New Year Resolution
วันนี้เป็นวันแรกที่ไปทำงาน ขี้เกียจอีกตามเคย...ไปถึงที่ทำงานสายไป ๑๐ นาที ปีเก่าผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเก่าๆ แย่ๆ เสียที คงต้องทำตัวใหม่เสียแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไปทำงานให้ทันก่อน ๘ โมงเช้า ต่อไปนี้ฉันจะไปทำงานให้ทันก่อน ๘ โมงเช้า ต่อไปนี้ฉันจะไปทำงานให้ทันก่อน ๘ โมงเช้า (เหมือนโดนทำโทษตอนเด็กๆ ให้คัดไทย ๒๐ จบ แต่สมัยนี้ใช้ Word Processor มีการ Cut & Paste กระดิก ๒ ทีเสร็จ กี่จบก็ไม่ยั่น อิอิ)

ปีใหม่ใครๆ ก็ตั้งปนิธานว่าจะทำโน่นทำนี่ นอกเหนือจากที่ตั้งใจจะไปทำงานเช้าๆ แล้ว เราคิดๆ อย่างอื่นๆ ไว้ด้วยเหมือนกัน แบบเป็นอันที่พอจะทำให้สำเร็จได้ ถ้าไม่ขี้เกียจจนเกินไป เราจะไม่พูดถึงหรอก แต่จะพูดถึงปนิธานที่เราน่าจะหรือควรจะตั้งใจทำ แต่คิดดูแล้วยังไงๆ คงทำไม่สำเร็จแน่ๆ ที่นึกๆ ไว้มีอยู่ ๒-๓ ข้อ

::ปีใหม่นี้เราจะเลิกเป็นคนขี้บ่น:: ทำไม่ได้เด็ดขาด นอกจากว่าจะโดนตัดลิ้นหรือลิ้นขาด เป็นใบ้พูดไม่ได้ อืมม์ แต่ถึงขนาดพูดไม่ได้ เราคงก็ยังเลิกบ่นไม่ได้หรอก เพราะเราสามารถใช้วิธีเขียนบ่นแทนได้อีก (อย่างที่กำลังทำๆอยู่ทุกวันนี่ไง อิอิ)

::ปีใหม่นี้จะลดน้ำหนักให้ได้ซัก ๕ กิโล:: เวลามีคนมาถามว่าเราหนักเท่าไหร่จะไม่ค่อยอยากบอกเลย เซ็งอารมณ์พอๆ กับเวลามีคนถามเรื่องอายุ หรือเรื่องความรัก (ฮึ่ม!!) แต่ไม่ว่าเราจะพยายามลดการกินขนมของหวาน ไปว่ายน้ำออกกำลังเท่าไหร่ เข็มตาชั่งดูเหมือนมันจะโดนล็อคไม่ให้ต่ำไปกว่าเดิมซะที (สงสัยมีแม่เหล็ก) แถมบางทีจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย หลังจากการทดลองและความพยายามต่างๆ เราสรุปได้ว่า ถ้าเราจะลดน้ำหนักให้ได้ เห็นทีจะต้องไปชั่งน้ำหนักที่ดวงจันทร์ หรือไม่ก็คงต้องตัดแขนตัดขาทิ้งไป ตัดแขนก็คงลดได้ไม่มาก แต่ถ้าตัดขา (โดยเฉพาะถ้าตัดถึงต้นขา) คงลดได้หลายกิโลอยู่

::ปีใหม่นี้จะใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตให้น้อยลง หันมาปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆมากขึ้น:: โหย... ยากไปนะเนี่ย แค่คิดก็อึดอัดแล้ว ให้เลิกกินกาแฟยังง่ายกว่า

Year End Celebration

เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา เรากลับบ้านที่แม่กลองอีกตามเคย ตอนแรกเตี่ยบอกว่าจะไปนอนค้างที่สวนเกษตรที่สุพรรณฯซักคืนหนึ่ง เป็นสวนเกษตรของพี่ชายของพี่สะใภ้เรา เขาทำเป็นรีสอร์ทให้คนไปเที่ยวไปพักค้างคืนน่ะ ทุกๆ คนในบ้านเราเขาเคยไปที่สวนเกษตรนี่กันหมดแล้วทุกคนยกเว้นเรา เราบ่นกับเตี่ยว่า ใครๆ ก็เคยไปสวนเกษตรกันหมดแล้ว แต่ตอนไปทำไมไม่เห็นมีใครชวนเราเลย ฮึ!! เตี่ยบอกว่า เพราะเราเป็น “หมาหัวเน่า” (ที่บ้านเรามีพี่น้อง ๕ คน แต่ไม่เห็นมีใครโดนว่าว่าเป็นหมาหัวเน่าเลย มีแต่เราคนเดียว สงสัยมันเป็นอภิสิทธิ์สำหรับคนที่เป็นน้องคนสุดท้องมั้ง ใครๆ เขาชอบไปทำอะไรๆ กัน แล้วเหลือเราไว้คนเดียว) แต่เตี่ยสงสารก็เลยจะพาเราไปเอง

