HNY 2003
ปีใหม่แล้ว คำถามยอดฮิตก็คือ
“หยุด 5 วัน ไปเที่ยวไหนมา”
คำตอบที่ไม่ค่อยฮิตของเราก็คือ
“ไม่ได้หยุด 5 วัน วันที่ 30 ยังต้องไปทำงานอยู่เลย”

ก็จะมีคนถามต่อว่าทำไมบริษัทไม่หยุดล่ะ เราก็ต้องร่ายยาวว่า บริษัทเราเขาไม่หยุด เพราะเขาเล่นแปลคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแบบคำต่อคำตามตัวอักษรเด๊ะ (Literally) รัฐบาลประกาศว่า ให้วันที่ 30 เป็นวันหยุดของหน่วยงานราชการ ไม่ใช่ วันหยุดประจำปี (National Public Holiday) นายเราก็เลยไม่ยอมประกาศให้เป็นวันหยุดของบริษัท ใครอยากหยุดก็ลาพักร้อนไป ไอ้เราก็ดันงกวันลาพักร้อน ไม่ได้วางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนก็เลยไปทำงาน และเก็บวันลาไว้เพื่อการสำคัญ (ไปดำน้ำ ไปเที่ยวนิวซีแลนด์ ฯลฯ)

ปีนี้เราไม่ได้กลับบ้านที่แม่กลองช่วงปีใหม่เพราะได้หยุดแค่ 2 วัน เรากลับไปบ้านตอนวันเสาร์-อาทิตย์ก่อนหน้าแล้ว ก็เลยขี้เกียจกลับอีกรอบ ที่เบื่อมากๆ ก็คือตอนที่จะต้องขับรถเบียดกับคนเยอะๆ กลับเข้ากรุงเทพฯ ตอนวันที่ 1 ก็เลยได้อยู่ส่งท้ายปีเก่าในกอทอมอ ตอนแรกตั้งใจว่าจะนัดเจอกับหมูวันที่ 31 แต่คิดว่าไหนๆ แล้วก็น่าจะนัดเพื่อนๆ คนอื่นๆ ด้วยเลย เพราะไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ๆ แล้ว

ปรากฏว่าพอโทรไปหา Meeting Organiser (ตือ เพื่อนที่เรียนลาดกระบังมาด้วยกัน และเป็นคนที่คอยโทรตามเพื่อนๆ เวลานัดกัน) ตือบอกว่า กลัวรถติด เพราะคนจะออกมาเคานท์ดาวน์กันตามสถานที่ต่างๆ (คำตอบของตือทำให้เราประหลาดใจเล็กๆ เพราะ ปกติตือเป็นพวก Party Animal ไปไหนไปกัน ไม่ยั่นอยู่แล้ว ก็เลยให้ได้คิดว่า สงสัยพวกเราคงจะแก่กันจริงๆ เสียแล้ว... เฮ้อ...) ก็เลยสรุปว่าให้นัดกันเย็นวันที่ 1 แทน เราก็เลยไม่มีอะไรทำในวันส่งท้ายปีเก่า

ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปดู Lord of the Rings ฉลองสิ้นปี แต่ตื่นเช้ามาก็คิดว่า ควรจะทำความสะอาดบ้านรับปีใหม่เสียหน่อยแล้วบ่ายๆ ค่อยออกไปดูหนัง ปรากฏว่าเลยเถิดไปกันใหญ่ เราเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ซักผ้า แล้วก็ทำความสะอาดหลังชั้นที่ตั้งทีวีกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ เพราะรู้สึกว่ามันมีฝุ่นจับอยู่ตามสายไฟต่างๆ ที่พันกันนัวเนีย พอดึงชั้นวางทีวีกับโต๊ะออกมาได้ก็ลมแทบจับ เนื้อที่ประมาณ 2 นิ้วจากผนังมีฝุ่นหนาตึ้บ และตามสายไฟก็มีทั้งฝุ่นทั้งหยากไย่เต็มไปหมด (เราโทษว่าเป็นเพราะตอนที่ทำห้องน้ำแล้วฝุ่นมันฟุ้ง เรากวาดเข้าไปไม่ถึง แต่ความเป็นจริงก็คือว่า เราไม่เคยได้ดึงมันออกมาทำความสะอาดเลยตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ ถ้านับเป็นเวลาก็แรม-หลาย-ปี) เราต้องเอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดฝุ่นออกไปก่อนรอบหนึ่ง ถึงจะเอาไม้กวาดมากวาดได้ แล้วก็ค่อยเอาผ้าขี้ริ้วถู กว่าจะเก็บกวาดตรงนี้เสร็จก็เหนื่อย

