About a boy
เมื่อวันก่อนไปดู About a boy มา น่ารักและดีกว่าที่คาดไว้จากที่ดูหนังตัวอย่างเยอะเลย หนังเป็นเรื่องของผู้ชายโสดที่ใช้ชีวิตไปวันๆ งานการไม่ต้องทำ (เพราะเผอิญพ่อแกเป็นนักแต่งเพลงที่แต่งเพลงคริสต์มาสสุดฮิต ลูกก็เลยได้เงินจากลิขสิทธิ์เพลง พอเลี้ยงตัวโดยไม่ต้องทำงาน) อายุตั้ง 38 แล้วยังไม่ลงหลักปักฐานกับใคร เอาแต่คบกับสาวๆ เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยโดยไม่คิดจะผูกพันกับใคร จนโดนผู้หญิงด่าสาดเสียเทเสียเวลาบอกเลิก

แต่แล้วชีวิตของผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนไปเพราะได้บังเอิญได้ไปเดทกับผู้หญิงที่เป็น Single Mother โดยที่ไม่รู้ว่าเขามีลูกแล้ว ในระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีบอกเลิกโดยไม่ให้โดนด่าว่าเห็นแก่ตัว ชั่วร้าย นิสัยไม่ดี ผู้หญิงก็กลับบอกเลิกก่อนโดยบอกว่าเป็นความผิดของเธอเองที่ยังทำใจคบคนใหม่ไม่ได้ ประมาณว่าเป็นครั้งแรกที่เลิกกับผู้หญิงโดยไม่รู้สึกผิด ก็เลยปิ๊งไอเดียว่าเดทกับพวก Single Mother ดีกว่า พระเอกก็เลยไปเข้ากลุ่ม SPAT (Single Parent All Together) เวลาไปที่กลุ่มก็ไปตอแหลว่าตัวเองโดนเมียทิ้งและมีลูกติด หวังจะได้เดทกับคุณแม่ยังสาว เลยทำให้เขาได้มาเจอกับเด็กผู้ชายที่มีแม่ Single Mother เป็นเด็กที่ไม่มีความสุขกับชีวิต เพราะเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้ แถมแม่ก็ไม่มีความสุขจนพยายามฆ่าตัวตายแต่ช่วยไว้ได้ทัน เด็กคนนี้เป็นกังวลกลัวแม่จะพยายามฆ่าตัวตายอีกก็เลยพยายามจะให้แม่ตัวเองมาเดทกับพระเอก

About a boy ก็เลยเป็นเรื่องของ “เด็กผู้ชาย” กับ “ผู้ชายที่ยังทำตัวเป็นเด็ก” ต้องมาทนอยู่ใกล้ๆ กันด้วยความไม่ตั้งใจ ต่างคนก็ต่างเรียนรู้จากอีกฝ่ายหนึ่ง ช่วยเหลือกันไปถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็ตามที เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี ไม่อยากให้หนังจบ (อารมณ์เดียวกับตอนที่ดู Where the heart is ที่นาตาลี พอร์ตแมน นางเอกสตาร์วอร์ส) แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคนที่คิดอย่างเดียวกับเรา เพราะตอนที่เราออกจากโรง ได้ยินผู้หญิง 2 คนคุยกัน เขาก็บ่นๆ ว่า “หนังไม่เห็นมีอะไรเลย ตอนแรกนึกว่าจะดี แต่ดูจบแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร หนังทางยุโรปยังไงๆ ก็สู้หนังฮอลลีวู้ดไม่ได้” แล้วเขาก็คุยๆ กันต่อไปถึง Amelie หนังฝรั่งเศสที่เราเพิ่งไปดูมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาก็บ่นๆ ว่าหนังไม่เห็นจะได้เรื่องเลย เล่าย้อนกลับไปตั้งกะสมัยพ่อแม่ อะไรกันก็ไม่รู้ ในขณะที่เราว่าหนัง 2 เรื่องนี้ เป็นหนังที่เราชอบมากๆ ในรอบเดือนสองเดือนที่ผ่านมา แต่กลับมีคนเห็นว่ามันไม่ได้ดีเด่นอะไรเลย ก็อย่างว่าหละนะ ลางเนื้อชอบลางยา ต่างคนก็ต่างใจ

About a boy พูดถึงเรื่องที่เราเคยกังวลอยู่ลึกๆ คือ การอยู่คนเดียวและคิดถึงแต่ตัวเองคนเดียว มีประโยคที่พูดว่า “No man is an island.” หมายถึงว่า ไม่มีใครที่อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวจะต้อง connect กับคนอื่นๆ แต่พระเอกบอกอยู่เสมอว่า “I am an island.” เขาสบายใจกับการเป็นโสดได้อยู่คนเดียว เป็นอิสระ ได้ทำอะไรๆ ตามอารมณ์ตัวเอง ตื่นเช้า ดูทีวี เล่นกีฬา (สนุกเกอร์) ท่องอินเตอร์เน็ต แต่ท้ายที่สุดเขาก็รู้ว่าชีวิตของคนที่ไม่ผูกพันกับใครถึงมันจะฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีความหมายอะไรกับใครเลย (It is perfect, it is fulfill. But it doesn’t mean anything.)

เราไม่กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว แต่เรากลัวที่จะอยู่คนเดียวโดยไม่รู้สึกแคร์ใครและไม่มีใครแคร์ เรารู้สึกว่าชีวิตของคนเราจะเติมเต็มได้ส่วนหนึ่งเกิดจากการได้ทำอะไรๆ ตามที่ใจเราต้องการ แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการได้ทำให้คนที่เรารักและห่วงใยมีความสุข มีความสบายใจ และภูมิใจในตัวเรา เราคิดว่าส่วนหลังนี้สำคัญกว่าส่วนแรก เพราะถ้าทุกคนมัวแต่คิดถึงความต้องการของตัวเองอย่างเดียว โลกคงวุ่นวายน่าดู การคิดถึงคนอื่นๆ ทำให้เราอยากเป็นคนดี เราไม่อยากอยู่โดยไม่รู้สึกแคร์ใคร เพราะเราคงไม่แคร์ที่จะเป็นคนดี เพราะไม่รู้ว่าจะทำดีไปให้ใครภูมิใจ และถ้าอยู่โดยไม่มีใครแคร์ ชีวิตคงโดดเดี่ยวและเหี่ยวเฉาน่าดู

'No man is an island, entire of itself; every man is a piece of the continent, a part of the main.’ John Donne (1572-1631)