Day Trips in Prague
To the traveler arriving in a new place everything seems significant. – BRAD NEWSHAM, Take me with you.

เราตัดสินใจกลับมาเขียนเรื่องปรากต่อให้จบ ตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ ซึ่งก็คงจะเขียนยาวมาก เพราะอย่างที่ Quote มาข้างบน นักเดินทางที่ไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูสำคัญไปหมด

(Continue from Previous)
ถ้าจะถามว่าคนที่ไปเที่ยวปรากเขาไปทำอะไรกัน เราคิดว่าคงไปดูบ้านเมืองและสถาปัตยกรรม เพราะในปรากมีสถาปัตยกรรมหลากยุคหลายสไตล์ ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ Gothic (ศตวรรษที่ 13-16) Renaissance (ศตวรรษที่ 15-17) Baroque (ศตวรรษที่ 17-18) Art Nouveau (ช่วงปี 1899-1912) มาจนถึง Modern และ Post Modern ในปัจจุบัน อาคารบ้านเรือน โบสถ์วิหาร ปราสาทต่างๆ ในปรากยังอยู่ในสภาพดี ไม่ได้ถูกทำลายตอนช่วงสงครามเหมือนที่อื่นๆ ความจริงปรากสร้างเมืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8-9 เรื่อยมา แต่ตอนแรกใช้ไม้เป็นส่วนใหญ่ ก็เลยผุพังไปตามกาลเวลา และประกอบกับมีไฟไหม้หลายครั้ง อาคารที่เหลือรอดมาได้ส่วนใหญ่จึงเป็นอาคารที่สร้างในสมัยศตวรรษที่สิบกว่าเป็นต้นมา

ปราก (หรือ Praha-พราฮา ในภาษาเช็ค) เหมือนเมืองหลวงอื่นๆ คือจะมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำวัลตาวา (Vltava) ไหลผ่านกลางเมือง แบ่งปรากออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายมีปราสาทปราก (Prague Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา เชิงเขารอบๆ ปราสาทเป็นเขตที่เรียกว่า Malá Strana (มาลา สตรานา) หรือ The Lesser Town (เมืองเล็กๆ) ฝั่งขวาของแม่น้ำวัลตาวาเป็นเขตเมืองเก่า (Stare Město -สตาเร เมสโต หรือ The Old Town) เมืองใหม่ (Nove Město -โนเวเมสโต หรือ The New Town) และเมืองของชาวยิว (Josefov-โจเซฟอฟ หรือ Jewish Town) ทั้งหมดนี้กินบริเวณประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองที่เหมาะกับคนเดินถนนอย่างมาก เพราะสถานที่ต่างๆ อยู่ไม่ไกลเกินจะเดินถึง และถนนหนทางก็มีทางเท้ากว้างขวางสะอาดสะอ้านน่าเดินมาก

Wenceslas Square

วันแรก (วันเสาร์ที่ 25 พ.ค.) พวกเราไปถึงโรงแรมประมาณแปดโมงกว่า จัดการเช็คอินแล้วก็เลยนอนพัก 2-3 ชั่วโมง เพราะยังค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทาง จนบ่ายกว่าๆ แล้วถึงได้นั่งรถออกมาเที่ยวดูเมือง ก็เลยเปลี่ยนแผนจากที่ตั้งใจว่าจะไป Prague Castle เป็นไปที่ Wenceslas Square แทน

Wenceslas Square อยู่ในเขต New Town ในอดีตเป็นตลาดซื้อขายม้าแต่ในปัจจุบันเป็นย่านธุรกิจ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็น Square (จัตุรัส) แต่ความจริง Wenceslas Square เป็นถนนแบบ Boulevard มากกว่า (คือถนนคล้ายๆ กับถนน Champs Elysees ในปารีส หรือถนนราชดำเนินของไทยเรา) ถนนนี้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทั้งสองฝั่งมีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ร้านกาแฟ ฯลฯ ทางเท้าทั้งสองด้านกว้างขวาง ร้านอาหารและร้านกาแฟหลายๆ ร้านก็เลยเอาโต๊ะออกมาตั้งข้างนอกให้คนนั่งรับประทานอาหารและดูวิวดูคนไปด้วย ส่วนเกาะกลางถนนก็กว้างมากเหมือนกัน เขาปลูกต้นไม้ดอกไม้ มีมีม้านั่งให้นั่งเล่นด้วย พื้นของถนนนี้ยังปูด้วยอิฐหกเหลี่ยมก้อนเล็กๆ อยู่เลย (หลายๆ ถนนที่อยู่ในย่านเก่าแก่ของปรากก็ยังเป็นถนนอิฐแบบนี้) เวลารถวิ่งก็จะสะเทือนและดังตึกๆ

