How do I lie?
อาทิตย์นี้เราต้องกรอกแบบฟอร์มประเมินผลคนที่ทำงานให้เราให้เสร็จ ใครจะว่ายังไงก็ตาม เรากะว่าจะพยายามผลักดันคนของเราให้ได้ Rating เกิน Average ให้ได้ ที่บริษัทเราเขาให้ Rating เป็นเมตริกซ์ แกนนอนเป็น Behaviours หรือลักษณะนิสัย ให้คะแนนเป็น 1 (ดีสุด) 2 (ปานกลาง) 3 (แย่สุด) แกนตั้งเป็น Performance หรือผลของงาน ให้คะแนนเป็น Low/Medium/High ก็เลยแบ่งได้เป็น 9 ควอดแดรนท์ โดยค่า Average คือควอดแดรนท์ตรงกลาง (M2)

เรามีลูกน้องอยู่ 3 คน นี่เพิ่งกรอกเอกสารเสร็จไป 2 คน สามารถเสกสรรค์ปั้นแต่งหาเหตุผลมาสนับสนุนจนคนหนึ่งได้ H2 และอีกคนหนึ่งได้ M1 ซึ่งเราคิดว่าเหตุผลต่างๆ ที่เรายกมาคงพอเพียงที่จะไม่ทำให้คนอื่นมาโต้แย้งตอนประชุมปรับ Rating (เขาจะให้หัวหน้าของทุกแผนกมาประชุมกัน และพิจารณาผลงานของคนทุกแผนกที่อยู่ระดับเดียวกัน แล้วดูว่า Rating แต่ละคนเหมาะสมหรือเปล่า บางคนอาจโดนลด บางคนอาจได้เพิ่ม – ความจริงได้เพิ่มนี่ไม่ค่อยมีหรอก – เวลาประชุมแบบนี้ใครๆ ก็ต้องเชียร์ลูกน้องตัวเองให้ได้เยอะๆ ทั้งๆ ที่จริงๆ มันอาจจะไม่เอาอ่าวเลยก็ตาม)

เราเหลือลูกน้องอีกคนหนึ่งที่ต้องกรอกแบบฟอร์มให้เสร็จ สร้างความปวดหัวให้เราเป็นอันมาก เพราะไม่รู้จะหาอะไรมาเป็นข้อดี คือ เวลาให้งานไปก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไร แต่ก็ไม่ยอมถาม เวลาทำงานก็ไม่ค่อยคิด ทำตามคำบอก แม้กระทั่งเวลาที่เราบอกไปแล้วมันผิดก็ทำมาผิดๆ ทำงานเหมือนส่งการบ้าน พอให้กำหนดไปว่าให้เสร็จเมื่อโน้นเมื่อนี้ก็รับคำ แต่ทำไม่เสร็จ เราเข้าใจว่าเขายังใหม่อยู่ ก็เลยไม่ค่อยรู้ว่าทำอะไรต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ว่าทุกคนก็ต้องผ่านการทำอะไรครั้งแรกมากันทั้งนั้น ทุกคนต้องมีการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพัฒนาช้า ไม่ทันใจเราเลย

เราว่าสมัยที่เราทำงานใหม่ๆ เราพยายามมากๆ เพราะกลัวว่าเขาให้อะไรมาแล้วเราทำไม่ได้ เวลาใครพูดอะไรแล้วเราไม่รู้ เราก็ถามให้รู้ หรือบางทีก็อยู่เย็นๆ อ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติม แต่ลูกน้องเราไม่เป็นยังงั้น ทำงานไม่เสร็จแต่มีเวลามายืนคุยเล่นกับคนอื่นๆ อ่านอีเมล์ขยะ ท่องอินเตอร์เน็ต (เรามีข้ออ้างว่าเราท่องอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน แต่งานเราเสร็จนะ) มีคนบอกเราว่า เราอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่าคิดว่าคนอื่นต้องเป็นเหมือนเรา แต่ในเมื่อเราต้องเป็นคนตัดสิน เราก็ใช้ไม้บรรทัดของเราวัด จะให้ไปใช้ไม้บรรทัดคนอื่นวัดเราก็วัดไม่ถูก

เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่ Train เรื่อง Responsible Feedback ไป ซึ่งเป็นหัวข้อที่พูดถึงการให้ Feedback อย่างเหมาะสม หนึ่งในข้อควรทำ คือ ต้องรู้จักให้ทั้งคำติ และคำชม คำติ คือต้องพิจารณาดูว่าเขาจะพัฒนาปรับปรุงได้อย่างไร ไม่ใช่สักแต่ว่าติๆ ไป ส่วนคำชมก็เป็นการสร้างกำลังใจ และช่วยให้เขารู้ว่าตรงไหนที่เขาไปได้ถูกทางแล้วและควรทำต่อๆ ไป ตอนนี้เรามีแต่เรื่องที่ต้องติทั้งนั้นเลย เรื่องต้อง “ชม” ไม่มี เพราะเราว่าเขาทำได้แค่เกือบถึงมาตรฐานทั่วๆ ไป นี่คิดหัวแทบแตกแล้วว่าจะงัดเอาอะไรมาชมให้แนบเนียนดี โชคยังเข้าข้างเรานิดหน่อยตรงที่ลูกน้องคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานไม่ครบปี เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้ Rating จริงๆ เขาจะได้ Rating เป็น M2 ไปโดยปริยาย แต่เราก็ยังต้องกรอกแบบฟอร์มเหมือนปกติทุกอย่าง

ยิ่งนานไปเรายิ่งมั่นใจว่าการเป็นหัวหน้าคนลำบากกว่าการเป็นลูกน้องเยอะ ที่วันก่อนพี่ปุ๊กบอกว่า มีวิธีแก้เผ็ดลูกน้องห่วยๆ โดยโปรโมทมันขึ้นมา ให้มันลองมาเป็นหัวหน้าดูบ้าง จะได้สำนึก เราชักเริ่มสงสัยว่า นี่เรากำลังโดนแก้เผ็ดอยู่หรือเปล่าวะ