ตอนแรกเราฟังข่าวแล้วก็รู้สึกว่า มันช่างเป็น “ไทยแล้นด์ ไทยแลนด์โอเพ่น” เป็นเทนนิสแบบไทยๆ ฮิตแบบไทยๆ ที่ได้ยินมาเนี่ย บัตรหมดเกลี้ยงตั้งแต่รอบแรกๆ (เขาว่าทำลายสถิติเอทีพีรายการอื่นๆ เรียบ เพราะที่อื่นๆ รอบแรกๆ บัตรเหลือตรึม แต่เขาไม่ได้บอกนะว่าของไทยที่ว่าบัตรหมดเกลี้ยงคนดูนั่งเต็มสนาม นั่นเป็นเพราะขายบัตรหมดหรือว่าแจกหมด เราเห็นรายการวิทยุรายการโทรทัศน์ไหนๆ ก็มีแจกบัตรร้อยใบมั่ง สองร้อยใบมั่ง แถมมีให้เอาฝาน้ำอัดลมหรือฝาเบียร์ไปแลกบัตรได้อีกตะหาก) แต่ว่ายังต้องมาอบรมคนดูอยู่เลยว่าเวลาดูเทนนิสต้องทำยังไงบ้าง ซ้ำร้ายคือว่าคนดูก็ยังไม่ทำตาม หรือไม่ก็ไม่ได้ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับที่ว่าก็เลยไม่ได้อ่านคู่มือการชม (อบรมไม่สำเร็จ สงสัยคราวหน้าต้องทำคู่มือแจกพร้อมบัตรแบบเดียวกับสูจิบัตรของละครหรือคอนเสิร์ตซะละมั้ง)

เท่าที่เราดูถ่ายทอดสดที่ภราดรแข่งแบบผ่านๆ ทั้งสองวัน เรายังได้ยินเสียงกรรมการเตือนให้นั่งที่ เตือนให้เงียบๆ นอกจากนี้ยังมี “สิ่งที่คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน” มันคือ โทรศัพท์มือถือ ดันส่งเสียงดังขึ้นมาระหว่างการแข่งขัน ขอโทษเถอะ ไหนๆ ก็ตั้งใจจะมาลุ้นซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจแล้ว ปิดโทรศัพท์ซะหน่อยไม่ดีเรอะ หรือกลัวว่าเพื่อนโทรมาแล้วจะพลาดไม่ได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมารับแล้วอวดไปว่า “คุยไม่ได้... กำลังดูเทนนิสอยู่” เหมือนที่ได้ยินบ่อยๆ ในโรงหนัง ในเมื่อเมิงก็รู้ว่าคุยไม่ได้ แล้วเมิงเปิดโทรศัพท์ไว้หาอะไรไม่ทราบ

เมื่อวานที่ภราดรเล่น เราได้ดูแค่ตอนแรกที่โดนนำไปก่อนเซ็ตแรก ๖-๐ แล้วก็มารู้ผลตอนเช้าว่าชนะสองเซ็ตหลังก็เลยผ่านเข้ามาเล่นรอบสองวันนี้ วันนี้ได้ดูเซ็ตที่สองหลังจากที่เซ็ตแรกภราดรนำไปก่อนแล้ว ดูไปจนถึงไทเบรคแต้มรองสุดท้าย คนดูทำเสียมารยาทมาก เพราะเชียร์ฮือฮาออกหน้าออกตาทั้งๆ ที่ยังไม่เป็นแต้ม สุดท้ายภราดรก็ได้แต้มไปนั่นแหละ แล้วคู่ต่อสู้ภราดรก็โมโห เพราะเสียสมาธิจากเสียงคนดู ก็ไปโวยกรรมการ แต่ก็ไม่มีผลอะไร พอลูกสุดท้ายเขาก็ตีพลาดแล้วก็แพ้ไป ตอนเดินออกจากสนามเขาก็ยังหงุดหงิดไม่หาย