หลังจากนั้นก็รื้อของในครัวต่อ เอาข้าวสารอาหารแห้ง (ที่จริงมีแต่อาหารแห้ง แต่พูดให้มันคล้องจองกันไปงั้นแหละ) ออกมาดู ส่วนใหญ่เป็นของที่เก๋พี่สาวเราซื้อมาเก็บๆ ไว้ กับของแห้งๆ ที่ยูกะเพื่อนคนญี่ปุ่นของเก๋เอามายกให้ตอนที่เขาจะกลับประเทศ ของพวกนี้ถูกซุกไว้ตู้ชั้นบนเป็นปี เราก็เลยขนออกมาทิ้งให้หมดๆ ไป แล้วก็ปัดฝุ่นตามชั้นตามหลังตู้เย็นหลังเตาอบไมโครเวฟ (ฝุ่นหนาตึ้บจนแทบจะเป็นลมอีกรอบ)

จบจากในครัวก็กลับมาที่ชั้นวางทีวีกับโต๊ะคอมพิวเตอร์อีกรอบ คราวนี้ไปรื้อของในชั้นในลิ้นชักออกมาทิ้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นสมบัติบ้าที่เราเก็บซุกๆ เอาไว้ เพราะคิดว่าซักวันอาจจะได้ใช้ ผ่านมาหลายปีก็ไม่ได้แม้แต่จะหยิบมันออกมาดู ก็เลยคิดว่าได้เวลาตัดใจทิ้งมันเสียที ของบนชั้นวางทีวีหายไปเยอะก็เลยมีที่วางนิตยสารไทม์เล่มเก่าๆ ที่เราเก็บไว้ระเกะระกะตามที่ต่างๆ (เราตั้งใจว่าจะเอามาอ่านทีหลัง เพราะมันออกถี่มากๆ จนเราอ่านไม่เคยทัน... ซึ่งที่จริงก็ออกรายอาทิตย์นั่นแหละ แต่เราไม่มีเวลาอ่านเอง)

สรุปว่า เราเก็บของตรงโน้นตรงนี้ รื้อโน่นรื้อนี่อยู่ทั้งวันจนไม่ได้ออกไปดูหนัง พอใกล้เวลาเคาน์ทดาวน์ก็เปิดทีวีดู มีถ่ายทอดสดกันแทบทุกช่อง จากหน้าตึกเวิลด์เทรด จากสนามหลวง จากสนามศุภชลาศัย เห็นคนเต็มไปหมด เราได้ยินเสียงพลุโป้งป้างตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน โผล่ออกไปที่ระเบียงก็มองไม่เห็น เพราะห้องเรามันดันอยู่ด้านในของตึก เห็นแต่แสงสว่างๆ พอให้รู้ว่าเขาจุดพลุกัน ถ้าดูจากตึกฝั่งตรงข้ามเขาคงเห็นชัด เพราะเห็นมีคนออกมายืนดูกันหลายห้อง เราเลยกลับเข้ามาดูทีวีต่อ

พอเขานับถอยหลังเข้าปีใหม่กันเสร็จ ก็มีจุดพลุกันใหญ่ เราดูพลุในทีวีแล้วก็คิดว่า น่าจะออกไปดูของจริงข้างนอก ก็เลยขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 25 แล้วออกไปทางประตูหนีไฟ ไปยืนดูที่บันไดหนีไฟชั้น 26 เห็นพลุขึ้นมาจาก 2 ที่ ที่หนึ่งคิดว่าน่าจะเป็นหน้าตึกเวิลด์เทรด ส่วนอีกที่หนึ่งนี่ไม่ค่อยแน่ใจ มันเยื้องๆ ออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากจุดที่เราคิดว่าเป็นตึกเวิลด์เทรด เรานึกไม่ออกว่ามีสถานที่สำคัญอะไรที่จะมีคนมาชุมนุมเคาน์ทดาวน์และจุดพลุ

เรายืนดูพลุอยู่จนหมดซึ่งก็กินเวลาหลายนาที จะว่าสวยไหมก็ไม่สวยเท่ากับที่ไปดูใกล้ๆ หรอก เพราะแต่ละลูกเราจะเห็นแค่แป๊ปเดียวตอนที่มันพ้นยอดตึกขึ้นมาแล้วก็แตกกระจาย แต่เราก็รู้สึกว่ามันได้บรรยากาศกว่าดูจากทางจอทีวี จะเสียก็แต่ว่าออกไปยืนดูคนเดียว แล้วก็ยืนไปก็รู้สึกเหมือนขาสั่นเล็กน้อย แบบว่าเสียวเหมือนจะตกทั้งๆ ที่บันไดก็มีราวกันแน่นหนา เรายืนจับราวบันไดแล้วก็พยายามมองไปไกลๆ ตรงพลุ เพราะมองใกล้ๆ แล้วมันเสียวจะตก นี่ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าถ้าไปนิวซีแลนด์จะไปบันจี้จัมพ์ฉบับออริจินัล แต่หลังจากไปยืนใจหวิวดูพลุวันสิ้นปีมาแล้ว ก็ชักไม่มั่นใจเสียแล้ว ตกลงนี่เราเป็นโรคกลัวความสูงหรือเปล่าหรือว่าแก่แล้วก็เลยขาสั่นง่ายๆ