ไอติมมือใหม่

วันก่อนไปโลตัสเห็นมี "ไอติมตัด" มาขาย แต่แทนที่จะเป็นแท่งกลมๆ เหมือนที่เราเคยกิน เขาทำเป็นแท่งสี่เหลี่ยม เราดูท่าทางน่าอร่อยก็หมายตาไว้ว่าเดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะมากิน ปรากฏว่ากินข้าวเสร็จรู้สึกอิ่มเกิน พอซื้อของเสร็จเดินกลับมาเห็นเขาเขียนว่า ซื้อห่อกลับบ้านได้ เราก็เลยซื้อกลับบ้าน

คนขายมีสองคนเป็นเด็กผู้หญิง หน้าตาเด็กมากๆ อายุน่าจะประมาณสิบหกสิบเจ็ด เราคิดว่าน่าจะเป็นเด็กรับจ้างมาขายมากว่าจะมาลงทุนเอง ตอนที่ไม่มีคนเราเห็นเขาก็ช่วยกันตัดไอติมเอาไม้จิ้มใส่ถุงพลาสติกเตรียมไว้ขายให้คนที่ซื้อกินเลย

ตอนที่เราไปซื้อ มีคนซื้ออยู่ก่อนแล้ว และจะเอากลับบ้านด้วยเหมือนกัน เด็กสองคนก็มาห่อไอติม คนหนึ่งหยิบให้คนก่อนหน้าเรา แต่เด็กที่หยิบไอติมให้เราหยิบเสร็จก่อน (เพราะเราเอาแค่ ๒ รส) เขาก็หันไปหากระดาษเตรียมจะห่อ เด็กอีกคนก็หยิบของอีกคนหนึ่งเสร็จพอดี ก็เตรียมห่อด้วย เด็กคนที่จะห่อให้เราก็เลยหยิบกระดาษส่งให้ แล้วชี้ให้ห่อให้เรา ดูวุ่นๆ เล็กน้อย เราก็ลุ้นๆ กลัวเขาห่อสลับกัน

เราเห็นเขาห่อไอติมแล้วก็ขัดๆ เราซื้อทั้งหมดสิบแท่ง อีกคนก็ซื้อสิบแท่งเท่ากัน เขาก็จัดเป็นสองกอง สี่แท่งกับหกแท่ง ทีนี้กระดาษที่ห่อเป็นกระดาษเคลือบพลาสติกแบบที่ห่อข้าวหมูแดงข้าวมันไก่ (ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังใช้กันอยู่หรือเปล่า เห็นชอบใช้กล่องโฟมกันจัง) ถ้าห่อไอติม ๔ แท่งจะพอดี แต่ ๖ แท่งกระดาษจะเล็กเกินไป

เด็กทั้งสองคนก็ทำเหมือนกันเป๊ะเลย คือพยายามจะห่อทั้งๆ ที่กระดาษมันเล็ก กว่าจะห่อเสร็จก็ช้า เพราะขยับซ้ายขยับขวา จะให้มันพอดีให้ได้ เสร็จแล้ววางคว่ำไว้ไม่ให้กระดาษที่ห่อเปิดออก หันไปหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์จะมาหุ้มอีกชั้นหนึ่ง พอจะหยิบวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์มันก็หลุด ต้องห่อใหม่อีกก็ช้าอีก เป็นแบบนี้ทั้งสองคน

พอตอนนี้ก็มีคนอื่นๆ เริ่มมารออีกสามสี่คน ซึ่งเขาไม่ได้ซื้อกลับบ้าน แต่จะซื้อกินเลย ยังดีที่เขาใจเย็นไม่รีบไป ไม่งั้นเด็กสองคนคงขายได้น้อยลง แต่คนก็รอๆ แบบไม่ค่อยเป็นสุข เดาเอาว่าเขาลุ้นการห่อไอติมไปกับเราด้วย

เราคิดว่า ถ้าเราเป็นเจ้าของไอติมเจ้านี้ เราจะต้องอบรมลูกน้องของเราว่า การห่อไอติมกลับบ้านจะต้องห่อยังไง ต้องไม่เกิน ๔ แท่ง เพราะมันจะเร็วกว่า อย่างเราซื้อ ๑๐ แท่ง ถึงจะต้องเปลืองกระดาษเพิ่มอีก ๑ แผ่น แต่ก็ห่อได้เร็วกว่า คุ้มค่ากว่าในเรื่องความพอใจของลูกค้า ลูกค้าอย่างเราไม่ต้องรอนาน (เราเห็นเขาห่อแล้วก็ดูเงอะๆ งะๆ เราไม่ได้โมโห หรือหงุดหงิดนะ แต่รู้สึกว่า เออ ถ้าทำได้ ก็จะดีกว่าเดิมอ่ะนะ) ส่วนลูกค้าคนอื่นๆ ที่มารอต่อจากเรา ก็คงชอบใจกว่าด้วยเหมือนกัน

เราว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้คนก็มองข้ามไป หรือบางทีก็อาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองมาเป็นคนนอกถึงจะเห็น