เกิดแต่ชื่อหรือเกิดแต่กรรม?
ข่าวหนังสือพิมพ์วันนี้บอกว่านายดวงฉ.ล.กับนายวันฉ.ล.ได้เปลี่ยนชื่อ เหลือแค่นายดวงกับนายวันแล้วตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมกรา

สาเหตุก็คือคุณแม่ของสองคนนี้ไปดูดวงก็พบว่า ลูกรักทั้งสองเกิดวันจันทร์ ชื่อไม่ควรมีสระ ประกอบกับชื่อมีชื่อของพ่อติดมาด้วย (เขาว่าตอนที่ตั้งชื่อลูกสองคนนี้ ดวงของพ่อเขากำลังเจริญรุ่งเรืองมาก ก็เลยเอาชื่อพ่อไปตั้งในชื่อลูกด้วย) ทีนี้ชื่อไม่สมพงศ์กับวันเกิดซักเท่าไหร่ก็เลยมีเรื่องมีราวตลอด แถมทำให้ต้องวุ่นวายมาถึงพ่อด้วย

ในข่าวยังบอกต่อไปอีกว่านายอ.หาญพี่ชายของนายสองคนนี้ เขาไม่ได้เกิดวันจันทร์ และชื่อเขาไม่มีชื่อพ่อมาเกี่ยวข้อง ก็เลยไม่ค่อยมีเรื่องมีราวกับใครให้พ่อหนักใจ

อันตัวเราก็เกิดวันจันทร์ พี่สาวเราแม่ไอโกะก็เกิดวันจันทร์ ชื่อก็มีสระหรากันทั้งคู่ ไม่เห็นจะทำเรื่องวุ่นวายใจให้บุพการี (ซักเท่าไหร่) เลย มีคนบอกว่าสระนอกบรรทัดไม่นับ (คือ อย่างสระอิ ไม้หันอากาศ อย่างนายวัน ไม่นับว่าเป็นสระ) แต่อย่างชื่อแม่ไอโกะนี่มีสระอาอะนะ

เราเคยได้ยินจากที่ไหนไม่รู้ เขาว่าลูกๆ เกิดมาเพื่อให้พ่อแม่ใช้กรรม ถ้าชาติก่อนพ่อแม่ทำกรรมดีไว้เยอะ จะมีลูกๆ ที่เป็นคนดี ไม่สร้างความหนักอกหนักใจให้พ่อแม่

และที่ได้ยินอีกอันหนึ่งคือว่า บุญวาสนาของลูกหลานขึ้นอยู่กับการกระทำของบรรพบุรุษ เช่นว่า ถ้าพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นคนดีอยู่ในศีลในธรรม และเลี้ยงดูอบรมลูกๆ หลานๆ ให้เป็นคนดีมีศีลธรรมด้วย ลูกๆ หลานๆ ก็จะมีความสุขความเจริญ อยู่เย็นเป็นสุข แต่ถ้าพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นคนไม่ดี ทำบาปทำกรรมต่างๆ ลูกๆ หลานๆ จะอยู่ไม่เป็นสุข ถึงแม้จะร่ำรวยทรัพย์สินก็ตามที

คำถามที่เรานึกถึงในวันนี้ ตอนที่ได้ยินข่าวนายดวงกับนายวันเปลี่ยนชื่อก็คือ ตกลงเหตุการณ์ของคนในครอบครัวนี้ เป็นเรื่องของชื่อหรือเรื่องของกรรม? ทำไมลูกชายสองคนนี้ถึงสร้างเรื่องวุ่นวายใจให้กับพ่อปรากฏเป็นข่าวให้เห็นอยู่เนืองๆ ในพี่ชายอีกคนไม่ค่อยมีข่าวทางนี้ หรือแค่เกิดวันจันทร์ชื่อไม่สมพงศ์ก็เป็นตัวปัญหาเสียแล้ว? ถ้าเป็นแบบนี้ ตัดสินใจช้าไปหน่อยหรือเปล่า?

ฟังจากในข่าว เราก็เล่นเดาสุ่มๆ เอาว่าคนที่เป็นพี่ชายเขาเกิดก่อน เกิดตอนที่ดวงของพ่อยังไม่รุ่งโรจน์ ยังไม่ได้สร้างบารมี ยังไม่ได้มีอำนาจที่จะปกป้องลูกในทางผิดๆ หรือเปล่า ส่วนลูกที่เกิดมาตอนที่พ่อแม่กำลังเฟื่องฟูด้านวัตถุ และหลงใหลรักใคร่ลูกมากถึงขนาดบอกว่าเป็นดวงของพ่อ (ซึ่งกำลังดีสุดๆ) ก็คงไม่ได้พยายามจะจัดระเบียบสร้างวินัยให้ลูกมากนัก การที่ลูกจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ถ้าพ่อแม่ไม่บอกไม่กล่าวแต่ปกป้องลูกในทางผิดๆ ลูกก็ย่อมไม่รู้ว่าตัวเองผิด หรือเปล่า

ถ้าใช่ การจะกระทำผิดแบบซ้ำๆ ซากๆ ก็เกิดขึ้นได้ พ่อแม่ต้องมาช้ำใจทุกข์หนัก ถามจริงๆ เหอะว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อหรือเปลี่ยน "กรรม" หรือ "การกระทำ" ของคน?

