Prague: Preparing for the trip
เราไปเที่ยวปรากมาซะ 1 อาทิตย์ กรุงปรากอยู่ในประเทศสาธารณะรัฐเช็ค (ไม่ใช่ "ปรากจีนบุรี" ที่นั่งรถไฟไปได้ อย่างที่มีคนปล่อยมุขไป แล้วมีคนบางคนหลงเชื่อ) คงมีคนสงสัยว่าทำไมถึงไปปราก ก็ต้องขอโยนความผิดไปให้เก๋พี่สาวเรา คุณเธอดันไปฟังรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเพิ่งไปเที่ยวปรากเล่าให้ฟัง เขาบอกประมาณว่า "ไปเที่ยวมาแทบทั่วยุโรปแล้ว ที่นี่ (ปราก) สวยสุดยอด แถมค่าครองชีพไม่แพงด้วย" พี่สาวเราก็เกิดอาการของขึ้น โทรมาชวนเราบอกว่าพาเตี่ยกับแม่ไปเที่ยวกันดีกว่า เราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีไอเดียอะไรอยู่แล้วก็เลยแบบว่าไปก็ไป

หลังจากโทรมาบอกเราแล้ว เก๋ก็จัดการไปเสิร์ชหาตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมทางอินเตอร์เน็ต เพราะไม่อยากไปกับทัวร์ เราไม่ชอบที่ทัวร์ส่วนใหญ่เขาจะเน้นเป็นช็อปปิ้งมากกว่าท่องเที่ยว ประเภทว่าไปชะโงกๆ ตามแลนด์มาร์คของแต่ละเมือง แต่ละจุดใช้เวลาประมาณ 15 นาที-ครึ่งชั่วโมง แล้วแวะศูนย์การค้าให้ช็อปปิ้ง 2 ชั่วโมง แถมเท่าที่ลองๆ ถามทัวร์ที่เขาจัดๆ กัน ก็ไม่ค่อยมีการจัดทัวร์ที่อยู่ปรากหลายๆ วัน ส่วนใหญ่จะมีประเภทเยอรมัน/ออสเตรีย/เช็คมากกว่า (3 ประเทศภายใน 5-7 วัน) เราก็เลยคิดว่าไปกันเองเที่ยวกันเองดีกว่า

เก๋บอกว่าเราน่าจะไปกับสายการบิน EVA Air เพราะเขามีตั๋วชั้น Deluxe ที่จ่ายแพงกว่าชั้น Economy ประมาณห้าหกพันบาท แต่ได้ที่นั่งกว้างประมาณชั้น Business (แต่บริการอื่นๆ ไม่เจ๋งเท่า) เราคิดว่าต้องนั่งเครื่องบินตั้งสิบชั่วโมง ก็เลยอยากให้เตี่ยกับแม่ได้นั่งสบายหน่อย จ่ายเพิ่มอีกห้าหกพันก็น่าจะโอเค EVA ไม่มีไฟล์ที่ไปปรากโดยตรง เราต้องไปต่อเครื่องที่เวียนนา โดยจากกรุงเทพฯ-เวียนนา เป็นสายการบิน EVA แล้วจากเวียนนา-ปราก เป็น Austrian Airlines ซึ่งต้องนั่งชั้น Economy แต่ก็เป็นแค่ไฟลท์สั้นๆ ประมาณชั่วโมงเดียวก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร

หลังจากเลือกสายการบิน เช็คราคาตั๋วกับตารางเวลาได้คร่าวๆ แล้ว เก๋ก็โยนให้เราเป็นคนรับภาระอื่นๆ ทั้งหมด (ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดอีกแล้ว เพราะเราเป็นคนจัดการอะไรไม่เป็น และตัดสินใจห่วยเวลาต้องต่อรองหรือเลือกอะไรๆ) เราโทรไปถามบริษัททัวร์บอกว่าจะซื้อตั๋วกับเขา และให้เขาขอวีซ่าให้ด้วย เขาคิดค่าบริการตอนขอวีซ่า 400 บาท ซึ่งก็โอเค แลกกับความสะดวก ตอนแรกเราคิดว่าจะจองโรงแรมเองจากทางอินเตอร์เน็ต แต่ลองๆ ถามบริษัททัวร์ดู ปรากฏว่าราคาที่เขาบอกมาก็ไม่ค่อยแตกต่างจากที่เราเสิร์ชหาได้จากทางอินเตอร์เน็ต ก็เลยให้เขาจัดการเรื่องโรงแรมไปด้วย หน้าที่ของเราก็เหลือแค่การหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในปรากอย่างเดียว

ปรากฏว่าเรื่องที่เราคิดว่ามีคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ก็ยังมีให้ได้ลุ้นกันจนได้ อย่างเรื่องตั๋ว เราเกือบจะต้องจ่ายค่าตั๋วแพงขึ้นเพราะจองตั๋วในช่วงที่ตั๋วกำลังจะขึ้นราคาพอดี แล้วเที่ยวบินขากลับจากปรากมาเวียนนาก็ดันคอนเฟิร์มไม่ได้ พวกเราได้เป็นแค่ waiting list ทั้งที่ไฟลท์ไม่เต็ม (ประมาณว่าสายการบินเขาอยากขายตั๋วราคาแพงๆ ให้หมดก่อน) สายการบินเขาจะไม่ยอมให้เราออกตั๋วถ้ายังเป็นสถานะ waiting list อยู่ แต่สุดท้ายเราก็คอนเฟิร์มได้ก่อนที่ตั๋วจะเปลี่ยนราคา

