The Smugglers
อ่านคอลัมน์ วาบความคิด ของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ ในมติชนสุดสัปดาห์ มีเรื่องเก่าที่เคยพิมพ์ใน “ฟ้าเมืองไทย” ฉบับที่วางตลาดเมื่อ 10 กันยายน 2530 วันนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราแอบลอกมาให้อ่าน

เรื่องสั้นแปล ทดสอบเชาวน์ “คดีนักค้าของเถื่อน”

สมประสงค์ น่วมบุญลือ แปลจาก The Smugglers ของ “Wolfgang Ecke”

มหาวิทยาลัยสืบสวนอาชญากรรมอาร์กัส ณ ลิตเติ้ล โคเวนบริดจ์ ฝึกอบรมคนหนุ่มที่มุ่งหมายจะเป็นนักสืบชั้นดี หัวข้อของข้อสอบคือ “นักค้าของเถื่อน” และนี่คือข้อสอบ

ลุยจิ อมาติ กับ เอนริโก ซาร์โด ได้ทำงานเพื่อตัวเองออกมาด้วยวิธีกาเริ่มต้นค้าของเถื่อนที่มีค่าระหว่างประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกันสองประเทศ เที่ยงวันขณะที่ดวงอาทิตย์อยู่กลางฟ้าทอดเงา ทั้งสองผลักเรือบดออกไปในทะเลสาบ ปล่อยให้มันลอยไปตามกระแสน้ำออกไปยังกลางน้ำ ทะเลสาบนี้กำหนดเป็นพรมแดนระหว่างสองประเทศ กล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่อยู่ในแผ่นดินสองสามแห่งที่เกิดขึ้นจากการผุดซึมขึ้นมาจากน้ำใต้ดิน

เมื่อ อมาติ กับ ซาร์โด ได้มาถึงจุดครึ่งทาง ทั้งสองได้เริ่มต้นตกปลา แล้วตกต่อเนื่องไปจนกระทั่งความมืดได้เข้ามาครอบคลุม จนมาถึงขณะนี้เขาตกปลาเทร้าท์ทะเลได้เพียงสองสามตัว ซึ่งเขาควักไส้ออกทันที และเก็บแช่ไว้ในถุงเย็น

ทันทีที่ยามเย็นได้เปลี่ยนไปเป็นกลางคืน ชายทั้งสองคนก็กระโจนเข้าสู่ปฏิบัติการทันที ด้วยการจ้วงพายอย่างเร็วอันจะทำให้ไปถึงฝั่งตรงข้าม เป็นที่ซึ่งชายที่เขาได้ติดต่อไว้ รออยู่พร้อมของสำหรับเขา

ทั้งสองเอาเรือเกยหาด แล้วจัดการยกกล่องพลิกกับขึ้น ป้องกันรอยรั่วของกล่องที่ด้านล่าง กล่องนั้นบรรจุนาฬิกาแบบต่างๆ ไว้ สองร้อยเรือน

ในศุกร์นี้ของเดือนกันยายนก็ไม่มีข้อยกเว้น ทุกสิ่งดำเนินไปโดยปราศจากการชะงักงันดังที่เคยได้ทำกันมาแล้ว

สองยามสิบนาที ทั้งสองเริ่มกรรเชียงเรือกลับ ข้ามทะเลสาบเข้าถึงฝั่ง ณ จุดห่างไปทางเหนือครึ่งกิโลเมตรจากสถานที่ซึ่งเขามักเก็บเรือบดและเปิดกล่อง ทั้งสองแบ่งสินค้าหนีภาษีเท่าๆ กัน คือ นาฬิกาข้อมือคนละสิบโหล

ห้านาทีต่อมา ทั้งคู่หายไปในความมืด สิ่งที่เหลือทิ้งไว้คือรองเท้าบู๊ตสองคู่กับกลิ่นเหม็นของปลา เมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรมาพบเรือบดเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ก็ไม่มีสิ่งอันใดเป็นสาเหตุต้องสงสัย

แม้กระนั้นก็ตาม มันได้กลายเป็นศุกร์ทมิฬสำหรับนักค้าของเถื่อนทั้งสองจนได้ หลังจากวันนั้นมาทั้งสองไม่เคยมีความคิดในเรื่องเกี่ยวกับเวลา ซึ่งจะมีแต่เหตุการณ์เข้ามาประจวบเหมาะกันพอดี เขาเพียงแต่จะหนีโจรที่ได้พังเข้าไปในร้านขายอัญมณีในกลางใจเมืองแล้วกวาดทรัพย์สินไปเรียบ ตำรวจได้ล้อมและค้นหาคนร้ายทั่วทั้งบริเวณนั้น แล้วก็เพื่อนของเรา ลุยจิ กับเอนริโก ได้วิ่งตรงไปทางตำรวจในเวลาที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งสองเพียงแต่ตกใจแล้วพยายามเลี่ยงตำรวจเท่านั้น

อาจกล่าวเสริมได้ว่า พวกอาชญากรได้ชะล่าใจไปกับความสำเร็จของตน ดังเช่นนักค้าของเถื่อนเบื่อหน่ายความโชคร้ายของเขา

ในข้อทดสอบจากวิทยาลัยสืบสวนอาชญากรรมอาร์กัส ณ ลิตเติ้ล โคเวนบริดจ์ นี้ มีข้อเท็จจริงที่ผิดอยู่กี่แห่ง?

อ่านแล้วลองคิดตามเล่นๆ คำเฉลยรอพรุ่งนี้จ้ะ