หน้าที่ของพ่อแม่

เมื่อวานดู CSI แล้วได้ข้อคิดมาอันหนึ่งสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ เขาบอกว่าหน้าที่ของพ่อแม่มีแค่สองอย่าง คือ ๑. ดูแลลูกให้ปลอดภัย และ ๒. ทำให้ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดีและมีความคิดเป็นของตัวเอง

ง่ายๆ สั้นๆ แต่ยากชิบห..เลยหวะ แค่ข้อแรก สมัยนี้มีภัยรอบด้านสำหรับเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะปัญหายาเสพย์ติด ภัยอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือแม้แต่เรื่องในชีวิตประจำวันอย่างอุบัติเหตุและสาธารณภัย แต่ก็เหอะนะ คนสมัยนี้รักลูกมาก ไม่เกินความพยายามก็จะปกป้องดูแลลูกกันอย่างกับไข่ในหิน

แต่พอมาดูข้อสองอันนี้สิน่าคิด สมัยนี้พ่อแม่บางคนจะคอยคิดแทนลูกเลือกแทนลูกตลอดเวลา ก็รักนี่นะอยากให้ได้แต่สิ่งดีๆ แต่คงลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ไม่สามารถดูแลลูกไปได้ตลอดชีวิตและตลอดเวลา

ถามเราว่าจะทำยังไงให้ลูกเป็นคนมีความคิดรู้จักที่จะเลือกไปที่ชอบๆ (ชอบด้วยศีลธรรม ชอบด้วยกฎหมาย ชอบด้วยความถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่ชอบด้วยกิเลสตันหาหรือรสนิยมด้านต่ำ) น่าจะประมาณว่าให้การศึกษา และทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี กระตุ้นให้ลูกรู้จักคิดและหาเหตุผล อะไรทำนองนี้ เราก็ตอบไม่ค่อยถูก... (คงอาจจะต้องลองมีลูกดูเอง แล้วดูซิว่าจะทำได้ไหม 5555)

ถ้าพ่อแม่ทำข้อสองได้ สังคมจะเป็นอย่างไรฟอนเฟะแค่ไหนพ่อแม่ไม่ต้องห่วงลูกมาก ไม่ต้องกลุ้มใจว่าลูกจะไม่ตั้งใจเรียน จะโดดเรียนไปเดินห้าง หรือจะใช้ของฟุ่มเฟือยทั้งที่ตัวเองยังหาเงินไม่ได้ซักบาท ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไปลองยาเสพย์ติดเพราะเพื่อนชวน

ไม่ต้องหงุดหงิดที่ลูกจะแต่งตัวสายเดี่ยวใส่เสื้อเบอร์ห้าเอส (SSSSS) เพราะใครๆ เขาก็ใส่กันไม่ใส่ก็เอาท์แย่ ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรเพราะโดนรูปโป๊ตามสื่อต่างๆ กระตุ้น ไม่ต้องตัดสินว่าจะไม่ให้ลูกเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพราะเขามีเครื่องขายถุงยางอยู่ในห้องน้ำ ฯลฯ

ถ้าพ่อแม่ทำให้ลูกคิดเองได้รู้ผิดรู้ชอบชั่วดีได้ แล้วลูกเกิดอยากจะทำอะไรที่พ่อแม่ไม่เห็นว่าดีว่างาม เขาจะต้องมีเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของเขา เขาได้รับรู้ว่าผลลัพธ์หรือผลกระทบจากการกระทำของเขาคืออะไร ถ้าเป็นแบบนี้พ่อแม่ก็เห็นทีต้องยอมทำใจ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะบ้าง (แต่ถ้ามันผิดศีลธรรมผิดกฎหมาย หรือทำความเดือดร้อนให้คนอื่น หน้าที่พ่อแม่ก็ยังต้องห้ามปรามอยู่ดี)

พอพูดเรื่องนี้แล้วเราจะแอบฝันเฟื่องต่อไปอีกดีไหมว่า ภายในชาตินี้ผู้นำประเทศในฐานะพ่อของบ้านของเมือง ข้อหนึ่งก็จะสามารถดูแลให้ประชาชน(ที่เป็นลูกของบ้านของเมือง) ให้อยู่อย่างมีปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (โรงเรียนไม่โดนเผา ปืนไม่โดนปล้น) มีความสะดวกสาธารณูปโภคเหมาะสมตามสุขอนามัย (กินหมูกินไก่กินไข่ได้ตามรสนิยม)

แล้วอีกข้อหนึ่งก็น่าจะต้องให้การศึกษาไปพร้อมกับให้เสรีภาพทางความคิดและการเรียนรู้ เพื่อให้รู้จักผิดชอบชั่วดีสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้พ่อบ้านเป็นคนตัดสินใจให้ว่า ควรจะมีบ่อนถูกกฎหมาย จะมีไก่ชนฝังชิป หรือจะต้องทำโซนนิ่งสถานบริการบันเทิงหรือเปล่า

คิดๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าอาจจะต้องฝันค้างไปถึงชาติหน้า... เขียนๆ แล้วก็ชัก go so big เลิกเขียนไปดูรายการเจาะใจดีกว่า (โหมโรงมาเจาะใจหนะค่ะ 555)