สุดด้านหนึ่งของจัตุรัสมีอนุสาวรีย์ของ St. Wenceslas ดยุคแห่งโบฮีเมีย ซึ่งชาวเช็คยกย่องให้เป็นนักบุญอุปถัมภ์ (Patron Saint) ของประเทศ ด้านหลังอนุสาวรีย์ของ St. Wenceslas เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (เป็นพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ) ส่วนสุดอีกด้านหนึ่งของจัตุรัสจะไปตัดกับถนนนาปริโคแป (Na přikopé) ซึ่งเป็นถนนช็อปปิ้งของปราก

วันแรกนี้เราไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะเตี่ยยังเหนื่อยกับการเดินทางและการนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มอยู่ เดินๆ ดูโน่นดูนี่อยู่พักหนึ่ง แล้วก็พาเตี่ยกลับไปพักที่โรงแรม ซึ่งเรากับเก๋ก็คิดว่าดีเหมือนกัน เพราะจะได้มีเวลาวางแผนเที่ยวกันด้วย

Day Trips

ในปรากมีบริษัทจัด Day Trips นำเที่ยวในปรากและเมืองใกล้เคียงหลายบริษัท ที่ใหญ่ที่สุดเก่าแก่ที่สุดมีสาขามากที่สุดคือบริษัท Čedok (เชด็อค) ซึ่งนอกจากจัด Day Trip ในปราก แล้วเขายังรับจัดทริปต่างประเทศและมีบริการอื่นๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วย (เช่น ขายตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม เช่ารถ แลกเงิน ฯลฯ)

ความที่ไม่ค่อยได้ทำการบ้านเรื่องสถานที่เที่ยวไปมาก คิดสะระตะแล้วว่าควรซื้อทริปดีกว่าเที่ยวเอง แต่เราไม่ได้ซื้อทริปจากเชด็อค เพราะตอนที่เราเช็คอินเข้าโรงแรม ป้า Reception ให้โบรชัวร์ของบริษัท Premiant City Tour มา และบอกว่าเราสามารถจองทัวร์ของบริษัทนี้ที่ป้าได้ เขามีรถมารับที่โรงแรมด้วย เก๋หยิบโบรชัวร์ของบริษัทอื่นๆ มาที่วางอยู่ในล็อบบี้มาด้วย แต่ดูๆ ราคาและรายการเที่ยวแล้วก็ไม่ค่อยแตกต่างกัน ก็เลยคิดว่าจะลองใช้บริการของบริษัทที่ป้า Reception แนะนำดู เราตัดสินใจว่าวันรุ่งขึ้น (อาทิตย์ 26 พ.ค.) จะไปทัวร์ชมเมืองปรากและ Prague Castle วันต่อๆ มาเราก็ซื้อทัวร์อีก 3 ทัวร์ คือ วันจันทร์ไปทัวร์ล่องแม่น้ำวัลตาวา วันอังคารกับวันพุธไปทัวร์นอกเมืองปราก คือ ไปปราสาท Karlštejn (คาร์ลชเตน) กับเมือง Kutná Hora (คุทนาโฮรา คำว่า Hora แปลว่าภูเขา) ซึ่งเป็นเมืองที่ยูเนสโกจัดให้เป็นมรดกโลก

Prague Castle & Josefov

ตอนเช้าวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) รถมินิบัส (ที่ชาวเช็คออกเสียงว่า มินิบุส) ของ Premiant City Tour มารับพวกเราไปที่ถนนนาปริโคแป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทริป พวกเราไปรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ (มีทั้งซื้อทริปมาจากโรงแรมที่ตัวเองพักเหมือนเรา และพวกที่มาซื้อทัวร์ที่บูธของ Premiant ที่ถนนนาปริโคแปโดยตรง) ทัวร์เริ่มจากการพาพวกเรานั่งรถผ่านย่านต่างๆ ของปราก แล้วไปส่งพวกเราที่ Prague Castle (Pražký hrad-พราสกี้ ฮราด คำว่า hrad แปลว่า Castle)