พอเรื่องโรงแรมก็วุ่นวายอีก เพราะบริษัททัวร์เขาให้รายชื่อโรงแรมมา 3 ที่ เราก็เลือกเอาอันที่ราคาไม่แพงมากและอยู่ไม่ไกลมาก แต่เขามาท้วงทีหลังว่า โรงแรมนี้อาหารเช้าเป็น cold buffet นะ เตี่ยกับแม่เราจะกินได้ไหม เราก็บอกว่าไม่ค่อยซีเรียสหรอกนะ เพราะเราไปกันเอง ถ้ากินไม่ได้ก็ไปหาอะไรอย่างอื่นกินตอนสายๆ หรือมื้อเที่ยงก็ได้ แต่ปรากฏว่าเขาก็หวังดี อาสาว่าจะลองเช็คราคาโรงแรมอื่นที่มีอาหารเช้าเป็น hot buffet ให้ด้วย เผื่อว่าจะมีโรงแรมอื่นที่ราคาพอๆ กัน

พอตอนที่เขาไปเช็คราคาโรงแรมอื่นให้เราดันเกิดความสับสนยังไม่รู้ กลายเป็นทำให้เขาไปบอกยกเลิกการจองโรงแรมอันที่เราเลือกไว้ตอนแรก แล้วจองเป็นโรงแรมอันใหม่ที่มี hot buffet ให้แทน แต่ราคามันแพงกว่าเยอะ (แต่ก็ดีกว่าด้วยนะ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวเชียวนะ ของเดิมของเราแค่ 3 ดาวเอง) เราก็เลยบอกว่าเอาโรงแรมเดิมดีกว่า แต่เขาทำ re-booking กลับมาไม่ได้ เพราะคนอื่นจองเต็มไปแล้ว เราก็เลยต้องกลับมาเสิร์ชหาโรงแรมทางอินเตอร์เน็ตอีกรอบ แต่ก็ยังคอนเฟิร์มไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ก็จะเต็ม หรือไม่ก็แพงเกินไป สุดท้ายบริษัททัวร์เขาก็จองโรงแรมอื่นให้เราได้ ราคาเท่าๆ กับที่เดิม แต่ว่าอยู่ไกลออกไป เราก็เลยให้เขาจองไปเพราะใกล้วันเดินทางเข้าไปทุกที เราขี้เกียจจะต้องทำอะไรฉุกละหุกในนาทีสุดท้าย

ส่วนเรื่องหาข้อมูลที่เที่ยว เราก็ห่วยมาก เราซื้อหนังสือไกด์ของ Lonely Planet มา แต่ก็ไม่ค่อยได้อ่าน จนถึงวันเดินทางแล้ว เรายังไม่ค่อยมีความรู้อะไรเลย ไม่มีการวางแผนอะไรไว้ด้วยทั้งๆ ที่ทริปนี้เราจะต้องทำหน้าที่ไกด์ไปโดยปริยาย ก็เลยเครียดเล็กน้อย แต่คิดว่ายังไงๆ วันแรกเราคงมีกิจกรรมแน่ๆ เพราะกะจะเอาตัวรอดด้วยการไปเที่ยว Prague Castle ก่อน ส่วนที่เหลือก็ว่าจะไปอ่านและวางแผนตอนอยู่บนเครื่องบินหรือตอนกลางคืนของวันแรกที่ไปถึง

เรามีวีซ่า มีตั๋วเครื่องบิน มีโรงแรม มีหนังสือไกด์(ที่ได้แค่เปิดผ่านๆ)แล้ว ส่วนเรื่องเงินเตี่ยกับแม่เป็นคนจัดการไปแลก เก๋บอกว่าให้เอาดอลลาร์สหรัฐไป แล้วไปแลกที่เช็คน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเงินเหลือเป็นดอลลาร์ เวลาแลกคืนน่าจะขาดทุนน้อยกว่า หรือไม่ก็เก็บเป็นดอลลาร์ไว้ได้เผื่อเตี่ยกับแม่ไปเที่ยวที่อื่น ความจริงเราคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะแลกเงินเช็คไปซักหน่อย เผื่อเป็นค่ารถจากสนามบินไปโรงแรม หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก่อนที่จะหาที่แลกเงินได้ แต่เก๋ก็คิดประมาณว่า ไปแลกที่สนามบินปรากก็ได้ เราก็เลยไม่ได้ว่าอะไร เพราะเราคิดว่าสำหรับตัวเราเองถ้าจะช็อปปิ้งอะไรคงใช้บัตรเครดิตมากกว่า

เราเดินทางห้าทุ่มคืนวันศุกร์ (ที่ 24 พ.ค) ปรากฏว่าตอนเช้าวันศุกร์ไปทำงาน เราก็รู้สึกว่าคอแห้งๆ และปวดเมื่อยตัว คล้ายกับจะไม่สบาย ทำไมจะต้องมาป่วยเอาตอนจะไปเที่ยวด้วยฟะ พอตอนเย็นก่อนกลับบ้านเราก็เลยแวะไปหาหมอ กะว่าเอายามากินก่อน ถ้าไปป่วยต่างบ้านต่างเมืองขึ้นมา จะลำบาก แถมอาจจะอดเที่ยวด้วย

สรุปว่าเรากำลังจะเดินทางแล้ว แต่จะจบไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อว่าตกลงเราไปเที่ยวแล้วเป็นยังไง ไปป่วยที่ปรากเหมือนอย่างที่บางคนแอบแช่งไว้หรือเปล่า ต้องติดตามต่อพรุ่งนี้จ้ะ