ก่อนหน้านี้เขาก็เข้าไปท้วงกรรมการสองสามหน เรื่องลูกที่ตกใกล้เส้นว่าออกหรือไม่ออก คนพากย์ในทีวีก็บอกว่าเวลาลูกตกใกล้เส้นก็ต้องเห็นใจกรรมการเหมือนกัน เพราะดูยากมากๆ ขนาดดูรีเพลย์บางทีก็ยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ เราก็ว่าใช่แหละเห็นด้วยกับเขา แต่รู้สึกว่าคนพากย์จะลำเอียง ที่เขาพูดแบบนี้เพราะสองสามแต้มที่ว่า ที่มันก้ำกึ่งๆ นั่นน่ะ กรรมการเขาให้ภราดรได้เกือบทั้งหมด ลองถ้าเป็นแข่งที่อื่นและกรรมการเขาให้คู่ต่อสู้ของภราดรได้แต้มสิ จะต้องมีการบ่นเสียดมเสียดาย หรือดีไม่ดีอาจะมีการบ่นว่ากรรมการให้ได้ยินอีกตะหาก

เรื่องกรรมการกับเรื่องคนดูที่เห็นมาสองวันนี้ ทำให้เรานึกไปถึงข่าวเทนนิสที่เราอ่านบนเครื่องบินวันที่กลับจากเขมร เป็นทัวร์นาเมนต์อะไรซักอันหนึ่งในอเมริกาก่อนหน้ายูเอสโอเพ่น (ถ้าเราขยันพอเราคงเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตได้ว่ามันคือทัวร์นาเมนต์ไหน แต่ขี้เกียจอ่ะ ช่างมันละกันไม่ได้มีผลกับเรื่องที่จะเล่าซักเท่าไหร่) มีนักเทนนิสจากยุโรปคนหนึ่งเล่นกับแอนดี้ ร็อดดิกรอบประมาณเซมิไฟนัลแล้วก็แพ้ไป (เอ.ร็อด ว่าจะมาเล่นไทยแลนด์โอเพ่นเหมือนกัน แต่แจ้งงดก่อนแข่งวันหรือสองวันเอง บอกว่าบาดเจ็บจากตอนแข่งเดวิสคัพ โดนปรับไปล้านกว่าบาท แต่เราคิดเล่นๆ ว่าเขาเป็นเพื่อนกับภราดร เลยไม่อยากมาแย่งแชมป์เพื่อนถึงบ้าน :-) )

คู่ต่อสู้ของเอ.ร็อดมาให้สัมภาษณ์หลังเล่นว่า กรรมการขานลูกเข้าข้างเอ.ร็อดตลอด และเอ.ร็อดก็เล่นกับคนดูตลอด (เขาใช้คำว่า Play with the crowd หรือไงเนี่ยแหละ) ประมาณว่าเอ.ร็อดรู้อยู่แล้วว่าคนดูเชียร์ตัวเอง แทนที่จะสงบๆ กลับเล่นกับคนดูทำให้คู่ต่อสู้ไม่มีสมาธิ เขาบอกว่าในแม็ทช์การแข่งขันที่เขาเพิ่งแข่งไป ถ้าไปแข่งที่ไหนก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่อเมริกา รับรองว่าเขาต้องชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังบอกอีกว่าการที่แอนดี้ ร็อดดิกได้แชมป์ได้เป็นมือวางอันดับสูงๆ ได้ ก็เพราะมีการแข่งขันในอเมริกาให้เล่นเยอะแยะ (ประมาณว่าถ้าออกไปเล่นนอกบ้าน เอ็งไม่รอดแน่)

ที่เราดูภราดรแข่งวันนี้แล้วนึกถึงเอ.ร็อด ก็เพราะว่าการแข่งขันวันนี้ ถึงแม้ภราดรจะไม่ได้เล่นกับคนดู แต่คนดูดันไปช่วยภราดรเล่นด้วยนะซิ เล่นส่งเสียงฮู้ฮ้าซะคู่ต่อสู้ภราดรเสียสมาธิ แทนที่จะตีกับภราดรคนเดียวในสนาม ยังต้องมาต่อสู้ทางจิตกับคนดูอีก เราก็พอเข้าใจว่าไทยแลนด์โอเพ่นคงขาดสีสันไปถ้าภราดรตกรอบเสียแต่หัววัน แต่ว่าไหนๆ ก็มาจัดถึงในบ้านซักที ก็น่าจะชนะให้ขาวสะอาดให้ไร้ข้อกังขา อย่าให้เขาเอาไปว่าได้ว่าที่เราชนะได้แชมป์ได้ก็เพราะการแข่งขันอยู่ในเมืองไทยเลยนะ