ปราสาทปรากได้รับการบันทึกจาก Guinness Book ว่าเป็น “the largest ancient castle in the world” เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 ในบริเวณปราสาทปรากเป็นเหมือนเมืองๆ หนึ่งเลยก็ว่าได้ คือ มีสวน มีลานกว้างที่ใช้ชุมนุมกันได้ มีวิหารสำหรับทำพิธีทางศาสนา มีตึกอาคารที่ทำการต่างๆ (หลายๆ ตึกมีทางเดินเชื่อมถึงกัน) ปัจจุบันตึกพวกนี้บางส่วนใช้เป็นสำนักงานของรัฐบาล และเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่รัฐ (ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม) บางส่วนเป็น Gallery แสดงงานทางศิลปะต่างๆ

ปราสาทอยู่บนเนินมีทางขึ้นหลายทาง ทางที่รถมินิบัสมาส่งพวกเรา เป็นทางที่จะเดินได้สะดวกที่สุด คือไม่ต้องเดินขึ้นบันไดหรือทางชัน พวกเราเดินผ่าน Powder Bridge ซึ่งเป็นสะพานข้ามคูเมือง (แต่ตอนหลังเขาใช้คูเมืองนี้ใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ที่ใช้ในเกมการล่าสัตว์ เขาก็เลยเรียกคูนี้ว่า Stag Moat และไม่เป็นคูน้ำแล้วแต่มีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด) แล้วไปที่ประตูใหญ่ของปราสาทปราก ที่เสาประตูด้านซ้ายและขวามีรูปปั้นอินทรีย์และสิงโตสองหางอยู่ (สิงโตสองหางเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ของกษัตริย์เช็ค และปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์ของสาธารณะเช็ค ส่วนนกอินทรีย์เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ของออสเตรีย ซึ่งเป็นเชื้อสายเดิมของพระราชินีเช็ค)

ที่ประตูใหญ่นี้จะมีทหารยามเฝ้าหน้าประตู ทุกๆ ชั่วโมงจะมีพิธีเปลี่ยนทหารยาม เราไปถึงก็ใกล้เวลาที่เขาจะเปลี่ยนเวรกันพอดี ก็เลยได้ดู แต่ปรากฏว่าถ้าใครคาดหวังจะได้เห็นพิธีอลังการเหมือนกับที่พระราชวังบัคกิ้งแฮมของอังกฤษ ก็คงต้องผิดหวัง เพราะมีทหารแค่ไม่กี่คนถือปืนมาเดินสวนกันไปสวนกันมา

ในปราสาทปราก เราได้เข้าไปในส่วนที่เก่าที่สุดของปราสาทปราก คือ Old Royal Palace ได้เดินผ่านห้องโถง (Vladislav Hall) ที่เคยใช้ที่เป็นที่ชุมนุมของพวกบรรดาขุนนางและข้าราชการชั้นสูงในสมัยก่อน ไกด์บอกว่าในวันที่อากาศไม่ดี เขาจะใช้โถงนี้เป็นที่ขี่ม้าและดวลกัน (Jousting) ด้วย ห้องโถงนี้เลยมีบันไดที่ขั้นถี่กว่าปกติ เพื่อให้ขี่ม้าผ่านเข้ามาได้ ปัจจุบันห้องโถงนี้ใช้เป็นที่สาบานเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี

ไกด์พาพวกเราไปที่ St. George Square เข้าไปใน Basilica of St. George ซึ่งเป็นโบสถ์สมัยโรมัน ข้างในมีหลุมศพของ St. Ludmilla (ซึ่งเป็นยายของ Duke Wenceslas) ซึ่งในโบสถ์มีการประดับตกแต่งอลังการมาก ต่อจากนั้นเราก็ไปที่วิหาร St. Vitus Cathedral ซึ่งเป็นวิหารที่ยังเปิดใช้งานตามปกติ พอดีวันนั้นเป็นวันอาทิตย์เขาทำพิธีมิสซากันด้วย คนก็เลยเยอะเป็นพิเศษ พวกเราต้องรอพิธีเลิกถึงจะได้เข้าไปข้างใน ผนังวิหารส่วนบนจะเป็นกระจก Stain glass สีสดลายวิจิตร ริมผนังมีห้องสวดมนต์เล็กๆ (Chapel) สำหรับบูชานักบุญต่างๆ อยู่รอบวิหาร แต่ละ Chapel ก็มีขนาดใหญ่เล็กวิจิตรบรรจงต่างๆ กันออกไป

ความจริงถ้าจะเดินดูให้ทั่วทั้งปราสาทปรากจริงๆ คงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ แต่ที่พวกเราไปกับไกด์เป็นแค่เวอร์ชันสั้นๆ ไปดูเฉพาะจุดที่เป็นไฮไลท์ ไม่ได้ไปดูส่วนที่เป็นแกลเลอรี่และสวนของปราสาท ก่อนกลับจากปราสาทปราก ไกด์พาพวกเราไปที่ Golden Lane ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของพวกนักเล่นแร่แปรธาตุ (Alchemist) เขาพยายามจะเปลี่ยนโลหะอื่นๆ ให้เป็นทองเพื่อเอาไปถวายกษัตริย์ (นี่คือที่มาของชื่อ Golden Lane) แต่ปัจจุบันเป็นร้านขายของที่ระลึกกระจุกกระจิก พวกเราไม่ได้เดินดูของอะไร เพราะเขาให้เวลาเดินตรงนี้แค่สิบห้านาที เราก็เลยไปซื้อขนมกับน้ำดื่มที่ร้านกาแฟก่อนจะกลับไปขึ้นรถ

ขากลับเราต้องเดินลงบันไดร้อยกว่าขั้น (เดินลงเลยไม่เหนื่อยมาก ถ้าเดินขึ้นคงแย่เหมือนกัน) มีร้านขายของตามรายทางด้วย แต่ว่าวันนี้เขาคงขายของได้ไม่ดี เพราะฝนตกพรำๆ ตลอด (ฝนเริ่มตกตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มเดินใน St. George Square แล้วหละ) คนก็เลยรีบเดินไม่มีอารมณ์จะดูของกัน

พวกเรากลับมาขึ้นรถไปที่ Jewish Town ซึ่งไกด์จะพาเราเดินจากที่นี่ไปจบทริปที่ Old Town Square ชุมชนของชาวยิวนี้ตั้งขึ้นสมัยกษัตริย์โจเซฟ ก็เลยได้ชื่อว่า Josefov หรือเมืองของโจเซฟ ไกด์ชี้ให้เราดูนาฬิกาที่อยู่ที่ Jewish Town Hall เป็นนาฬิกาที่ใช้ตัวเลขอาหรับบอกเวลา มีความแปลกตรงที่เข็มนาฬิกาจะเลยเดินสวนทางกับนาฬิกาปกติ เพราะความที่เลขอาหรับอ่านจากขวาไปซ้าย นอกจากตึกที่เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ในย่านนี้ยังมีทั้ง Synagogue (โบสถ์ของชาวยิว) และสุสานอยู่ด้วย ในปรากมีซินนาก็อกอยู่ทั้งหมด 7 แห่ง บางที่ก็ยังใช้ทำพิธีอยู่ แต่บางที่ก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นพิพิธภันฑ์แสดงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเครื่องสักการะบูชาต่างๆ ไปแล้ว ส่วนสุสานของชาวยิว (Old Jewish Cemetery) นั้นเป็นสุสานเล็กๆ แต่ไกด์บอกว่ามีหลุมศพอยู่ถึงหนึ่งหมื่นสองพันหลุม เพราะเขาจะใช้ฝังศพลงไปเป็นชั้นๆ พอเนื้อที่ของสุสานเต็มแล้ว เขาก็จะใช้ดินกลบไปทั้งหมดแล้วเริ่มชั้นต่อไป เป็นการฝังศพที่ประหยัดเนื้อที่ที่สุด

