Job Interview
วันนี้ Happy Happy Happy เพราะจดหมายเรื่องโบนัสกับเงินเดือนขึ้นออกแล้ว ถึงจะมีแต่ตัวเลขแต่ก็ชุ่มชื่นใจ (โบนัสจริงๆ จะเข้าบัญชีวันที่ ๑๐ เมษา เงินเดือนใหม่มีผลวันที่ ๑ เมษา แต่กว่าจะได้ก็ปลายเดือนโน่นแหนะ)

ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาบริษัทเรียกเรียกเด็กจบใหม่มาสัมภาษณ์ แผนกเรากะว่าจะรับวิศวกรเพิ่ม ๒ คน เพราะเขาวางแผนจะรับเด็กจบใหม่ๆ เข้ามาคนสองคนทุกๆ ปี ตอนนี้พวกวิศวกรส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์ (ด้านโรงไฟฟ้า) ประมาณ ๕-๗ ปี แต่ไม่มีพวกเด็กๆ เลย กะว่าจะรับพวกเด็กๆ มาทำงานขยะๆ (เหะๆ เหะๆ) เอ้ย.. ไม่ใช่.. จะได้ค่อยๆ เทรนค่อยๆ สอนกันไป ให้มีวิศวกรทุกระดับไม่ขาดช่วง เราก็เลยไปมีส่วนสัมภาษณ์เด็กๆ กับเขาด้วย ไม่ใช่ว่าอาวุโสหรือเก่งกาจอะไรหรอกนะ เราเคยสัมภาษณ์พนักงานใหม่ตั้งแต่เข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปี ความจริงตอนนั้นจะเรียกว่าสัมภาษณ์ก็ไม่เชิง คือนายเราเขาสั่งให้เราไปคุยกับคนที่มาสมัครงาน เหมือนกับเป็นการคุยกัน อธิบายให้เขาฟังว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เพราะคนที่มาใหม่เขาจะต้องมาทำงานคล้ายๆ กับเรา สรุปว่าเหมือนเราไปถูกคนที่มาสมัครงานสัมภาษณ์มากกว่า

ที่จะรับคนคราวนี้ พวกเราช่วยกันคัดคนที่น่าสนใจมาสัมภาษณ์ ถามว่ามีหลักเกณฑ์ในการเลือกอย่างไร เราตอบได้ว่า ไม่มีหลักการ หลังจากที่ทำงานกันมาพักหนึ่ง พวกเราเห็นตรงกันว่าถ้ารับเด็กจบใหม่โดยดูจากใบสมัครกับ Transcript มันแทบบอกอะไรไม่ได้ว่าจะทำงานได้หรือไม่ จะเอาคนเกรดดีๆ ก็ใช่ว่าคนเกรดดีจะฉลาด ทำงานเก่ง บางคนฉลาดแต่ทำงานไม่เป็นหรือตัดสินใจผิดๆ ก็เยอะ หรือใช่ว่าคนเกรดไม่ดีจะโง่หรือขี้เกียจ บางคนก็แค่ทำกิจกรรมมากไป หรือไม่สนใจเกรด สรุปว่าพวกเราดูแค่ว่าเกรดไม่น่าเกลียดมาก แล้วที่เหลือกก็ไร้หลักการกันสุดๆ เลือกจากที่อยู่บ้าง (เอาบ้านใกล้ๆ ออฟฟิศจะได้มาทำงานสะดวก) ดูที่หน้าตาบ้าง (คนนี้น่ารัก เรียกมาสัมภาษณ์ดีกว่า) ดูที่เพศบ้าง (อย่าคิดมาก หมายถึงว่า เราบอกว่า เลือกผู้หญิงเหอะ เพราะผู้หญิงทำงานละเอียด และอึดกว่าผู้ชาย แถมน้องอีกคนหนึ่งก็บอกว่า รับผู้หญิงก็ดีครับ สดชื่นดี ไม่รู้มันหมายฟามว่า ผู้หญิงที่มีอยู่แล้วนี่มันไม่สดชื่นหรือไง)

หลักจากช่วยกันมั่วๆ สุ่มๆ ก็ได้มา ๑๐ คน เวลาสัมภาษณ์ก็มีพี่ที่เป็นซีเนียร์ ๒ คนเป็นตัวยืน แล้วก็มีคนซีเนียร์น้อยกว่าอีก ๓-๔ คนสลับกันไปคนละวันสองวัน ก็เป็น ๓ รุม ๑ เด็กๆ ที่ถูกสัมภาษณ์เห็นแล้วอาจหนาว แต่ที่จริงไม่เครียดอะไรเลย ออกแนวคุยๆ สบายๆ มากกว่า เพราะพวกเราเห็นตรงกันว่า งานที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้มันค่อนข้างน่าเบื่อ ก็เลยอยากจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อนว่า งานที่จะทำมันเป็นอะไร ไม่อยากให้เขามาทำแล้วผิดหวังแล้วลาออก เพราะเสียเวลาทั้งสองฝ่าย เราเสียเวลาเทรน เขาก็เสียเวลาหางานที่ตรงใจ

