Thank you
สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเรางานยุ่งระเบิดกับการพยายามจะทำ Drawing ให้เสร็จเพื่อ Issue ให้กับ Owner มีอยู่ทั้งหมด 47 drawing ต้องแก้ไขแล้วให้ทางเมืองนอก Review อีกรอบหนึ่ง ทำให้มีเวลาสั้นมากๆ เราต้องมาทำงานวันเสาร์เพื่อเตรียมแบ่งงานให้คนอื่นๆ ทำ เพราะถ้าเรามาวันจันทร์ กว่าเราจะจัดการอะไรๆ เสร็จก็จะปาเข้าไปครึ่งวัน คนอื่นๆ ก็ยังทำงานอะไรไม่ได้ (อันนี้ไม่รู้เราคิดมากหรือช่างจัดการไปเองหรือเปล่า บางทีเราอาจจะไม่ต้องทำขนาดนั้นแต่เราก็ทำ เป็นพวก control freak อ่ะนะ)

เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเราก็สามารถส่ง Drawing ออกไปให้ Owner ได้ตามกำหนด (ทำเสร็จตั้งแต่วันพฤหัสแล้วหละ แต่เขาบอกว่าอย่าเพิ่งส่งออกไปถ้าเขายังไม่บอก เพราะกำลังมีเรื่องเจรจากัน Owner ยังไม่ยอมเซ็นสัญญา ทางเราก็เลยจะเอา Drawing เป็นประกัน ประมาณว่าถ้าสัญญามา Drawing ถึงจะไป Quid Pro Quo – ภาษาไทยคือยื่นหมูยื่นแมว) พอแจ้งไปทางเมืองนอก ก็มีอีเมล์มาขอบคุณกันเป็นแถว มาจาก Head Designer, Mechanical Engineer และ Engineering Manger (สุดหล่อ)

ปกติเวลาเราทำงานเสร็จแล้วแจ้งเขาไป ก็จะมีอีเมล์ขอบคุณกลับมา เราอ่านแล้วผ่านไปนึกแค่ว่าเขาก็ส่งมาขอบคุณตามธรรมเนียม (ยกเว้นอีเมล์จาก EM สุดหล่อ อ่านแล้วก็ปลื้มเล็กๆ) เราคิดว่าคน (ไทย) อื่นๆ ก็คิดเหมือนเรา คือ มันเป็นปฏิกริยาอัตโนมัติที่พวกเราส่วนใหญ่คิด ฝรั่งเพื่อนร่วมงานเราเขาจะไม่บอกแค่ว่า ขอบคุณมาก แต่จะบอกว่า เขารู้ว่างานที่เราทำให้มันต้องใช้เวลาหรือความอดทน เพราะฉะนั้นเขาขอบคุณมาก เป็นการชื่นชมในความตั้งใจทำงานของเราด้วย เราว่ามันเป็นมารยาทที่ดีที่เรา (นิจวรรณ) น่าจะทำแต่มักจะลืมทำ

Compliments

วันก่อนมี Training ในบริษัท เราถูกบังคับให้ต้องสอนเรื่องการให้ Feedback กับลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน เราพูดไปว่า เวลาจะให้ Feedback อย่าให้แต่คำติอย่างเดียว “ไอ้นี่ผิด ไอ้นี้ไม่ดี ไอ้นี้ต้องแก้” ตรงที่ทำดีไม่พูดถึงซักแอะ คนที่ได้ฟังมันก็เซ็ง ทำงานแทบตายมีแต่โดนด่า เวลาจะให้ Feedback ควรจะให้มีคำชมกลับไปบ้าง “ตรงนี้ทำถูกแล้ว ตรงนี้ทำได้ดีมากเลย คนอื่นน่าจะเอาเป็นตัวอย่าง” คนเรารู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรดีหรือไม่ดี แต่เวลาได้ยินคนชมว่าเราทำดี มันก็ครึ้มใจดี

เราพูดไปแล้วก็นึกว่า “โห... GU นี่ Hypocrite SHIP หายเลย” คือปกติเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชมคนอื่นเอาซักเท่าไหร่ แต่ติได้เยอะมากๆ (ตามนิสัยชอบจับผิดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนของคนราศีกันย์) อันนี้เราไม่โทษตัวเอง (ซะให้ยากหรอก) เราโทษว่าเป็นสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเราที่หล่อหลอมมาให้คิดกันว่า เวลาทำดีๆ “อย่าไปชมมันเลย เดี๋ยวมันจะได้ใจ มันจะเหลิง” และส่วนใหญ่เราก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำชมคนอื่นซักเท่าไหร่ เรามักจะรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าเราทำดีหรือไม่ดีแค่ไหน (ถ้าเราคิดว่ามันไม่ดีๆ แต่มีคนมาชมาว่า ดีๆ ก็ใช่ว่าเราจะแฮ้ปปี้ เราหลอกตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว) ความที่คิดแบบนี้ก็เลยทำให้คิดว่าคนอื่นๆ ก็คงคิดเหมือนๆ กัน (เอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ค่อยสนใจคนอื่นๆ ตามแบบฉบับ “ลูกคนเล็ก”)

