Age
๑.

วันก่อนซ้อ (พี่สะใภ้) เรามาเล่าให้ฟังว่าหมอกิจเพื่อนก๊อ (พี่ชายเรา) มาทำงานที่คลีนิกไม่ได้เพราะะจอรับภาพของลูกนัยน์ตาหลุด อาการคืออยู่ๆก็มองเห็นไม่ชัด พอไปหาหมอถึงได้รู้ พอดีเขารู้จักหมอที่โรงพยาบาลจุฬาฯก็เลยรักษาได้ทัน ถ้ารักษาไม่ทันเขาว่าอาจจะตาบอดได้ หมอ (ตา) รักษาขั้นต้นโดยการอัดแก๊สเข้าไปในลูกนัยน์ตาหมอกิจ แล้วก็ให้รอดูอาการประมาณ ๑๐ วันว่าจอรับภาพจะติดกลับเข้าไปหรือเปล่า ถ้าไม่ติดก็จะต้องผ่าตัด

ซ้อเล่าว่าที่หมอกิจเป็นแบบนี้ เพราะชอบเพ่งสายตามากๆไม่ยอมใส่แว่นทั้งๆที่อายุตั้งห้าสิบกว่าแล้ว เพื่อนคนอื่นๆในรุ่นเดียวกันเขาก็ใส่แว่นกันทั้งนั้น (แว่นสายตายาวอะนะ) แล้วแกเป็นหมอฟันนะ เราว่ามันเป็นอาชีพที่ต้องใช้สายตาค่อนข้างมาก นั่งทำฟันคนไข้ทั้งวันก็น่าที่จะทำให้สายตาล้าได้ง่ายๆ เวลาไม่ทำงานต้องมองอะไรเล็กๆ แกก็จะเพ่งเอา หรือถ้าไปกับเพื่อนๆแล้วเพ่งหนักๆเข้า ทนไม่ไหวก็จะหันมายืมแว่นเพื่อน ยังไงๆก็ไม่ยอมมีแว่นเป็นของตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแกกลัวดูแก่หรือเป็นคนขี้รำคาญไม่ชอบใส่แว่น

ซ้อบอกว่าในระหว่าง ๑๐ วันที่หมอให้รอดูอาการ หมอ (ตา) สั่งให้หมอกิจเอียงหัวไปด้านที่กระจกตาหลุด คล้ายๆกับมันจะช่วยให้จอรับภาพติดได้ง่ายขึ้น ก็ลำบากพอดู ที่จริงตอนนี้มันครบ ๑๐ วันไปแล้วหละ แต่เรายังไม่ได้คุยกับซ้อหรือก๊อใหญ่ก็เลยยังไม่รู้ว่าตกลงต้องผ่าตัดหรือเปล่า แต่ข้อคิดจากเรื่องนี้ก็คือว่า ถ้าแก่แล้วถึงเวลาจำเป็นต้องใส่แว่น ก็จงใส่เถิด อย่าไปฝืนสังขารมันเลย อันนี้รวมทั้งสิ่งอื่นๆในร่างกายที่มันจะเสื่อมสภาพไปตามอายุขัยด้วย อย่าไปฝืนสังขาร เพราะเจ็บป่วยไปแล้วมันไม่คุ้มกัน

๒.

ช่วงนี้มีฝรั่งมาจาก KC ชื่อบ็อบ มาช่วยสอนคนของแผนกเราใช้โปรแกรม 3D เราเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งเช่าล็อตใหม่ให้เขาไปใช้ เพราะต้องใช้เครื่องเก่งๆหน่อยถึงจะรันโปรแกรมได้เร็ว ความจริงเครื่องที่สั่งคราวนี้เป็นเครื่องของวิศวกร (จะเป็นคนละรุ่นกับเครื่องของดีไซเนอร์ที่ทำงาน Piping 3D ดีไซเนอร์จะได้ใช้เครื่องสเป็คสูงกว่า) แต่ว่ามันเป็นเครื่องที่แรงที่สุดที่เรามีอยู่ในออฟฟิซตอนนี้ เป็น IBM Netvista M42 สีดำ Netvista รุ่นก่อนๆที่เราสั่งจะเป็นสีขาวครีม มีแต่พวก Intellistataion (CAD Workstation) ที่เป็นสีดำ ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้เขาถึงเปลี่ยน Netvista เป็นสีดำ เดาว่าอาจจะทำให้มันดูแพงและแรงใกล้เคียงกับ Intellistation

