Happy New Year!!!
วันนี้คงเขียนไดอะรี่ที่ไดอะรี่แลนด์เป็นวันสุดท้าย… สำหรับปีพศ. ๒๕๔๔ น่ะนะ ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามอ่าน… ช่วยอ่าน… ทนอ่าน… ตลอดมา (ทำเหมือนมีคนมาอ่านเยอะมากเลยเนอะ) ปีใหม่แล้วเราก็คงไม่มีอะไรจะให้นอกจากความปราถนาดีกับคำอวยพรเชยๆ ก็ขอให้มีความสุขกันมากๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้ฉลองความสุขกับครอบครัวและคนที่รัก ปีที่ผ่านมามีอะไรๆ ที่ไม่ดีก็ขอให้จบกันที่ปีเก่านี้ไม่ต้อง Carry Over ไปปีหน้า ปีใหม่มาก็ขอให้มีแต่สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม ขอให้สุขกายสบายใจกันทุกๆ วันตลอดปีใหม่จ้ะ ^_^

เราคิดว่าอยากจะทำการ์ดปีใหม่ส่งให้เพื่อนๆ แต่ไม่มีความสามารถ (Artistic Skill = 0) เลยขอใช้มุขเดียวกับที่เพิ่งใช้ไปตอนคริสต์มาส คือไปหาการ์ดฟรีๆ บนอินเตอร์เน็ต ไปที่ไหนก็ไม่ค่อยมีการ์ดปีใหม่ที่ถูกใจ (ของฟรีก็ยังจะบ่นอีก) เลยต้องกลับไปซบอก Hallmark อีกตามเคย ไปดูการ์ดปีใหม่ที่เราส่งให้ทุกๆ คนได้ที่นี่เลย

Year 2001 Round Up

วันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของปี ๒๐๐๑ (อ่านว่า สองพันเอ็ด ตามหลักภาษาไทย แต่เราถนัดอ่านว่า สองพันหนึ่งมากกว่า) ตอนเช้าขับรถไปทำงาน รถไม่ติดเลย แต่ฟังข่าวเขาว่าเมื่อคืนรถที่ออกต่างจังหวัดติดมากกกกก มีคนออกจากกรุงเทพฯสองทุ่มแล้วถึงสระบุรีตอนตีห้า เราได้ยินแล้วก็ต้องร้องโอ้โห… เพราะนับๆๆ ได้ ๙ ชั่วโมง!!! จากระยะทางที่ปกติขับแค่ชั่วโมงเดียวเอง เราคิดว่าแฟชั่นรถติดบนถนนที่ออกต่างจังหวัดตอนช่วงวันหยุดยาวจะหมดไปแล้วเสียอีก ได้ยินแบบนี้แล้วก็หนาว คิดว่าถ้ากลับบ้านที่แม่กลองตอนเย็นวันนี้จะแย่เหมือนกัน เลยเอาเป็นว่ากลับพรุ่งนี้ดีกว่า (แต่ที่จริงก็คิดๆ ไว้ก่อนตั้งแต่ตอนยังไม่ได้ยินข่าวรถติดแล้วหละว่าคงกลับวันเสาร์มากกว่า เพราะเย็นวันศุกร์เป็นวันที่เราขี้เกียจขับรถไกลๆ ที่สุด)

ความที่วันนี้เขียนไดอะรี่เป็นวันสุดท้ายของปี พยายามจะนึกทบทวนว่าปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พวกหนังสือพิมพ์ สื่อมวลชนเขามีการจัดอันดับสุดยอดแห่งปีด้านต่างๆ เราก็ว่าจะจัดมั่ง แต่ดูเหมือนชีวิตเรามันจะราบเรียบเกินไป ไม่เห็นจะมีอะไรที่จัดให้เป็นที่สุดได้เลย เลยเอาเป็นว่าลองมาสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราในปีที่ผ่านมาดูแทน

ปีนี้เป็นปีที่เตี่ยกับแม่เกษียนตัวเองอย่างเป็นทางการ แล้วผันตัวไปเป็น “นักท่องเที่ยวมืออาชีพ” ต้นปีเราเลยได้ผลบุญเป็นผู้ติดตามไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเขาด้วย เราบอกใครๆ ว่าไปเที่ยวเป็นเพื่อนเตี่ยกับแม่ (ฟังดูเหมือนเป็นลูกกตัญญู) แต่ความจริงคือเขาเป็นคนออกค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้เราด้วย (คนที่เป็นพ่อแม่นี่ทำกำไรกับใครๆ ก็ทำได้ แต่กับลูกนี่ขาดทุนลูกเดียว) นอกจากไปญี่ปุ่นแล้ว เตี่ยกับแม่ก็ไปเที่ยวเมืองจีนกันเป็นว่าเล่น เราเลิกนับไปแล้วว่าปีนี้เขาไปเมืองจีนกันทั้งหมดกี่รอบ เพราะนับไม่ไหว แถมระหว่างทริปเมืองจีนก็มีการไปเที่ยวในประเทศอีกตั้งหลายที่ จนเราอดเสียดายไม่ได้ที่เรามีวันลาพักร้อนแค่ ๑๐ วัน ไม่งั้นคงได้ไปเที่ยวกับเตี่ยแม่ให้มันส์ไปเลย (ในฐานะลูกกตัญญูของ “นักท่องเที่ยวมืออาชีพ”)