นอกจากเราไม่ค่อยคุ้นเคยกับการให้คำชมคนอื่นแล้ว เวลาที่ได้รับคำชมก็มักจะทำตัวไม่ค่อยถูก (คือปกติทำงานไม่ได้หวังคำชมจากคนอื่นหนะ คิดว่าจะทำก็ทำ) ได้คำชมกลายเป็นอึดอัดไปอีก เราเคยอ่านจากหนังสือเรื่อง “ยู้ฮู ความสุข” (ยังอ่านไม่จบ แต่ตอนเซ็งชีวิตจะอ่านได้เยอะมาก) เขาบอกว่าคนหลายๆ คนก็มีปัญหากับการจัดการกับคำชมเหมือนกัน ได้รับคำชมแล้วก็ลังเล เอ๊ะ เขาชมเราจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าแกล้งชมกึ่งประชดประชัน กลายเป็นไม่มีความสุขไปอีก เขาแนะนำว่า เวลาได้รับคำชม ไม่ต้องไปสงสัยระแวง ตอบคนที่ชมเราไปว่า “ขอบคุณค่ะ/ครับ” แล้วก็มีความสุขกับผลงานของตัวเอง

วันเกิด

ช่วงวันเกิดเรามักจะมีเรื่องซวยๆ เป็นประจำ เมื่อวันศุกร์เรานึกว่าเราทำคอมพิวเตอร์โน้ตบุคหาย ก็ว่าเอาแล้วสิอาถรรพ์วันเกิดเริ่มทำงานแล้วสิ แต่ปรากฏว่าตอนหลังมาเจออยู่ที่คอนโดก็เลยรอดไป สาเหตุที่คิดว่ามันหายก็เพราะบ้านรกมากจนหาของไม่เจอ มีหลายๆ คนไม่เชื่อว่าคนราศีกันย์เจ้าระเบียบจะปล่อยให้บ้านรกได้ เราก็อยากจะเก็บบ้านให้เรียบร้อยอะนะ แต่ว่าช่วงที่ผ่านมาชีพจรลงเท้าบวกกับงานเยอะมากๆ เลยไม่ค่อยมีเวลาเก็บกวาดบ้าน (excuse.. excuse) จนคนราษีศีกันย์อีกคนหนึ่ง (แม่) จะทนไม่ไหว ร่ำๆ จะมาเก็บกวาดบ้านให้แล้วเชียว

ตอนที่เราบอกแม่ว่าสงสัยโน้ตบุคจะหาย (โทรไปถามแม่ว่าเราลืมไว้ที่บ้านที่แม่กลองหรือเปล่า) แม่ก็ตกใจ แต่พอตอนหลังโทรไปบอกว่าเจอแล้ว แม่ก็โล่งใจบอกว่า เนี่ยวันเกิดแท้ๆ มันเลยมีเรื่องมาให้ตื่นเต้น แม่แนะนำให้ไปซื้อหวย (เกี่ยวกันได้ไงเนี่ย) เราก็ขำๆ บอกว่าเดี๋ยวจะไปซื้อ 911 ซัก 100 บาท แม่ยังแนะนำอีกว่าให้ซื้อแค่ 11 ดีกว่า โอกาสถูกเยอะหน่อย แต่เราบอกว่าเราจะซื้อ 911 นั่นแหละ ถ้าถูกจะได้เงินเยอะๆ หน่อย (แต่ในใจคิดว่า เสียเงิน 100 บาทฟรีๆ แน่ๆ) แม่เลยบอกว่า เออ ตามใจ แม่ขอให้ถูกนะ (แม่อวยพรนะ ไม่ใช่ประชด คนอ่านอย่าเข้าใจผิด) แล้วแม่ก็จะไม่ซื้อตามด้วย ประมาณว่ากลัวจะขัดลาภเรา แต่ปรากฏว่าวันนี้ฟังข่าวเขาบอกว่าเลข 911 งวดนี้ฮิตมากๆ เราก็เลยเปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้ว คาดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง (เดี๋ยวหวยออกแล้วจะได้รู้กัน)

นอกจากเรื่อง(คิดไปเอง)โน้ตบุคแล้ว วันเกิดปีนี้ไม่มีเรื่องซวยๆ เกิดขึ้น (เอ... พูดไปจะกลายเป็นทักให้เสียเรื่องหรือเปล่าเนี่ย) ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ตอนหลังมาใคร่ครวญดูดีๆ รู้สึกว่าปีที่ผ่านมานี้เป็นปีที่เราซวยสม่ำเสมอมาตั้งแต่ต้นปี เลยทำให้ช่วงใกล้ๆ วันเกิดไม่รู้สึกว่ามีอะไรซวยๆ แบบผิดสังเกตเกิดขึ้น ประมาณว่าชินชากับความรันทดของชีวิต

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปวดท้องมากๆ แถมคลื่นไส้อีกตะหาก ทำให้นอนหลับไม่สนิท ตอนแรกวันเสาร์ตกลงกับเก๋ไว้ว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่นกัน (ให้เก๋เลี้ยงวันเกิดเรา) แต่พอสุดท้ายก็อดกิน เพราะยังปวดท้องไม่หาย แถมรู้สึกเพลียๆ อีกตะหาก แม่บอกว่าให้เราไปหาหมอ แต่ไม่รู้จะบอกว่ายังไง มันบรรยายอาการไม่ถูก กำลังกลัวว่าจะเป็นโรคกระเพาะ หรือว่านี่คือความซวยฉลองวันเกิดปีนี้ของเรา