The Myth: เฟื่องฟ้า
ครั้งแรกที่เราไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตคือเมื่อประมาณเกือบ ๕ ปีก่อน เราเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นานพี่ที่ทำงานด้วยเขาชวนไปทัวร์ล่องเรืออันดามันพรินเซส ก็เลยลาพักร้อนไปกันกัน ๔ คน นั่งเครื่องบินไปลงที่ภูเก็ต แล้วก็เช่ารถขับกันเอง รู้สึกจะขับรถเที่ยวรอบๆ ภูเก็ต ๒ วัน ล่องไปกับเรือ ๒ หรือ ๓ วัน เราจำได้ว่าตอนขับรถไปรอบๆ เกาะสังเกตเห็นเขาปลูกต้นเฟื่องฟ้าตามริมถนนและเกาะกลางถนนเยอะ ออกดอกงามมาก นอกจากสีชมพูกับขาวที่เราเคยๆ เห็นแล้ว ยังมีสีส้มด้วย เราก็บอกกับพี่ที่ไปด้วยว่า คนภูเก็ตนี่ท่าทางจะนิยมปลูกต้นเฟื่องฟ้านะ ปลูกทั่วไปหมด แล้วก็ง้าม งาม ออกดอกสวยเชียว พี่เขาบอกเราว่า เขาเชื่อกันว่าถ้าปลูกต้นเฟื่องฟ้าแล้วลูกสาวจะไม่ได้แต่งงาน เราก็นึกในใจ อ้าว... แหม... ที่บ้านก็มีอยู่ต้นหนึ่งนะ งามดีเสียด้วย … ถึงว่าสิ!! เรากลับมาจากภูเก็ตเราก็เอามาเล่าให้แม่ฟัง ก็แซวแม่ว่า เนี่ยก็เล่นปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้หน้าบ้านแบบนี้สิ ลูกสาวถึงไม่ได้แต่งงานซะที แล้วเราก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย

เราสนิทกับพี่ที่น่ารักคนหนึ่งอายุสามสิบกว่าๆ และยังโสดอยู่ ตัวพี่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการเป็นโสดของตัวเอง เพราะมีงานทำมีความสุขกับชีวิตดี แต่ที่บ้านเขาท่าทางจะเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่พอดู ปกติว่างๆ เราก็จะนัดกินข้าวกับพี่คนนี้เพื่อพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ มีอยู่วันหนึ่งเราจำไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไรกันทำให้เราไปเอ่ยถึงความเชื่อเรื่องต้นเฟื่องฟ้าขึ้นมา พี่คนนี้เขาก็บอกว่า เคยได้ยินมาเหมือนกัน แล้วเขาก็เล่าให้ฟังแบบขำๆ ว่า วันหนึ่งเขาขับรถเข้าบ้านไป ก็เจอว่าแม่ของเขากำลังกำกับคนงานให้ขนกระถางต้นไม้ที่วางอยู่รอบระเบียงชั้นบนลงมาข้างล่างเป็นการใหญ่ เขาก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ปรากฏว่ากระถางพวกนั้นมันเป็นต้นเฟื่องฟ้า เขาถามไถ่ก็ได้ความว่า มีใครไม่รู้มาบอกแม่เขาว่า ปลูกต้นเฟื่องฟ้าแล้วลูกสาวจะไม่ได้แต่งงาน ก็เลยไม่เอาแล้ว จะเปลี่ยนเป็นปลูกอย่างอื่นแทน

เมื่อวานเราไปตัดผม เลยมีโอกาสได้อ่านนิตยสารผู้หญิงแพงๆ ที่ปกติไม่เคยซื้ออ่าน ในแพรวเล่มที่เราอ่าน เขามีสัมภาษณ์คุณกฤษติกา คงสมพงษ์ที่เป็นพิธีกรรายการกำจัดจุดอ่อน ตอนแรกเราดูที่เขาทำหน้าที่เป็นพิธีกรแล้ว ไม่ค่อยปลื้มเขาเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกมากกว่า (แบบสวมบทโหดแต่มันไม่โหด) แต่พอได้อ่านสัมภาษณ์แล้วเราว่าเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง เขาไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ เรียนที่นั่นจนจบทำงานแล้วถึงได้เจอกับสามี แต่งงานกันแล้วก็กลับมาอยู่เมืองไทย มีลูกสองคน (รู้สึกจะผู้ชายคนผู้หญิงคน) เขาบอกว่าแม่เขาสอนว่า ผู้หญิงควรจะเลือกแต่งงานกับผู้ชายที่เขารักเรามากกว่าที่เรารักเขา เพราะผู้หญิงต้องเสียสละมาก เขาบอกว่าสามีเขารักเขามากกกก เขาบอกว่าไม่ว่าเขาจะรักสามีเขามากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขารู้ว่าสามีเขารักเขามากกว่า มันเป็นความมั่นใจที่ผู้หญิงต้องการอย่างมาก (อ่านแล้วรู้สึกว่าจริง เห็นด้วยอย่างมาก แต่คำถามคือ จะหาคนที่เขารักเรามากกว่าเรารักเขาได้ที่ไหนฟะ??!!)

อีกอย่างที่เราชอบ คือเขาเป็นผู้หญิงที่เก่ง และมั่นใจในตัวเอง แต่รู้บทบาทข้อดีข้อเสียของผู้ชายผู้หญิง เขาบอกว่าเขาไม่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องเสียหายที่จะต้องเป็นช้างเท้าหลัง เราก็จะคำพูดที่เขาพูดไม่ได้แน่ ประมาณว่า แต่ละคนก็มีบทบาทหน้าที่ที่จะต้องทำ แต่ละหน้าที่ก็สำคัญเหมือนๆ กัน ไม่เห็นจำเป็นว่าแต่งงานแล้วช้างจะต้องเดินสี่เท้าไปพร้อมๆ กัน อะไรทำนองนั้น พอพูดถึงเรื่องลูกมีอยู่ตอนหนึ่ง เขาก็บอกว่า กับลูกเขาจะหวงมาก ตัวเองทันสมัยได้ แต่กับลูกนี่หัวโบราณมาก อย่างที่บ้านเขานี่ ปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ด้วย เพราะเขาว่าปลูกต้นเฟื่องฟ้าแล้วลูกสาวจะไม่ได้แต่งงาน ตอนนี้ปลูกกันไว้ก่อน เอาไว้พอเห็นท่าไม่ดีแล้วค่อยตัดทิ้ง เราอ่านแล้วขำกิ๊กออกมาเลย

ตอนนี้ต้นเฟื่องฟ้าที่เคยปลูกไว้หน้าบ้านเราไม่มีแล้ว จำไม่ได้ว่ามันหายไปตอนไหน น่าจะเป็นตอนที่เขาตั้งเสาทำเพิงบังแดดเอาไว้เป็นที่จอดรถเพิ่มตรงข้างบ้าน ซึ่งก็นานพอดู ไม่รู้จะปีหรือสองปีได้แล้วมั้ง เมื่อปลายปีที่แล้วพี่สาวเราเพิ่งแต่งงานไป ท่าทางความเชื่อเรื่องต้นเฟื่องจะเป็นจริง แต่ข่าวร้ายก็คือว่า เมื่อวันก่อนเราถามแม่ว่า นี่ตกลงเราเอาต้นเฟื่องฟ้าทิ้งไปแล้วใช่ไหม แม่บอกว่า ที่ในบ้านนี่ไม่มีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าใครเอาไปปลูกไว้ที่นอกรั้วบ้านอีกต้นหนึ่ง ท่าทางจะงามดีเสียด้วย!!!