เราขับรถมาก็หลายปีแล้ว รู้สึกว่าเราจะต้องเที่ยวขับรถไปเฉี่ยวไปชนปีละครั้งสองครั้ง ปีนี้เราอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะดูแลรักษารถให้ดี แต่ก็พามันไปเกิดอุบัติเหตุจนได้ ไม่ดีเลย กะว่าปีใหม่นี้ตั้งเป็น New Year Resolution แล้วกัน ว่าจะเป็นคนขับรถที่ดี ไม่ทำให้พารถไปเกิดอุบัติเหตุ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ขับรถอย่างประมาท เพราะนอกจากจะต้องเสียเงินซ่อมรถแล้ว ยังอาจทำให้ตัวเองเจ็บตัวได้อีกด้วย เราไม่อยากทำให้ใครๆ ต้องเดือดร้อนเป็นห่วงเราด้วยหนะ

วันเกิดเราปีนี้มหาโหดจริงๆ เกิดเหตุการณ์ถล่มตึกแฝดเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ค ทำให้วันที่ ๑๑ กันยายนไม่ได้เป็น Just an ordinary day อีกต่อไป เราเคยรู้สึกว่า คนที่เกิดในวันที่เป็นวันสำคัญๆ บางทีก็ดีเหมือนกัน เพราะคนจะจำได้ง่าย เพราะเอาวันเกิดไปสัมพันธ์กับเหตุการณ์สำคัญๆ เหล่านั้น แต่มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ต่อไปนี้คนจะจำว่าวันที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเรา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าที่สุด ที่หลายๆ คน จัดให้เป็นเหตุการณ์ที่แห่งปี (หรือกระทั่งแห่งประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ) ถ้าย้อนกลับไปได้ เราว่าปล่อยให้วันเกิดเราเป็นวันธรรมดาๆ ที่ใครๆ จำไม่ได้จะดีกว่า

ปีนี้เราได้ไปดำน้ำถึง ๔ ครั้ง คือทริปแรกไปหินม่วงหินแดง ทริปที่สองสิมิลัน(+ผ่านๆสุรินทร์) ทริปที่สามไปดำที่โลซิน ทริปสุดท้ายกลับไปที่สุรินทร์อีกรอบ นับว่าเป็นการสร้างสถิติตั้งแต่ดำน้ำมา คนที่เป็นนักดำน้ำอื่นๆ ฟังแล้วอาจจะขำ เพราะว่ามีบางคนเขาไปดำน้ำแทบจะตลอดปี สำหรับเราแค่ปีละทริปหรือสองทริปก็ดีเหลือเกินแล้ว ปีนี้ได้สามทริปนี่ Exceeds Goal เลยนะ เอาไว้เมื่อไหร่รวยพอที่จะเลิกทำงานได้แล้ว มีเงินพอ มีเวลาพอ คงได้ดำน้ำบ่อยขึ้น และได้ทำอะไรอย่างอื่นๆ ที่อยากทำมากกว่านี้ อืมม์... ฝันกลางวันอีกแล้วเรา

ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่เกิดซ้ำเกิดซาก และกระทบอารมณ์เราได้มากที่สุดในปีที่ผ่านมาก็เห็นจะเป็น “งานแต่งงาน” นี่หละ จะว่าไปจำนวนงานแต่งงานของเพื่อนๆ คนสนิทของเราในปีนี้ก็รู้สึกจะพอๆ กับปี ๒๐๐๐ (เขาแต่งฉลอง New Millenium กันไง) แต่ที่ต้องพูดถึงก็เพราะมีหลากหลายอารมณ์มาจากแต่ละงาน
เริ่มต้นปีมีงานแต่งงานบี๋ เพื่อนสตรีวิทย์ เราไปร่วมงานด้วยอย่างยินดีเฮฮา งานถัดมาเป็นงานของแอนจิว (เพื่อนสตรีวิทย์เหมือนกัน) เราไม่ได้ไปงาน แถมคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครไปด้วย สร้างความแตกหักในหมู่พวกเรา เพราะแอนจิวเสียใจและน้อยใจที่ไม่มีเพื่อนจากสตรีวิทย์ไปร่วมงาน กลายเป็นปัญหาที่ตกลงกันไม่ได้ว่าใครควรโดนประนาม ก็แบ่งๆ กันไปละกันนะ
ต่อมาๆ ก็มีงานของเพื่อนที่ลาดกระบัง รุ่นพี่ที่เรียนที่ Sheffield แต่งานแต่งงานที่มี Impact แรงๆ มากๆ กับเรา (และคนในครอบครัว) ก็เห็นจะเป็นงานแต่งงานของเก๋พี่สาวเราเอง งานเพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนพ.ย.นี่เอง ตอนที่เก๋บอกเราว่าจะแต่งงานเราก็อึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกเหมือนโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว เพราะเราคิดมาตลอดว่าเก๋คงจะอยู่กับเราไปเรื่อยๆ (ืคิดได้ไงไม่รู้ naive จริงๆ) แต่พอคิดได้ว่ามันเป็นสิ่งที่มันต้องเป็นไป เราก็ยินดีกับพี่สาวเรา แต่ปรากฏว่าอะไรมันไม่ง่ายอย่างที่คิด มีปัญหาต่างๆ นานามากเสียจนเราสงสัยว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เคยเรียนรู้อะไรจากอดีตบ้างไหม ที่พูดว่า ทำผิดถือเป็นบทเรียน จริงๆ แล้วไม่มีใครสนใจบทเรียนของคนอื่นเลย ทุกคนตั้งใจแต่จะลองผิดลองจะลองมีบทเรียนในแบบของตัวเอง เราเป็นคนที่มองปัญหาอยู่ข้างนอก ก็สงสัยว่าทำไมเราถึงเป็นคนเดียวที่เห็นทางออกที่จะแก้ปัญหาได้ ทำไมคนอื่นถึงมองไม่เห็น แถมบอกก็ไม่มีใครฟัง ได้แต่ปฏิญาณไว้ในใจว่า ถ้าชาตินี้ได้มีโอกาสแต่งงาน จะไม่ทำผิดซ้ำ จะไม่ให้มีปัญหาอะไรเลย งานแต่งงานของเราจะต้อง Smooth ที่สุด คอยดูสิ ฮึ!! แต่สุดท้ายแล้วงานแต่งงานของพี่สาวเราก็ผ่านไปด้วยดีนะ ตอนนี้เราก็ต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ก็อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร Life goes on.. ^_^

เหตุการณ์(ดีๆ)อีกอันหนึ่งที่อดพูดถึงไม่ได้ก็คงเป็นการเริ่มเขียนเรื่องอะไรต่ออะไรของเราที่ diaryland นี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่าจากที่คิดว่าจะเขียนเอาไว้อ่านเองคนเดียว แต่จับพลัดจับผลูได้กระจัดกระจาย(แพร่)ออกไปให้คนอื่นได้(ทน)อ่าน เราไม่อยากจะเรียกว่ามันเป็นไดอะรี่หรอก เพราะนี่ไม่ใช่ไดอะรี่ มันเป็นสื่อที่ทำให้เราได้กลับมาพูดคุยสนิทสนมกับเพื่อนเก่าอย่างปิยธิดา ทำให้เพื่อนๆ เราอย่าง เก๋ หมู ได้มีอะไรอ่านฆ่าเวลาเวลาที่เบื่อไม่อยากทำงานหรืออ่านตำรา (เพราะบางทีไดอะรี่เราน่าเบื่อกว่า อ่านแล้วจะได้กลับไปทำงานไปอ่านหนังสือกันอย่างมีความสุขกว่าเดิม) ได้ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อย่าง น้องเมย์ กอล์ฟ หน่อง ได้มีโอกาสพูดคุยกันทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอกันจริงๆ มาก่อน และจะว่าไปก็อาจจะรู้ข่าวคราวของเรามากกว่าเพื่อนหลายๆ คนที่รู้จักตัวเราเป็นๆมาหลายสิบปีเสียอีก
เราคิดว่าคงมีคนอื่นๆ อีกบ้าง ที่ผ่านมาอ่านเป็นครั้งเป็นคราว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงกับสิ่งที่เราเขียนกันนะ แต่สำหรับเราแล้ว เราสนุกกับการได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ที่นี่มากๆ เราไม่ได้คิดว่าคนที่มาอ่านจะสนุกมากเท่ากับเราหรอกนะ เพราะเราเขียนอย่างที่เราอยากเขียน เป็นการบ่นๆ ซ้ำซากมากกว่า ความคิดเห็นของเราก็อาจะมีอคติเพราะมองจากด้านเดียว (ก็มันเป็น “The World According to Nitchawan” ไง) แต่อย่างน้อยก็หวังว่ามันคงจะไม่เป็นเรื่องที่น่าทรมาณหรือเสียเวลาซะทั้งหมด เอาเป็นว่าถ้าชอบก็กลับมาอ่านใหม่ แต่ถ้าไม่ถูกใจก็อย่าด่าคนเขียนละกัน :-P มีอะไรที่เห็นเป็นประโยชน์ก็เก็บติดมือกลับไป อะไรที่ไร้สาระก็มองข้ามๆ มันไปซะ

อืมม์ เรารู้ตัวว่าหลังๆ นี่ยิ่งเขียนก็ยิ่งยาว คงขี้เกียจอ่านกันหมดแล้ว เอาเป็นว่าจบการสรุปเหตุการณ์รอบๆ ตัวเราปีที่ผ่านมาไว้แค่นี้ดีกว่า สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า เจอกันอีกทีปีหน้า ๒๔๔๕ ^_^