Advert, Lottery, etc.
เมื่อวานนี้ตอนขับรถกลับบ้านได้ฟังโฆษณาของ เจมาร์ท ร้านขายโทรศัพท์มือถือแบบเชนที่โหมโฆษณาจนชื่อค่อนข้างติดหูคนบ้างแล้ว มีโฆษณาแปลกๆ ทางทีวีหลายอัน แต่โฆษณาในวิทยุคราวนี้เกินไปจริงๆ เขาทำเป็นเสียงพระพยอม ขึ้นต้นมาประมาณว่า คนเราสมัยนี้ทำอะไรต้องคิดให้ดี แล้วก็ว่าต่อไปอีกยาวเหยียดว่า ซื้อโทรศัพท์มือถือที่เจมาร์ทดียังไง ผ่อนได้นานดอกเบี้ยต่ำยังไง สรุปจบท้ายว่า ดีจริงนะโยม ในโฆษณาเขาไม่ได้บอกหรอกว่าเป็นเสียงพระพยอม และเราว่าจริงๆ ก็คงเป็นคนอื่นมาเลียนเสียงท่านมากกว่า

โฆษณาในทั้งในวิทยุพักหลังๆ นี้จะชอบเอาที่เสียงหรือหน้าตาเหมือนคนดังๆ พูดโฆษณาสินค้า อย่างเสียงคุณสมัคร สุนทรเวชนี่โดนเอามาใช้บ่อยมาก หรือเสียงคุณวีระ ธีรภัทร ที่จัดรายการวิทยุตอนบ่ายๆ หรือเสียงอาจารย์แม่ อาจารย์สุนีย์ สินธุเดชะก็เหมือนกัน ถ้าเป็นที่การเจ้าตัวถูกจ้างมาเป็นพรีเซนต์เตอร์ให้สินค้า เขาจะมีการประกาศชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าตัวเสร็จสรรพ แต่ถ้าเป็นเสียงเลียนแบบ เขาก็จะหาคนที่เสียงคล้ายๆ แต่ไม่ใช่เหมือนเด๊ะ แต่จะใช้วิธีการพูด หรือคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์เป็นการสื่อแทน (เดาเอาว่าถ้าทำให้เสียงเหมือนเด๊ะ อาจโดนฟ้องฐานเลียนแบบได้) แล้วก็ไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม แต่จะให้คนฟังรู้เองว่า เป็นเสียงใคร

ที่ผ่านๆ มาเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คราวนี้เอาพระเอาเจ้ามาเลียนแบบเพื่อโฆษณาขายของนี่มันน่าเกลียดเกินไป ไม่เหมาะสมเลย เพราะเราว่าพระสงฆ์น่าจะเป็นเพศที่บริสุทธิ์ ไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องทางโลกย์ ไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องวัตถุ เงินทอง สงสัยจริงๆ ว่า ตกลงสมัยนี้เขาไม่มีครีเอทีฟโฆษณากันแล้วหรือไง ทำโฆษณาแบบนี้ออกมา เราเรียกว่า ครีเอถีบ จะเหมาะกว่า...

ถูกหวย...

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน เราขับรถกลับบ้านที่แม่กลองหลังจากสอนหนังสือเสร็จ เก๋โทรมาถามเรื่องเด็กนักเรียน เพราะไม่ได้มาที่โรงเรียนหลายอาทิตย์แล้ว เราก็เล่าเรื่องเด็กๆ ให้ฟังไปตามประสา แล้วเก๋เล่าให้ฟังว่าวันก่อนขับรถไปกับพี่เธียร (พี่เขยเรา) แล้วมีรถขับชนท้าย รถมีประกันชั้น 3 ทั้งคู่ เขาเป็นฝ่ายผิดก็ต้องเรียกให้ประกันเขามาจัดการ รอประกันอยู่นานเก๋ก็เลยเดินไปที่แผงขายล็อตเตอรี่แถวนั้น ถามคนขายว่า ว่ามีเลขท้าย 98 หรือเปล่า (รถเก๋ทะเบียน 6498) คนขายรีบบอกเลยว่า มีสิ นี่ก็ยังดูๆ อยู่เหมือนกัน (สัญชาติญาณของคนขายล็อตเตอรี่จริงๆ)

พี่เธียรทักว่า หรือว่าควรจะซื้อเลขทะเบียนของคู่กรณีดี ของเขาเลข 525 เป็นตัวเลขเดียวกับรุ่นของรถเก๋เสียด้วย แต่ในที่สุดเก๋ก็ซื้อเลขรถตัวเอง ได้เลขท้าย 5498 มาคู่หนึ่ง พอวันหวยออก เก๋ดูหนังสือพิมพ์ เลขท้ายสองตัวออก 25 ก็บ่นอุบว่าถ้าซื้อเลขทะเบียนคู่กรณีก็ถูกไปแล้ว แต่พอเหลือบตาไปดูเลขรางวัลที่ 1 เลขท้ายของรางวัลที่หนึ่งเป็น 5498 โอ้โห... ถูก 4 ตัวท้ายเด๊ะๆ เลย โชคร้ายที่มันเป็นล็อตเตอรี่ก็เลยไม่ได้เงิน ถ้าซื้อเป็นหวยใต้ดินก็รวยไปแล้ว สรุปว่า แค่เก๋แค่ถูกชนท้ายเฉยๆ ไม่ได้ถูกเลขท้ายเป็นของแถม... น่าเสียดาย

