Racing to - where the - hell...
แถวบ้านเราทุกวันอาทิตย์ตอนเย็นๆ แดดร่มๆ ลมตกๆ จะมีสิงห์มอเตอร์ไซค์ออกมาขับรถมอเตอร์ไซค์แข่งกันเป็นประจำ รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาขับกันนี่เขาไม่ธรรมดานะ ทำเครื่องยนต์มาพิเศษให้มันแผดเสียงสนั่น เรียกให้ชาวบ้านแถวๆ นั้นออกมายืนดูกันเต็มไปหมดทั้งคนแก่ผู้ใหญ่ลูกเล็กเด็กแดง ความจริงพฤติกรรมของสิงห์มอเตอร์ไซค์พวกนี้ ก็ไม่เชิงว่าจะขับรถแข่งขันเอาชนะที่หนึ่งที่สองกันหรอกนะ จะออกไปในทางโชว์ความสามารถในการขับ(ขี่)รถผาดโผน โชว์การแผดเสียงของเครื่องรถมากกว่า แต่เราจะเรียกว่า “ขับรถแข่งกัน” เพราะมันค่อนข้างจะทำให้เห็นภาพชัดเจนพอสมควร

เส้นทางที่เขาแข่งกันเป็นแค่ช่วงไม่กี่ร้อยเมตรของถนนพระราม 3 ตรงใกล้สามแยกที่ต่อกับถนนเลียบคลองช่องนนทรีย์ พวกสิงห์มอเตอร์ไซค์เขาจะไปจับกลุ่มกันตรงจุดกลับรถก่อนถึงสามแยกไฟแดง พอมองเห็นว่าเป็นไฟเขียวของทางถนนพระราม 3 กลุ่มมอเตอร์ไซค์สิบกว่าคันก็จะเร่งเครื่องเต็มที่ ส่งเสียงดังสนั่น แข่งกันราวกับจะรีบแย่งกันไปตาย พอผ่านสามแยกไปจนถึงที่กลับรถอีกด้านหนึ่งของไฟแดงก็เป็นอันจบ 1 รอบ เขาก็จะกลับรถไปวิ่งถนนฝั่งตรงกันข้าม หรือไม่ก็วิ่งสวนการจราจรปกติ กลับไปที่จุดตั้งต้น แล้วก็รอสัญญาณไฟรอบใหม่

ตอนแรกที่เรามาเจอเขาแข่งรถกัน เราก็ตกใจเล็กน้อย เห็นมีคนออกมายืนกันเต็มไปหมด และมีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งขวักไขว่อยู่ตรงสามแยก ก็นึกว่ามีอุบัติเหตุอะไรกัน แต่พอรู้ว่าเขามาแข่งรถกันก็รู้สึกโมโหขึ้นมาติดหมัด โมโหพวกสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่มาแข่งรถกันในถนนสาธารณะ ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ ที่ใช้ถนนแถวๆ นั้น โมโหพวกชาวบ้านที่มายืนดูกันเต็มถนนแทนที่จะแจ้งตำรวจให้มาจับ แต่แล้วสุดท้ายก็โมโหตำรวจที่ปล่อยให้คนพวกนี้ทำผิดกฎหมาย (การแข่งรถในที่สาธารณะเป็นหนึ่งใน 16 ฐานความผิดในการขับขี่การจราจร ต้องโดนปรับ 40 คะแนน ขับรถจักรยานยนตร์ยกล้อก็โดนอีก 30 คะแนน)

ทุกครั้งที่มีการขับรถแข่งกัน จะมีคนมายืนดูกันพรืดทั้งสองฝั่งถนน เราอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมพวกที่มายืนดูไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่ารำคาญหรืออันตราย แต่กลับมารอยืนดูเหมือนกับรอดูมหรสพ (แต่จะว่าไปมันก็เหมือนมหรสพที่มีมาให้ดูถึงหน้าบ้านจริงๆ เพราะพวกสิงห์มอเตอร์ไซค์ทำตัวเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์สุดขีด คือ มีการขับยกล้อ ขับรถในท่านอน ฯลฯ) เราว่า การที่มีคนมาดูก็มีส่วนกระตุ้นให้มีสิงห์มอเตอร์ไซค์คนมาขับแข่งขับโชว์กันมากขึ้น เพราะคนพวกนี้เขารู้สึกว่าได้โชว์ออฟ ได้ทำอะไรให้เป็นจุดสนใจของคนอื่น ถ้าไม่มีคนดูมากๆ เขาก็อาจจะไม่ค่อยอยากจะมาขับรถแข่งกันมากซักเท่าไร

ตอนเราเห็นเขาแข่งรถกัน เราอยากจะโทรศัพท์ไปแจ้ง จส.100 หรือร่วมด้วยช่วยกันให้เรียกตำรวจมาจัดการ แต่ก็ยังไม่ได้โทรซักที ซึ่งทำให้เรารู้สึกผิดเล็กๆ จะว่าไปเราก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชาวบ้านที่ไปยืนดูเขาแข่งรถที่ริมถนนซักเท่าไร เพราะการที่เราปล่อยให้คนอื่นทำความผิดโดยไม่ทำอะไร ก็เหมือนกับว่าเรามีส่วนร่วมในความผิดนั่นด้วยเหมือนกัน เราคิดว่าเราเป็นพวกที่อยากให้เกิดความถูกต้องขึ้นในสังคม แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ทุ่มเทอะไรซักเท่าไร เวลาผ่านไปเจอก็แค่โมโหๆ แล้วก็ปล่อยมันผ่านไป แล้วก็มาคิดเข้าข้างตัวเองว่าจะโทรไปบอกตำรวจหรือไม่ได้โทร ก็ไม่ค่อยแตกต่างอะไร เพราะไม่ใช่ว่าตำรวจเขาไม่รู้ว่ามีการแข่งรถกันที่ถนนช่วงนี้เป็นประจำทุกวันอาทิตย์หรอก ตำรวจเขารู้อยู่แล้วแต่ไม่ยอมทำอะไรมากกว่า (หรืออาจจะพยายามทำแล้ว แต่เป็นว่าตำรวจมาไม่เคยทันการณ์ แบบในหนังไทยทั่วๆ ไป คือพอตำรวจมาถึง ไม่ทุกอย่างคลี่คลายไปแล้ว ก็ทุกอย่างวอดวายไปแล้ว อย่างพวกที่แข่งรถนี่ กว่าตำรวจจะมาเขาก็อาจจะขับหนีหายไปไหนกันหมดแล้ว)