Moody
รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยโสภา+ร่างกายไม่ค่อยสมประกอบมา ๒ วันแล้ว เมื่อวานตอนเช้ามาถึงที่ทำงาน ยังไม่ทันนั่งที่พี่โต๊ะข้างๆก็มาถามว่าเราต้องใช้โปรแกรม MathCAD เวอร์ชั่นไหน เพราะทางเมืองนอกบ่นมาว่าเราใช้เวอร์ชั่นไม่ตรงกับที่บริษัทอนุญาตให้ใช้

เรื่องนี้มันย้อนกลับไป ๒ ปีกว่าๆ ตอนนั้นเราต้องซื้อโปรแกรมมาใช้เอง เพราะทางเมืองนอกโอน License มาให้ออฟฟิศเราไม่ได้ ก็เลยต้องติดต่อซื้อจากตัวแทนขายของเอเชียเอง ก็ปรากฏว่าเวอร์ชั่นที่เมืองนอกใช้เขาไม่มีขายแล้ว ต้องซื้อเวอร์ชั่นใหม่กว่า ตอนที่ซื้อเขาก็รู้กันหมดนะ เพราะต้องมีคน Approve การสั่งซื้อ แต่พอผ่านไป ๒ ปีกว่า ไม่มีใครคิดจะจำประวัติของมัน พอเวลามีคนถามขึ้นมาก็ชอบมาไล่ที่เรา

เราบอกพี่เขาไปว่าทอมก็รู้หนิว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง พี่เขาบอกว่าทอมบอกว่าถ้าเรามาแล้วให้ไปคุยกับเขาพร้อมๆกัน เราก็เลยเดินหน้าบูดไปคุย เรายังไม่ทันพูดอะไรทอมก็เหมือนจะรู้ เขาถามอะไรเราก็ตอบแบบหงุดหงิดๆ ปกติเขาต้องให้เราเป็นคนร่างนิยายน้ำเน่าตอบทางเมืองนอกกลับไปว่า มันเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อวานนี้เขาคงตัดสินใจจากสีหน้าเราแล้วว่า เขาเขียนอีเมล์เองจะปลอดภัยกว่า

ตอนกลางวันเราก็นั่งปวดหลัง ปวดแขนปวดคอ ปวดไปหมดทั้งตัว เราคิดว่าเป็นเพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก๊อเขาให้คนมายกโทรทัศน์กับโซฟาที่คอนโดเราไปซ่อม แล้วเราช่วยเขายกแบบยักแย่ยักยัน สงสัยยกผิดท่าก็เลยปวด แต่ก็ประหลาดใจว่าว่าทำไมอาการมันเพิ่งมาปรากฏรุนแรงเอาเมื่อ ๒-๓ วันผ่านไป

เช้าวันนี้มาก็อารมณ์ไม่ดีอีกรอบหนึ่ง ตอนเช้ามีงานเลเบอร์มาให้ทำ ให้คีย์ข้อมูลเข้าไปใน Database เราไม่ Mind หรอก ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้อารมณ์บ่จอยอยู่ ทำงานแบบนี้ไม่ต้องใช้สมองดี แต่ปรากฏว่าทอมก็เดินมาบอกเราบอกว่า เขารู้ว่างานมันน่าเบื่อและไม่ท้าทาย แต่ขอให้อดทนหน่อย เขากำลังเจรจากับโปรเจ็คต์นี้อยู่ว่า ต้องตัดสโคปงานให้ดี และให้งานที่มีคุณภาพกับออฟฟิศเราบ้าง ไม่ใช่อะไรๆ ก็ Data Entry ทั้งกะปี

ความจริงทอมเขาเคยอธิบายให้เราฟังแบบนี้เดี๊ยะเลยทีหนึ่งแล้ว แต่เราไม่ได้บอกเขาไปหรอกว่าเราไม่ Mind หรอกว่างานจะห่วยจะดีจะน่าเบื่อจะสนุก ขอแค่ไม่ต้องนั่งว่างๆก็โอเคแล้ว พอวันนี้เขาเห็นหน้าเราเฉยๆ ก็เลยพยายามจะอธิบายอยู่นั่นไม่ยอมไปซะที ที่จริงคือเราก็ขี้เกียจฟัง (และในใจคิดว่า “เออ รู้แล้ว ไม่เป็นไร ทำได้ ไม่เบื่อหรอก”) เขาเห็นหน้าเรามันอารมณ์บ่จอยมากไง เขาก็เลยอดไม่ได้ถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” เราก็ขี้เกียจบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ก็ตอบว่า “ไม่เป็นไร” เขาก็เลยเดินไป