พวกเราเดินเรื่อยๆ มาจนถึง Old Town Square (Staroměstská náměstí-สตาโรเมสค้า นาเมสตี้ คำว่า Náměstí คือ Square หรือจัตุรัสนั่นเอง) ที่ Old Town Square นี้ถือว่าเป็นจุดที่เป็นศูนย์กลางของ Old Town เลยก็ว่าได้ เป็นลานกว้างตรงกลางมีอนุสาวรีย์ของ Jan Hus ซึ่งเป็นเคยนักศึกษาของ Charles University (มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของเช็ค) ไกด์เล่าให้ฟังว่า Jan Hus เกิดในสมัยที่นิกายโรมันคาธอลิคแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย แต่ Jan ก็ไม่ได้มีความเห็นเข้ากับฝ่ายใด เขาคิดว่าบรรดาพระคาธอลิคในยุคนั้นใช้อำนาจเพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง จึงเผยแพร่ความรู้ต่อต้าน ตอนหลังเขาเลยโดนเผาตายด้วยข้อหาว่ามีความคิดนอกรีต

รอบๆ ลานเป็นตึกที่มีสถาปัตยกรรมสมัยบาโร้ค เช่น Old Town Hall ซึ่งทุกๆ ชั่วโมงจะมีคนมายืนรอดูนาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ตีบอกเวลา ถ้าใครเคยไปดูนาฬิกาสวิตซ์ที่ Leicester Square ในลอนดอน อาจจะบอกว่า โอ๊ย... เด็กๆ เพราะมีแค่หน้าต่างเปิดออกมากับมีหุ่นหมุนไปหมุนมา แต่ว่าตัวนาฬิกาเองเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าทึ่งมาก เพราะบอกทั้งเวลา ตำแหน่งของพระอาทิตย์ พระจันทร์ เวลาพระอาทิตย์ขึ้น-ตก เยอะแยะซับซ้อนมาก ขนาดที่ไกด์เองยังบอกว่า ขอไม่อธิบายว่ามันทำงานอย่างไร เพราะเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน

ไกด์อธิบายให้พวกเราฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ Old Town Square ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นสมัยบาโร้คและโกธิค เช่น The Church of Our Lady Before Tỷn, St. Nicholas Church, House of Stone Bell ความที่ฝนยังไม่หายตกดี ไกด์ก็เลยยืนหลบฝนอธิบายอยู่ตรงชายคา ไม่มีอารมณ์ออกมายืนชี้ชวนให้ดูอะไรมากมาย ทุกคนก็ดูท่าทางจะเหนื่อยๆ และอยากหาที่นั่งพัก ก็เลยเป็นอันจบทริปวันแรกที่ลานใน Old Town Square นี่เอง

Charles Bridge & Vltava Cruise

วันที่ 3 ของการอยู่ในปราก (จันทร์ 27 พ.ค.) เราซื้อทัวร์ล่องแม่น้ำวัลตาวา ซึ่งเป็นทัวร์ตอนบ่าย ประมาณว่า จิบน้ำชาตอนบ่ายชมวิวอะไรประมาณนั้น ตอนเช้าพวกเราก็เลยต้องหาอะไรทำกันก่อน ก็เลยตัดสินใจไปสถานที่สุดฮิตของปราก คือ Charles Bridge (Karlův Most คำว่า most แปลว่า สะพาน)

เขาว่ากันว่า ถ้ามาถึงปรากแล้วไม่ได้มาเดินข้าม Charles Bridge ก็ยังมาไม่ถึงปราก เราก็เลยต้องไปให้ถึงซักหน่อย สะพาน Charles Bridge นี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวัลตาวาที่เก่าแก่ที่สุด สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ (เช็คมีกษัตริย์ดังๆ อยู่ไม่กี่พระองค์ ประมาณว่า St. Wenceslas แล้วก็พระเจ้าชาร์ลส์นี่แหละ) เชื่อมระหว่าง Malá Strana ฝั่งปราสาทปราก กับ Old Town ตอนนี้สะพาน Charles Bridge เปิดให้คนเดินอย่างเดียว รถที่จะข้ามแม่น้ำวัลตาวาต้องไปใช้สะพานอื่นๆ

