได้ Rating เท่าไหร่

วันพฤหัส: เริ่มสำนึกว่า ควรกลับมาอัพเดทไดอะรี่ได้แล้ว อืมม์ ก็มันไม่ค่อยมีมู้ดนี่นา ... Writer’s Block บวกกับความรู้สึกสลดหดหู่อย่างไร้สาเหตุ (ความจริงมันก็มีเหตุหละนะ แต่อย่าไปเสียเวลาสนใจมันเลย) อย่างไรก็ตามวันนี้พบว่า เรื่องต่างๆ ค่อยๆ คลี่คลายลง สถานการณ์ต่างๆ ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ตอนเย็นไปที่ตึกชินวัตร (ที่ปกติเราไปเรียน) เลยได้รู้ว่าเกรดวิชาสุดท้ายออกแล้ว ( Software Engineering) เราได้ A เย้!!... ไม่รู้ว่าได้มาได้ยังไง แต่ก็ดีใจ คาดว่าอาจารย์ปาเป้า คือ เอารายชื่อนักเรียนติดบนผนัง แล้วเอาลูกดอกปา ตรงกับชื่อใคร คนนั้นได้ A เราบอกเก๋ว่า เราคงโชคดี ชื่อคงอยู่ในฮวงจุ้ยที่ดี เลยได้ A เก๋บอกว่า เรามักจะโชคดีในเรื่องการเรียนเสมอ... แต่ก็ทักต่อว่า... คนที่ Lucky in Game มักจะ Unlucky in Love อืมม์ กำลังดีใจอยู่ดีๆ เครียดเลย :( ฮึ่มๆ เก๋ๆ ทำแบบเนี้ยลบ ๑ นะ... ขอบอก!!


ทำความดี ๓,๐๐๐ ครั้ง
แม่ไปอ่านที่ไหนมาไม่รู้ ว่า คนเราควรจะทำความดีตลอดทั้งชีวิตรวมกันให้ได้ ๓,๐๐๐ ครั้ง โดยในแต่ละวัน เราจะต้องทบทวนว่า ทำอะไรดีๆ ไป ก็นับไว้ แต่ถ้าเราทำอะไรไม่ดี ก็ต้องหักออก แม่บอกว่ามันยากเหมือนกัน อย่างบางวัน แม่ติดลบ เพราะ ทำอะไรดีๆ แล้ว ก็มาหงุดหงิดอารมณ์เสียกับพี่ติ๋ว ที่เป็นแม่ครัวที่บ้านเรา (เพราะพี่ติ๋วมักจะทำอะไรไม่ค่อยถูกใจแม่ อย่างบางที ลืมหุงข้าว) หรือกับก๊อใหญ่ คือ สองคนนี้ (แม่กับก๊อใหญ่) เขาดวง ‘ชง’ กัน ภาษาจีน ชง หมายถึงว่า ไม่สมพงษ์กัน ส่วนใหญ่เขาจะดูที่ปีเกิด ถ้าห่างกัน ๓, ๖, ๙ ปี เนี่ยจะ ชง กัน ๓ กับ ๙ นี่ไม่ค่อยรุนแรงมาก แต่ถ้า ๖ นี่แบบว่า ชง มากกก เหมือนกับเป็นคนละขั้วของ ๑๒ ราศี เอ้ย... ๑๒ ปี ตรงข้ามกันสุดๆ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะก๊อใหญ่ทำอะไรแม่ก็มักจะไม่ค่อยเห็นด้วยไปซะทุกที

เมื่อก่อน เราเคยบอกแม่ว่า อย่าไปโมโห หรือหงุดหงิดกับก๊อหรือคนอื่นๆ เลย ใครเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยๆ เขาไป มากังวลโมโหหงุดหงิด จิตใจเราจะหมองเศร้า ทีนี้เวลาแม่เริ่มจะบ่นเรื่องใครๆ ให้เราฟัง เราก็จะบอกแม่ว่า ‘อ๊ะ อ๊ะ อย่าๆ แม่ เดี๋ยวหมองๆ’ แม่ก็จะชะงักไป แต่เดี๋ยวนี้เราไม่พูดว่า เดี๋ยวหมอง แล้ว แต่พูดว่า “แม่ๆ ลบหนึ่ง” แทน ก็ทำให้แม่ชะงักได้เหมือนกัน


เสียแชมป์
เคยได้ยินกันไหมว่าคำว่า Sex เป็น Keyword ที่มีการ Search หาด้วย Search Engine ในอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคำหนึ่ง และติด Top Ten ตลอดกาลของทุก Search Engine แต่เมื่อวานอ่าน Time Magazine เขาบอกว่า หลังจากที่มี Terrorist Attack ในสหรัฐอเมริกา คำว่า Sex ตกจาก Top Ten เป็นครั้งแรก คำใหม่ๆที่ขึ้นมาติด Top Ten (ของ Google) ก็อย่างเช่น คำว่า Anthrax Counterstrike และ Nostradamus จากที่อ่านนี้สรุปได้ว่า

๑. Sex เป็นเรื่องที่คนอยากรู้ แต่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าอยากรู้ เพราะฉะนั้นการจะไปหาอ่านตามร้านหนังสือ หรือพูดคุยกับคนอื่นจะดูไม่งาม มา Search หาบน Internet ดีกว่า ไม่มีใครรู้ (แต่รู้ไหมว่าคนที่คิดเช่นนั้น คิดผิด เพราะตลอดเวลาที่อยู่บน Internet มีคนเฝ้ามองคุณอยู่ตลอดเวลา Big Brother is watching you! เอ้ย.. ไม่ใช่ มีคนอื่นๆ คอยตามดูอยู่ เดี๋ยวไว้ว่างๆ จะโม้ให้ฟังว่าเขาตามดูกันทำไม)

๒. หลังจากเหตุการณ์วันที่ ๑๑ กันยา ประชากรเน็ต (Netizen) สนใจที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับ Sex น้อยลง หันมาสนใจหาข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพมากขึ้น (แต่ไม่ได้หมายความว่า สนใจ Sex น้อยลง เดี๋ยวจะพูดต่อว่าทำไม) แต่จะว่าไป น่าจะเป็นคนอเมริกันเป็นหลักมากกว่า ที่มีหาข้อมูลเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการ Attack มากขึ้น เพราะอเมริกาเป็นที่ที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตกันหนาแน่นที่สุด (ประชากรเน็ต = ประชากรอเมริกัน) ถ้าคนอเมริกันสนใจอะไร สิ่งนั้นก็พร้อมที่จะขึ้นมาฮิตบนอินเทอร์เน็ตได้ทันที

๓. เคยได้ยินข่าว ตอนที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายหมาดๆ ไหม ว่า คนอเมริกันอยู่บ้านกันมากขึ้น นอนดึกขึ้น แต่งงานกันมากขึ้น และ... มีอะไรๆ กันมากขึ้น นี่เอามาโยงกับข้อข้างบนว่า ถึงแม้ว่าคำว่า Sex จะตกอันดับจาก Top Ten ก็ใช่ว่าคนอเมริกันจะหมดความสนใจกับ Sex กลับกลายเป็นว่า ไม่ต้องหาข้อมูลแล้ว แต่ลงมือปฏิบัติจริงเลย!!