พอซักสิบเอ็ดโมงกว่าทอมมาอีกรอบหนึ่ง บอกว่าเขามี Urgent Request มาจากลูกค้า เราอยากจะช่วยเขาทำไหม คือ เขาไปรับงานจากลูกค้ามาให้ทำ Report ส่ง เราถามว่าด่วนนี่จะเอาเมื่อไหร่ เขาบอกว่า “Tomorrow” หยุดไปประมาณครึ่งวินาทีแล้วต่อว่า “Morning” เขามีข้อมูลให้เกือบหมดแล้วหละ แต่บอกตอนเที่ยงจะเอาวันรุ่งขึ้นแถมตอนเช้าอีก มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ เรายิ่งอารมณ์ไม่คอยดี คันปากยิกๆอยากจะตอบไปว่า “ไม่อยากช่วยทำ” แต่ (ยังมีความ) กลัวโดนไล่ออก (อยู่) ก็เลยทำหน้าบึ้ง (ให้รู้ว่าไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่นะโว้ย) ตอบไปว่า OK

ทอมคงเห็นว่าเราหน้าง้ำมากก็เลยอาจจะไม่แน่ใจว่า เราจะรับปากส่งๆหรือเปล่า ก่อนเดินไปก็เลยยังพูดทิ้งท้ายไว้ว่า จะทำโอเวอร์ไทม์ก็ได้นะ ลูกค้าเขาไม่ Mind หรอกที่จะต้องจ่ายค่าโอเวอร์ไทม์ (ความหมายคือ ยังไงๆก็ต้องทำให้เสร็จพรุ่งนี้เช้านะเฟ้ย ถึงต้องอยู่ดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม) เราก็พยักหน้าหงึกๆ : (

ความจริงเรื่องพวกนี้ไม่เห็นจะน่าทำให้เราหงุดหงิดได้เลยนะ เราว่ามีอะไรอย่างอื่นๆที่น่าโมโหมากกว่านี้ตั้งเยอะ ก็เลยนั่งนึกไปนึกมาว่าเราเป็นอะไรฟะ ในที่สุดก็นึกได้ สถานการณ์ทั้งหมดทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายและปวดหลังปวดกล้ามเนื้อ มันเกิดมาจาก Natural Force ของลูกผู้หญิงในช่วงนั้นของเดือนตะหาก เรื่องแบบนี้มีแต่ผู้หญิงที่เข้าใจ

เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่า “มัน” จะมีผลกับชีวิตของเรามากนัก แต่หลังๆนี้สังเกตดูก็รู้สึกว่ามีผลมากจริงๆ มีคนบอกว่าอาจจะเป็นเพราะ “แก่แล้ว” ก็ได้ สมัยสาวๆไม่ว่าวันไหนๆก็ยังมีพละกำลังกระโดดโลดเต้นได้ อารมณ์เฮฮาร่าเริงได้ตลอด แต่พออายุปูนนี้แล้วก็เริ่มปวดหลังจนทนไม่ไหว บางทีก็ปวดท้องปวดหัวด้วย อารมณ์หงุดหงิดเกินขนาด พาลให้นึกสงสารคนที่ต้องทำงานกับผู้หญิงที่อารมณ์พร้อมระเบิดได้ทุกขณะจิตในช่วงนั้นของเดือน สมควรแล้วที่เวลาสัมภาษณ์คนที่จะมาทำงานให้เรา เราจะต้องยิงคำถามเด็ดของพี่ปุ๊กไปก่อนว่า “ถ้าต้องทำงานกับหัวหน้าที่เป็นผู้หญิง จะมีปัญหาไหม”

ปล. พอเขียนเรื่องนี้แล้วก็เลยนึกถึงเรื่องที่เราเคยอ่านที่ Funnybox ลองอ่านดู

จงให้ความเคารพผู้หญิงที่กำลังขับรถ

เมื่อวานในระหว่างที่ผมกำลังขับรถไปทำงาน ผมก็เห็นคนขับรถที่เป็นผู้หญิงขับรถปาดหน้ารถกะบะคันหนึ่งอย่างกะทันหัน ทำให้คนขับรถกะบะต้องหักหลบไปวิ่งอยู่บนไหล่ทาง ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้คนขับรถกะบะหัวเสียมากจนเขาต้องยื่นมือออกมานอกหน้าต่างแล้วชูนิ้วกลางให้ผู้หญิงคนนั้น