ไดอะรี่คุณแม่มือใหม่ ตอนที่ 1 (โดยน้องสาวคุณแม่)

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน

แม่จะโทรถามเก๋เรื่องอะไรไม่รู้ ถึงได้รู้ว่าเก๋ไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า เพราะหมอบอกว่าให้ไปรอคลอด แม่ก็ตื่นเต้นน่าดู เก๋บอกว่า หมอคิดว่าน่าจะคลอดประมาณ 4-5 โมงเย็น พอวางหูโทรศัพท์ เตี่ยก็เอาตำราจีนมาเปิดเช็คดวงชะตายกใหญ่ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เวลาเกิด ดูไปดูมา ดูมาดูไป แล้วก็สรุปว่า เด็กเกิดวันนี้ก็วาสนาดีใช้ได้

แม่รออยู่จนบ่ายๆ โทรไปเช็คก็ยังไม่คลอดซะที ในที่สุดก็ร้อนใจ เลยบอกว่าจะมากรุงเทพฯ กับเรา ไปถึงโรงพยาบาลเกือบห้าโมง มีพี่เธียร และ แม่กับพี่สาวของพี่เธียรมาอยู่ด้วย เก๋บอกว่าหมอให้ยาบล็อคสันหลังไปแล้วเพราะทนเจ็บไม่ไหว หมอที่เก๋ฝากท้องยังไม่มา เพราะเขากว่าน่าจะคลอดประมาณห้าโมง พอหมอมาแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลอดได้ พอประมาณหกโมงหมอก็เลยบอกว่า สงสัยให้ผ่าออกจะดีกว่าก็เลยต้องเข้าห้องผ่าตัด

หกโมงสามสิบห้า ลูกของเก๋ลืมตามาดูโลก เป็นเด็กผู้หญิง น้ำหนักตัว 3130 กรัม พยาบาลพาออกมาให้พวกเราดู บอกว่า โชคดีแล้วที่ตัดสินใจผ่าตัด เพราะเด็กหัวโตกว่ากระดูกเชิงกรานของแม่ เลยคลอดเองไม่ได้ ติดหัว พยาบาลพาเด็กไปที่ห้องพักเด็ก ส่วนแม่เด็กจะพักในห้องผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อรอให้ฟื้นจากยาชา

เราไปรอที่ห้องพักที่แผนกพักฟื้นสำหรับคนคลอดลูก (ชื่อจริงๆ เขาเรียกแผนกอะไรก็ไม่รู้อ่ะนะ) จนเกือบสามทุ่มเขาถึงเข็นเอาเก๋มาส่ง ท่าทางสลึมสลือง่วงหงาวหาวนอน คาดว่ายังเพลียจากฤทธิ์ยา พยาบาลเข้ามาดูแล้วถามว่าอยากจะดูลูกไหม เขาจะพามาให้ เก๋บอกว่าอยากดู พอพามา พยาบาลก็ดีมาก ถามว่าจะลองให้นมลูกดูไหม เขาจะสอนให้ เก๋ก็เลยลอง แต่ยังไม่มีน้ำนมหรอกนะ เขาบอกว่าต้องรอ 2-3 วัน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะวันแรกๆ เด็กยังกินอะไรไม่ได้ เพราะกระเพาะลำไส้ยังไม่พร้อมจะย่อยอะไรทั้งสิ้น วันแรกนี่ยังกินน้ำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะท้องจะอืด คิดว่าธรรมชาติเขาคงคิดมาให้มันสมดุลอยู่แล้ว วันแรกๆ แม่ยังไม่มีนมให้ลูกกิน แต่ลูกยังไม่ต้องการนมด้วยเหมือนกัน...

เรากับแม่อยู่อีกแป๊บหนึ่งก็กลับ พี่เธียรเป็นคนอยู่นอนเฝ้าเป็นเพื่อนเก๋ ก่อนกลับแม่ยังไม่วายสั่งโน่นสั่งนี่ ห้ามกินน้ำเย็นให้กินแต่น้ำอุ่นๆ ห้ามยืนกิน ห้ามอ่านหนังสือ ฯลฯ ข้อห้ามเยอะสุดๆ เป็นคนท้องก็ลำบาก เป็นแม่ลูกอ่อนก็ลำบาก... เฮ้อ...