Gloomy
เย็นวันนี้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ลาดกระบังมา (หมายถึงเพื่อนที่เรียนที่ลาดกระบังปริญญาตรีด้วยกัน ไม่ใช่ไปกินข้าวที่ลาดกระบัง) ตอนขับรถออกจากที่ทำงานไปก็รู้สึกไม่กระตือรือร้นอะไร ประมาณสามสี่เดือนจะได้โทรศัพท์มาว่า ว่างไปกินข้าวกันไหม ถ้าจะบอกตรงๆ ก็คือมันไม่มีความแตกต่างไปแล้ว มีคนชวนมาเราก็ไป เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้มีนัดอะไรกับใครอยู่แล้ว ไม่มีคนชวนชีวิตเราก็ดำเนินต่อไป

ถามว่าอยากเจอเพื่อนๆ กลุ่มนี้ไหม ตอนที่ยังไม่ได้นัดก็อยากเจอ แต่พอได้เจอแล้วมันบอกไม่ถูก วันนี้เราก็คิดว่าอืมม์ ได้ไปเจอเพื่อนก็ดี แต่พอไปถึงที่ร้านถึงได้รู้ว่าเป็นการนัดกันแจกการ์ดแต่งงาน เหมือนได้ดูหนังเก่าที่เอามาฉายซ้ำใหม่ยังไงไม่รู้ คราวที่แล้วที่นัดกันก็ร้านนี้ แล้วก็นัดกันด้วยสาเหตุนี้เหมือนกัน เพียงแต่ตัวละครเปลี่ยนไป

เราเริ่มคิดว่าต่อไปก็คงไม่ได้นัดกันกินข้าวจริงๆ เพราะ “อยากเจอกัน” เสียแล้ว คงได้นัดกันอีกสักสี่ห้าครั้งจนกว่าคนอื่นๆ จะแจกการ์ดแต่งงานกันครบ เพราะเท่าที่ดูวันนี้ก็มีอีก ๒-๓ คนที่มีทีท่าว่าคงไม่นาน นั่งฟังบทสนทนาหูข้างหนึ่งได้ยินเขาปรึกษากันเรื่องการแต่งตัวถ่ายรูปสำหรับวันหมั้นและวันแต่ง อีกข้างหนึ่งกำลังคุยกันว่าคอนโดตรงไหนทำเลดีราคาไม่แพง หรือว่าจะไปซื้อเป็นบ้านเดี่ยวนอกๆ เมืองดี

ใช่แหละ นอกจากเรื่องเตรียมงานแต่งงานกับเตรียมหาซื้อบ้าน พวกเราก็คุยกันเรื่องอื่น แต่ในความรู้สึกของเราคิดว่าเราไม่ได้แคร์มันซักเท่าไหร่ เรารู้สึกว่า เราคิดถึงเพื่อนก็อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง อยากจะคุยจริงๆ จังๆ แต่ก็โดนเรื่องโน้นเรื่องนี้ลากไป กลายเป็นบทสนทนาฉาบฉวย แบบ เอ้อ... ทำงานเป็นไงบ้าง งานยุ่งไหม แล้วก็ไปเรื่องการเมือง หนัง โฆษณา หรือไม่ก็งัดมุขเก่าๆ มาแซวกัน

เราอาจจะคาดหวังไปถ้าคิดว่าจะคน ๑๐ กว่าคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ให้มาคุยกันลึกซึ้งจริงๆ จังๆ ในขณะที่เราเจอคุยกันปีหนึ่งไม่เกินห้าครั้ง เราว่าเวลามันเปลี่ยนไป แล้วพวกเราก็เปลี่ยนไป เราไม่แน่ใจว่าคนอื่นเขารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ตัวเรารู้สึกว่าเราเปลี่ยนไปในลักษณะที่แตกต่าง “ออกจาก” พวกเขา หลายๆ ครั้งที่เราหยุดฟังแล้วก็นึกสงสัยว่านี่เรามาทำอะไรอยู่ในหมู่คนพวกนี้ เราไม่แน่ใจว่าเราพาตัวเองมาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกได้ ยังไง

เราขับรถกลับมาบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่เต็มร้อย บอกไม่ได้แน่ชัดเหมือนกันว่ามันอะไรกันแน่ มันปนๆ กันระหว่างเศร้าๆ เหงาๆ เสียดายๆ (เสียดายอะไรก็ไม่รู้) แล้วก็อะไรอื่นๆ ที่มันไม่ใช่อารมณ์สุขี ชักคิดว่าการนัดกินข้าวครั้งต่อๆ ไปกับเพื่อนกลุ่มนี้ เราคงจะเริ่มมีความลังเลในการตอบตกลง นอกจากว่ามันจะมีแรงผลักแรงกระชากอะไรมาทำให้เราคิดว่ามันคุ้มที่จะไปแล้วต้องขับรถกลับบ้านมาด้วยอารมณ์ห่อเหี่ยวแบบนี้อีก เฮ้อ... วันนี้เขียนอะไรไร้สาระที่สุดเลย