Happy
ตอนที่เก๋แต่งงานใหม่ๆ ที่บ้านพี่เธียรยังไม่มีคนทำงานบ้าน ก็เลยให้แม่ช่วยหาให้ ก็ได้น้องสาวของคนงานที่เป็นพม่า เขาชื่อ จิน พูดไทยไม่ได้เลย (พี่สาวเขาที่เป็นคนงานที่บ้านเราเขาพูดไทยได้ เพราะมาอยู่เมืองไทยนานแล้ว) ตอนกลางวันที่บ้านมีแม่พี่เธียรอยู่เป็นหลัก ลูกๆ คนอื่นก็ออกไปทำงานกันหมด แม่พี่เธียรเลยเป็นคนที่สื่อสารกับจินมากที่สุด ก็จะใช้ภาษาสากลในการสื่อสาร (คือ ภาษาใบ้) จะสั่งให้ทำอะไรก็จะทำท่าให้ดู จะเอาอะไรก็พาไปชี้ ยังดีที่ก่อนจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ แม่เราก็บอกผ่านพี่สาวของจินว่า จินต้องทำอะไรบ้าง แต่ก็มีบางเวลาที่ไม่เข้าใจกันหนักๆ ก็ก็จะโทรกลับไปที่บ้าน แล้วให้พี่สาวจินอธิบายให้จินฟัง

ตอนนี้จินอยู่ที่บ้านพี่เธียรเกือบจะปีหนึ่งแล้ว แต่ยังพูดไทยได้น้อยมากๆ เพราะจินไม่ค่อยยอมพูดไทย บอกอะไรก็เอาแต่พยักหน้ากับยิ้มตลอด แต่ก็เข้าใจภาษาไทยมากขึ้น พอจะฟังคำง่ายๆ เข้าใจโดยไม่ต้องทำท่าให้ดูแล้ว

ปกติจินจะเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่แม่พี่เธียรเล่าให้ฟังว่า เวลาจินได้คุยกับที่บ้านทางโทรศัพท์ จะคุยเก่งมาก บางทีเขาขอให้ต่อโทรศัพท์ไปที่บ้านเราที่แม่กลองบ้าง บางทีก็จะโทรไปที่แม่สอดหรือที่พม่า แม่พี่เธียรต้องคอยเตือนว่า จินๆ โทรคุยนานๆ มันเปลืองสตางค์นะ (ด้วยภาษามือ คือ ทำท่าชี้ไปที่นาฬิกา ยกมือขึ้นมา 4 นิ้ว 5 นิ้ว หมายถึงว่า ค่าโทรศัพท์สี่ร้อยห้าร้อยนะ อย่าคุยนาน) พอวางโทรศัพท์แล้ว จินก็ยิ้มยังหน้าบานจนแม่พี่เธียรต้องถามว่า

“จิน ดีใจใช่ไหม ได้คุยกับที่บ้านหนะ”

“....”

คือจินฟังแม่พี่เธียรไม่เข้าใจอ่ะนะ แม่พี่เธียรก็เลยทำท่า เอามือแนบที่หน้าอก ถามว่า

“ดีใจใช่ไหม ดีใจหรือเปล่า”

“....”

แม่พี่เธียรพูดซ้ำๆ ทำท่าซ้ำๆ จินก็ยังทำหน้างงๆ ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในที่สุดจินก็พูดออกมาว่า

“จินแฮ้ปปี้…”

โอเคเลย... จิน "แฮ้ปปี้” ที่ได้คุยกับที่บ้าน

สรุปว่าแม่พี่เธียรที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษก็ได้มาหัดภาษาอังกฤษคำง่ายๆ เอาไว้พูดกับจิน แม่พี่เธียรจะไปเที่ยวเมืองจีน บอกว่าจะไปเมืองจีนเท่าไหร่ๆ จินก็ไม่รู้เรื่อง ในที่สุดบอกว่า จะไป China จินรีบพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจแล้ว ไป China ต้องยอมรับจริงๆ ว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่สุด... รองจากภาษาใบ้