ทั้งสองฝั่งจะมีหอให้ขึ้นไปดูวิวได้ด้วย บนสะพานจะมีรูปปั้นของนักบุญต่างๆ เป็นระยะๆ มีประมาณ 30 รูปเห็นจะได้ รูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุด คือ St. Nepomuk ใครที่มาแล้วจะต้องลูบรูปนูนโลหะที่ฐานรูปปั้น เพราะเขาว่าจะทำให้โชคดี เราก็ไปลูบกับเขาด้วย (คงมีคนลูบกันไปเป็นล้านๆ แล้วมั้ง แบบว่าเป็นเงาแว้บเลยอ่ะ) เขาเล่ากันว่า St. Nepomuk เป็นนักบุญที่ประจำพระราชสำนัก โดนประหารโดยถูกจับโยนแม่น้ำวัลตาวา เพราะว่าพระราชินีมาสารภาพบาปกับท่าน แล้วกษัตริย์เกิดอยากรู้ว่าพระราชินีสารภาพบาปอะไร ก็เลยบังคับให้ St. Nepomuk บอก แต่ St. Nepomuk ไม่ยอมบอก ตอนที่ St. Nepomuk ถูกโยนลงแม่น้ำ บนท้องฟ้ามีดาวปรากฏขึ้นมา 6 ดวง รูปปั้นของ St. Nepomuk ก็เลยจะมีดาวเป็นมงกุฎอยู่เหนือศีรษะเป็นสัญลักษณ์

บนสะพานนี้ นอกจากจะเป็นที่ดูวิวของแม่น้ำวัลตาวาแล้ว เขาก็จะมีคนเอาของมาขาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรูปวาดหรืองานฝีมือต่างๆ ที่นี่เขามีการจัดระเบียบอย่างดี คนที่เอาของมาขายจะต้องได้รับใบอนุญาต ไม่ใช่ใครจะมาขายก็ได้ นอกจากนี้ก็มีนักดนตรีมาเล่นดนตรีเปิดหมวก คือ เอาหมวก (หรือกระป๋อง หรือกล่องกีตาร์ ฯลฯ) วาง แล้วก็เล่นดนตรีไป ใครฟังแล้วชอบใจก็เอาเงินไปหย่อนให้เขาได้ ก็สร้างความครึกครื้นให้นักท่องเที่ยวได้พอสมควร

หลังจากเดินเล่นดูวิว ดูคน ดูของ ดูดนตรีในช่วงเช้าที่ Charles Bridge แล้ว ตอนบ่ายเราก็ไปที่ถนนนาปริโคแปกันอีกรอบเพื่อไปร่วมขบวนทัวร์ล่องแม่น้ำวัลตาวา ทัวร์นี้ออกแนวพักผ่อนสบายๆ เพราะรถเขาจะพาเราไปส่งที่ท่าเรือ เชิงสะพาน Mánesův Most (ซึ่งอยู่ถัดจาก Charles Bridge ไป) ลงไปในเรือเขามีขนมกับเครื่องดื่มให้คนละ 1 ชุด เรือพาเราล่องขึ้นไปจนถึง Charles Bridge แล้วย้อนขึ้นไปทางเหนือ/ตะวันออก พวกเราอยู่ในเรือประมาณ 55 นาที ไกด์บรรยายเกี่ยวกับตึกต่างๆ ที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำให้ฟังเป็นระยะๆ พอขึ้นจากเรือไกด์ก็พาเราเดินผ่าน Jewish Town กลับไปจบทริปที่ Old Town Square (ทัวร์ส่วนใหญ่มักจะไปจบที่ Old Town Square เพราะเป็นจุดที่ค่อนข้างจะเป็นศูนย์กลาง จะไปที่อื่นๆ ก็ไม่ไกลมาก) ทางที่เราเดินผ่านใน Jewish Town เป็นถนนคนละเส้นกับที่เดินวันแรก แต่ไกด์ก็จะเล่าเรื่องราวประวัติให้ฟังคล้ายๆ กัน แต่มีแทรกเกร็ดเล็กน้อยแตกต่างกันออกไป ประมาณว่าแล้วแต่ลูกเล่นและความรู้รอบตัวของไกด์แต่ละคน

...ยังมีต่อ... อีกยาวววว :)