ทอมเพิ่งเห็นเครื่องรุ่นใหม่ ก็ถามว่าอ้าวคราวนี้เครื่องเป็นสีดำเหรอ เราก็บอกว่าใช่ ทั้ง Desktop ธรรมดาและ CAD Workstation จะกลายเป็นเครื่องเป็นสีดำหมดแล้ว บ็อบก็เลยบอกว่า เขาไม่ชอบคีย์บอร์ดสีดำเลย คีย์บอร์ดสีขาวดีกว่าตั้งเยอะเพราะมันมองเห็นตัวหนังสือได้ง่าย ตอนที่เขาอยู่ KC เขาใช้คีย์บอร์ดสีดำได้ซักพักก็ขอเปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ดสีขาว ก็มีคนบอกเขาบอกว่า ถ้าเขารู้จักวิธีการพิมพ์สัมผัส ก็ไม่เห็นต้องมองคีย์บอร์ดเลย (แต่ก็ยอมให้เปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ดสีขาวอะนะ)

บ็อบบ่นว่า เขาต้องใส่แว่นเวลาใช้คีย์บอร์ดสีดำ ว่าแล้วก็งัดแว่นมาใส่ แถมพูดต่อว่า ที่จริงเขาไม่เคยต้องใส่แว่นจนกระทั่งตอนที่มาใช้คีย์บอร์ดสีดำ เราก็เลยพูดว่า อย่างนี้ต้องฟ้องไอบีเอ็มว่า การตัดสินใจเปลี่ยนสีเครื่องคอมพิวเตอร์จากสีขาวเป็นสีดำทำให้เขาสายตาเสีย เผื่อจะได้เงินเป็นล้านๆ แต่ทอมก็บอกว่าคงจะฟ้องไม่ได้อะไรมากหรอก พวกที่เคยมีข่าวว่าฟ้องพวกบริษัทใหญ่ๆ อย่างแม็คโดนัลด์ (เรื่องกาแฟร้อนเกินไป หรืออาหารทำให้อ้วนเกิน) แล้วชนะคดีได้เงินเป็นหลายล้าน ส่วนใหญ่จะชนะแค่ศาลแรก พอไปถึงศาลอุทธรณ์ก็มักโดนยกฟ้องหรือชนะแต่ได้ค่าเสียหายไม่เท่าไหร่ เพราะศาลแรกในอเมริกาเขาใช้คณะลูกขุนตัดสิน ส่วนใหญ่ลูกขุนมักจะใจดีและคิดว่าบริษัทใหญ่ๆควรจะต้องจ่ายเงิน (หรือสามารถจ่ายเงิน) ให้กับผู้บริโภคตาดำๆอย่างพวกเราถึงแม้ว่าหลายต่อหลายครั้งมันจะไม่สมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์จะใช้ผู้พิพากษาตัดสิน ส่วนใหญ่ผู้พิพากษามักจะมองถึงความเป็นจริงและเหตุผลมากกว่า

เราก็เลยหยุดคุยเรื่องจะฟ้องไอบีเอ็มไป แล้วก็ย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องที่บ็อบบอกว่า เขาไม่เคยต้องใส่แว่นจนกระทั่งตอนที่ได้ใช้คีย์บอร์ดสีดำ เรากำลังคิดว่าเขาคิดอะไรผิดไปหรือเปล่า ที่คิดว่าเป็นคีย์บอร์ดสีดำเป็นต้นเหตุ ถูกหละมันอาจจะเป็นคีย์บอร์ดสีดำอันแรกที่เขาเคยใช้ แล้วต่อจากนั้นเขาก็ต้องใส่แว่น แต่ถ้าดูจากอายุอานามของเขาแล้ว เรากำลังคิดว่าถึงเขาจะใช้คีย์บอร์ดสีขาวต่อไปก็ไม่แน่ว่าเขาจะไม่ต้องใส่แว่น คีย์บอร์ดสีดำมันอาจจะเป็นตัวเร่ง แต่เราว่าจริงๆแล้ว “สังขาร” มากกว่าที่เป็นต้นเหตุ