แต่ปรากฏชีวิตมีอุปสรรค เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวห้องพักเขาก็เต็มหมดเลย มีว่างแค่คืนวันที่ ๓๐ คืนเดียว ซึ่งเป็นไปตรงกันกับที่เตี่ยกับแม่มีธุระพอดี แผนการไปนอนที่รีสอร์ทสัมผัสธรรมชาติและลมหนาวของเราก็ต้องล่มไป เฮ้อ... นอนอยู่บ้านก็ได้ฟะ

แต่จะว่าไปก็มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นส่งท้ายปีเก่าเหมือนกันนะ วันสิ้นปีเตี่ยแม่เราชวนกันไปกินอาหารเย็นที่ร้านนายแกละอีกแล้ว (ประมาณว่าคิดอะไรไม่ออก ก็ไปที่ร้านนี้ ต่อไปน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “สวนอาหารนายแกละ-ไม่ต้องคิด”) เตี่ยบอกว่าอยากกิน ปลาเก๋าต้มเผือก รายการนี้ไม่มีในเมนู (แต่รู้เพราะเคยมาเจอนายแกละทำเป็นกับข้าวเลี้ยงเพื่อนเขา เขาบอกว่าเพิ่งไปได้สูตรมา เลยลองทำชิมดูก่อน) เตี่ยถามนายแกละว่า ทำไมไม่ใส่ในเมนู อย่างนี้คนอื่นก็ไม่รู้นะสิ นายแกละบอกว่า เมนูเต็มแล้ว เมนูเขาเป็นกระดาษแผ่นเดียวขนาด A4 เขียนรายการอาหารตามแนวตั้งเป็น ๒ แถว ก็เต็มแล้วจริงๆ แหละ แต่เราว่า อย่างน้อยเขาก็น่าจะติดป้ายบอกก็ยังดี

รายการอาหารอื่นๆ ก็มีหมูย่าง ยำวุ้นเส้น (อีกแล้วครับท่าน) ข้าวผัดกุ้งจานใหญ่ กินกันจนอิ่มสุดๆ เพราะว่า ปลาต้มเผือกหม้อใหญ่มาก แล้วเผือกมันก็เป็นตัวตัดกำลังอย่างยิ่ง สุดท้ายเลยต้องเอายำวุ้นเส้น กับหมูย่าง ที่เหลืออย่างละครึ่งใส่ถุงกลับบ้าน พอเรียกนายแกละมาคิดเงิน นายแกละบอกว่า “ขออนุญาตนะครับ วันนี้ขอเลี้ยงเถ้าแก่ฉลองปีใหม่” เตี่ยเราสะดุ้งเฮือกเลย “ฮึ่ย อะไรกัน”

แต่นายแกละก็ยืนยันว่าวันนี้ไม่คิดเงินจริงๆ (เขาบอกว่าวันนี้เรากินแต่ของไม่แพงด้วย ไม่มีกุ้งไม่มีปู ไม่งั้นคงต้องคิดเงินเหมือนกัน) แถมลูกน้องยังยกของหวานมาเสิร์ฟทั้งที่ไม่ได้สั่ง ของหวานคือ เผือกทอดเคลือบน้ำตาล เรากินกันไม่ไหวจริงๆ ตอนแรกเขาจะให้ใส่ถุงกลับมาอีก (กินฟรีแล้วยังมีของติดมือกลับมาอีก) แต่เราบอกว่าใส่ถุงแล้วน้ำตาลมันจะละลาย ไม่อร่อย เลยขอให้เขาเอาไว้แถมให้ลูกค้าโต๊ะอื่นบ้าง เป็นการแบ่งๆ กันฉลองปีใหม่

สรุปว่าได้กินอาหารฟรีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สบายใจเฉิบ