“ให้ตายเหอะ ไอ้หมอนั่นมันโง่บรมเลย” ผมคิดกับตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้หญิงทำอะไรก็แล้วแต่ให้ผมรู้สึกไม่พอใจในระหว่างที่อยูบนถนน แต่ผมจะยิ้มแย้มอย่างดีและโบกมือให้หล่อนอย่างเหนียมๆ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้น

ผมต้องขับรถไปทำงานเป็นระยะทาง 38 ไมล์ทุกวัน ไปกลับก็เท่ากับ 76 ไมล์ ในแต่ละเที่ยวจะมีประมาณ 16 ไมล์ที่ผมต้องขับรถอยู่บนถนนที่รถติดเป็นแพ ส่วนใหญ่ของระยะทางที่รถติดเป็นแพจะเป็นถนนไฮเวย์ขนาด 8 เลน ดังนั้นถ้าผมมองไปที่ถนนอีก 7 เลนที่รถผมไม่ได้วิ่งอยู่ ผมกำลังขับรถแซงรถอื่นๆ 1 คันต่อ 1 เลนต่อระยะทางทุกๆ 40 ฟุต นั่นหมายความว่าผมขับแซงรถ 7 คันทุกๆ 40 ฟุตไปตลอดระยะทาง 32 ไมล์ หรือเท่ากับ 924 คันต่อไมล์ หรือรวมทั้งหมด 29,568 คัน ถึงแม้ว่าถนนช่วงที่เหลือจะไม่ได้มีรถติดเป็นแพ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะต้องขับแซงรถอื่นๆอีกซักประมาณ 4,000 คัน นั่นทำให้จำนวนรถที่ผมขับแซงผ่านไปในแต่ละวันสูงขึ้นไปถึงประมาณ 34,000 คัน

ตามสถิติแล้วครึ่งหนึ่งของรถเหล่านี้มีผู้หญิงเป็นคนขับ ก็เท่ากับมีผู้หญิง 17,000 คน ในกลุ่มผู้หญิงโดยทั่วๆไป 1 ใน 28 คนกำลังอยู่ในช่วงที่เลวร้ายที่สุดของการมีประจำเดือน ก็เท่ากับ 528 คน ตามที่นิตยสารคอสโมโพลิแทนระบุ 70% ของผู้หญิงบอกว่าชีวิตรักของตัวเองไม่น่าพึงพอใจหรือไม่มีคุณค่ามากพอ ก็เท่ากับ 369 คน จากข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ 22% ของผู้หญิงเคยคิดจะฆ่าตัวตายหรือคิดฆ่าผู้อื่น ก็เท่ากับ 81 คน และ 34% บอกว่าผู้ชายเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงที่สุด ก็เท่ากับ 27 คน และจากข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติอีกนั่นแหละที่บอกว่า 5% ของผู้หญิงพกพาอาวุธและตัวเลขนี้มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

นั่นหมายความว่า ในทุกๆวัน ผมจะต้องขับรถแซงผู้หญิงอย่างน้อย 1 คนที่มีชีวิตรักแสนบัดซบ คิดว่าผู้ชายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด มีความคิดอย่างจริงจังที่จะฆ่าตัวตายหรือคิดฆ่าคนอื่น อยู่ในช่วงที่เลวร้ายที่สุดของการมีประจำเดือน และมีอาวุธอยู่ในครอบครอง

ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรในระหว่างขับรถบนท้องถนน ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะชูนิ้วกลางให้กับคนขับรถที่เป็นผู้หญิง

หมายเหตุ – ความที่เป็นพวกชอบคิดเล็กคิดน้อย เราก็ไม่วายคว้าเครื่องคิดเลขมากดตามที่เขาเขียน ปรากฏว่า ตัวเลขตั้งแต่ 528 เป็นต้นมามันไม่ถูกต้อง ด้วยความสงสัยว่า 528 มาได้ไง เราก็เลยลองจิ้มเครื่องคิดเลขไปจิ้มมาก็ได้ความว่า ถ้าไม่รวมรถ 4,000 คันในช่วงที่ไม่ได้มีรถติดเป็นแพเข้าไป 29,568 หาร 2 หาร 28 จะได้ 528 พอดี!!!