We can't give it a try
เวลามีคนมาถามเราว่า จะไปเรียนต่อเมืองนอกดีไหม เราก็มักจะบอกว่า ถ้าสามารถไปได้โดยไม่ลำบาก ก็น่าจะไป เพราะเราคิดว่า การได้ไปใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย เป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาภาษาอังกฤษ ซึ่งเราคิดว่าสำคัญมากๆ ในการทำงานสมัยนี้ สำหรับตัวเราการไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เรามีโลกทัศน์กว้างขึ้น ทำให้เรามองเห็นความแตกต่างของชนชาติและวัฒนธรรม ทำให้เรารู้จักปรับตัว ทำให้ภาษาอังกฤษเราดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการทำงานของเราได้มาก

เก๋คุยกับเราเรื่องการเลือกโรงเรียนว่า ถ้าเราได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เด็กก็จะโตขึ้นมาแตกต่างจากเด็กที่อยู่ในโรงเรียนไม่ดีสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เพราะทั้งครูและเพื่อนมีส่วนหล่อหลอมและสร้างบุคลิกภาพและสร้าง Background ที่เราใช้เป็นฐานในการตัดสินความถูกผิด เราเห็นด้วย เพราะเคยคิดว่าการเรียนที่สตรีวิทย์ทำให้เราเป็นเราอย่างที่เราเป็น ทำให้เรามีความคิดเห็นหรือการตัดสินใจอย่างที่เรามี ซึ่งเป็นบุคลิกหรือลักษณะที่ Unique จากเด็กโรงเรียนอื่นๆ

แต่พอมาคิดๆ ดู เราไม่มีโอกาสรู้ว่าถ้าเราเรียนที่โรงเรียนเดิมที่ราชบุรีแทนที่จะมาเรียนที่สตรีวิทย์ เราจะไม่เป็นอย่างที่เราเป็น ไม่มองโลกอย่างที่เรามองทุกวันนี้ หรือถ้าเราไม่ไปเรียนต่างต่อประเทศ ภาษาอังกฤษเราจะห่วย เราจะทำงานไม่ได้ดีเท่าทุกวันนี้ ถ้าเราเรียนที่โรงเรียนเดิม หรือไม่ไปเรียนต่อ เราก็อาจจะไปประสบกับเหตุการณ์อื่นๆ ที่ทำให้ชีวิตเราเหมือนเดิม และเรายังเป็นเราคนเดิมก็ได้ ใครจะรู้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้

การใช้ชีวิตทดลองทำดูไม่ได้ ถอยหลังไม่ได้ เราต้องตัดสินใจทำหรือไม่ทำไปเลย ไม่เหมือนการช็อปปิ้ง ลองใส่ชุดนี้ดูก่อน ถ้าไม่สวยก็เปลี่ยน ลองใส่รองเท้าคู่นี้ดู ถ้าไม่สบายก็ไม่ต้องซื้อ (บางทีซื้อแล้วยังเอาไปเปลี่ยนหรือคืนได้อีก) เราไม่มีทางรู้ว่าผลของการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรจนกว่าจะลงมือทำลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นคนถึงได้รู้สึกลำบากใจมากๆ เวลาต้องตัดสินใจ แถมตัดสินใจไปแล้วถ้าผลมันไม่ดีอย่างที่เราคิดไว้ เราย้อนกลับไปตั้งต้นที่จุดเดิมไม่ได้อีก อันนี้ก็ต้องพยายามทำใจให้ยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นให้ได้ หรือไม่ก็ต้องทำอะไรซักอย่างที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น

เขียนเรื่องนี้แล้วนึกไปถึงอีกเรื่องที่คุยกับพี่ปุ๊กเกี่ยวกับเครื่องครีมบำรุงผิวต่างๆ พี่ปุ๊กบอกว่าแม่พี่ปุ๊กใช้ครีมบำรุงผิวตั้งแต่สาวๆ ทำให้ผิวพรรณดีกว่าคนวัยเดียวกัน แต่พอพูดไปแล้วก็บอกว่า ความจริงก็พิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าเป็นผลจากการรู้จักบำรุงผิวตั้งแต่สาวๆ หรือเปล่า แม่พี่ปุ๊กอาจจะผิวดีอยู่แล้วและการบำรุงอาจจะไม่ให้ผลลัพธ์ที่ความแตกต่างเลยก็ได้ แต่มันพิสูจน์ไม่ได้เพราะคนที่ใช้ครีมก็ใช้ คนที่ไม่ใช้ก็ไม่ใช้ ไม่มีคนที่ทาครีมบำรุงผิวแค่ครึ่งหน้าเป็นเวลาสิบๆ ปี แล้วเปรียบเทียบคุณภาพผิวด้านที่ใช้ครีมบำรุงกับด้านที่ไม่ใช้ สรุปว่าการใช้ครีมบำรุงผิวเป็นเรื่องที่ลองไม่ได้เหมือนกัน ถ้าตัดสินใจไม่ใช้ครีมบำรุงผิว แล้วอีก 20 ปีผ่านไป หน้าเหี่ยวย่น ก็ต้องทำใจ แต่ถ้าทำใจไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยศัลยกรรมช่วย สวยด้วยคมมีดของแพทย์... อะไรทำนองนั้น