วันแรกที่เราสัมภาษณ์ (อาทิตย์ก่อนโน้น) เด็กที่มาเป็นผู้ชาย เราเดินตามพี่ผู้ชายอีกคนหนึ่งเข้าไป เด็กเขายกมือไหว้พี่คนนั้น แต่เขามองเราเฉยๆ เขาคงคิดว่าเราไม่น่าจะเป็นคนที่มาสัมภาษณ์ เพราะเราหน้าเด็ก (ฮ่าๆ) แต่พอทุกคนนั่งที่พร้อมกัน เขาคงรู้ตัวว่า เออ.. นี่เป็นคนที่จะสัมภาษณ์เขา เขาก็เลยยกมือไหว้กราดอีกหนเป็นการแก้ตัว ความที่เป็นวันแรกของการสัมภาษณ์ ทุกคนไม่ได้เตรียมตัวไปมากว่าจะถามอะไร ซักพักก็เลยมีอาการเงียบไปชั่วขณะ ซึ่งมันทำให้อึดอัด เราทนให้มันเงียบแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยไปตกหลุมพี่ที่เป็นคน Lead การสัมภาษณ์ เพราะดัน (เ-ือก) ไปถามเขาว่า

เอ่อ.. พี่จะไม่ลองสรุปให้น้องเขาฟังหน่อยเหรอคะว่าเขาจะต้องมาทำอะไรมั่ง

อ๋อ นี่ไง พี่จะให้นิจวรรณเล่าให้น้องเขาฟังว่างานของเราเป็นยังไงบ้าง

อ้าว… แป่ววว!!!

แต่เราก็ร่ายไปอ่ะนะว่ามีงานอะไรทำบ้าง ก็สังเกตว่าน้องคนนั้นก็ทำหน้าจืดๆ ก็ไม่คิดอะไร พอตอนหลังสัมภาษณ์เสร็จแล้วพี่อีกคนหนึ่งที่สัมภาษณ์ด้วยเขามาบอกว่า โห… นิจวรรณเล่นเล่าเรื่องงานของเราซะน่าเบื่อเลยอ่ะ ขนาดพี่ฟังพี่ยังรู้สึกว่ามันโคตรน่าเบื่อเลยอ่ะ เราก็หัวเราะแหะๆ (แต่นึกในใจว่า พี่ก็รู้สึกถูกแล้วหนิ) ตลกน้องคนแรกนี้อย่างหนึ่ง ตอนใกล้ๆ จะจบพวกเราก็ถามเขาว่า มีคำถามอะไรจะถามพวกเราไหม เขาชี้ไปที่ห้องนายใหญ่ของเรา (เป็นอเมริกันอายุประมาณ ๔๐ นิดๆ) แล้วถามว่า

นั่น ท่านประธานเหรอครับ

ทำเอาพวกเรา ๓ คนชะงักกึก แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน พี่คนที่เป็น Lead ต้องบอกว่า เขาเป็นหัวหน้าของ Sector ที่เราทำงานอยู่ ที่ขำคือว่า ออฟฟิศเรามันเล็กๆ แล้วก็ไม่ค่อยมีตำหน่งตำแหน่งใหญ่โตเป็น Manager, President อะไรกัน ก็เลยไม่ค่อยชิน แล้วยิ่งมาได้ยินว่า "ทั่นประธาน" ด้วยก็เลยขำ อีกรอบหนึ่งที่เราสัมภาษณ์ก็มีอีก เป็นเด็กผู้หญิง ตอนใกล้ๆ จบอีกแหละ ก็ถามน้องเขาไปว่า มาสัมภาษณ์ที่นี่เป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่า

โฮ้ย… ดีค่ะ สนุกดี… ตอนแรกเครียดเลย เพราะคิดว่า "พี่" คนนั้นเขาจะเป็นคนสัมภาษณ์

พูดไปก็โบ้ยมือไปที่ห้องนายใหญ่ของเรา ก็ห้อง "ทั่นประธาน" นั่นแหละ พวกเรา ๓ คนปล่อยก๊ากออกมาพร้อมกัน น้องคนนี้เขาเพิ่งจบนะ อายุซัก ๒๑-๒๒ ได้ จะเป็นลูกนายเราได้แล้วมั้ง แบบว่าน่าจะเรียก ลุง มากกว่า แต่พอตอนหลังมานึกๆ ดู เราก็ว่าไม่น่าจะไปขำที่น้องเขาเรียกนายเราว่า "พี่" เลย เพราะการลำดับศักดิ์ในออฟฟิศนี่มันก็พิศดารพอดู คือ ถ้าไม่เรียกกันว่า คุณนั่น คุณนี่ แล้วก็ต้องเรียก พี่ ไปหมด ถึงแม้ว่า คนที่เป็นพี่จะอายุคราวลุงคราวป้าไปแล้ว เพราะรู้สึกว่าถ้าเรียกเป็นลุง ป้า น้า อา มันจะกันเองเกินไป ดูไม่เป็น Professional แต่สรุปว่าหลังจากสัมภาษณ์น้อง ๒ คนนี้ไปก็คิดว่า ต่อไปจะเรียกนายเราว่า ทั่นประธาน หรือ พี่ ดีกว่า เอาไว้ใช้เป็น Code เวลานินทา เพราะนายเราฟังภาษาไทยได้เล็กน้อย เขาจะได้ไม่รู้ว่านินทาใครไง อิอิอิ