ไมเกรนกระแทก
วันศุกร์เรานอนดึก วันเสาร์เราตื่นมาก็ต่ออินเตอร์เน็ตไปเช็คอีเมล์ที่บริษัท ระหว่างนี้ก็เปิดโทรทัศน์ไปด้วย (เปลืองพลังงานชะมัดเลยเนอะ เพราะเปิดไว้ฟังเสียงเป็นเพื่อนอย่างเดียว) เช็คเมล์เสร็จเสร็จก็เสิร์ชโน่นเสิร์ชนี่ ซักพักหนึ่งก็รู้ว่าด้านขวามือของจอมันพร่าๆ เหมือนกับมีเงาสะท้อน นึกว่าแสงจากจอโทรทัศน์มันสะท้อนมาที่ซีพียู (ตรงด้านหน้ามันทำด้วยพลาสติกแบบแววๆ อ่ะนะ)

เราก็เลื่อนเอาที่วางกระดาษมาบัง มันก็ไม่หาย คิดว่าเล็กไปบังไม่มิด ก็เลยเอาหมอนอิงมาบัง ก็ยังไม่หายอีก เอ๊ะเป็นอะไรฟะ มองหน้าจอลำบากมากเลย เพราะมันจะชัดแค่ตรงกลางๆ ส่วนตรงริมๆ ด้านขวาล่างๆ ไม่ชัดเลย สุดท้ายเราก็เลยเลิกอินเตอร์เน็ตมานอนดูโทรทัศน์แทน

มาดูโทรทัศน์ก็ยังไม่ชัดเหมือนเดิม ไม่ใช่แสงสะท้อนซะแล้วซิ มันเหมือนกับมีน้ำอยู่ในลูกตาตรงหางตาด้านขวา ทำให้ภาพเบลอๆ เบี้ยวๆ เลือนๆ ตาเราผิดปกติแน่ๆ เลย หรือว่านอนดึกแล้วทำให้ตาแห้ง พอมานั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็เลยตาพร่า เราพยายามกระพริบๆ ตา นึกว่าจะหายก็ไม่หาย ก็เลยนอนหลับพักสายตา นอนพักได้แป๊บนึงก็ลองๆ มองภาพดูก็รู้สึกว่าค่อยยังชั่ว แต่กลับปวดกระบอกตากับปวดขมับด้านซ้ายหนึบๆๆๆ ทีนี้นึกออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทาง ไมเกรนกระแทก (Migraine Attack) ซะแล้ว

เราเคยมีอาการปวดหัวหนักๆ ตอนสุดสัปดาห์ ประมาณว่าปวดหนักจนทนไม่ได้ ต้องกินยาแล้วก็นอน เพราะถ้ามีการเปลี่ยน Altitude ประเภทก้มๆ เงยๆ นี่ มันเหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วกินพาราธรรมดาสองเม็ดนี่แทบไม่ช่วยอะไรเลย จะกินซ้ำอีกก็ไม่ค่อยกล้า เพราะยังไม่ครบสี่ชั่วโมง นึกอยากได้ยาแก้ปวดแบบแบบเอ็กซ์ตร้าสเตรงธ์เคยเห็นขายตามเคาน์เตอร์ที่อเมริกา (ตอนที่ไปอเมริกาคราวล่าสุด เราก็ซื้อมาหลายขวดเหมือนกัน) แต่สุดท้ายเป็นบ่อยๆ เข้า เราก็รู้ว่ากินยาไปมันก็แค่บรรเทา สุดท้ายแล้วก็ต้องปล่อยให้มันปวดจนหมดฤทธิ์ มันก็จะหายไปเอง

เราก็ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตตามที่ต่างๆ ว่าทำไมถึงปวดหัวขนาดนี้ ก็เจอว่าการปวดหัวนี่มีหลายอย่าง ปวดเพราะความเครียด ปวดเพราะไมเกรน กับปวดอีกอย่างหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร แต่ดูอาการโดยรวมๆ ของเราเนี่ยมันมันตรงกับไมเกรนมากที่สุด (เพราะหลายๆ ครั้งก่อนที่เราจะปวดหัวจนหัวจะระเบิด เราจะมีอาการตาพร่า บางที่ก็มองเห็นเป็นจุดสว่างๆ ตรงกลางลูกตา บางครั้งก็เป็นพร่าๆ ตรงหางตาแบบที่เพิ่งเป็นไปเมื่อวันเสาร์ และบางทีพออากาศจะเปลี่ยนก็ปวดหัว)

เว็บไซต์เกี่ยวกับไมเกรน เขาแนะนำก็ให้พยายามหาสาเหตุว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ แล้วก็หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นนั้น เขาให้เก็บบันทึกเกี่ยวกับ Migraine Attack ว่าเกิดถี่ห่างขนาดไหน ช่วงก่อนเกิดกินอาหารอะไรหรือทำกิจกรรมบ้าง ฯลฯ เราดูจากกิจกรรมแล้ว เราปวดหัววันหยุดเสาร์อาทิตย์เป็นประจำ ก็คิดว่าน่าจะเป็นที่อากาศร้อนกับกาแฟ ก็งดกาแฟอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น

เราก็ชักจะทำใจๆ กับการปวดหัวแบบนี้ ประมาณว่าพกพาราเป็นประจำ ต่อมาอาการปวดหัวของเราก็หายไป หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วเราไม่แน่ใจว่ากาแฟทำให้ไมเกรนขึ้นหรือเปล่า เพราะหลังๆ นี้เราก็กลับมากินกาแฟตามปกติเหมือนเดิม เพิ่งมานึกได้ตอนนี้เองว่า สัปดาห์ก่อนหน้านี้เราก็ปวดหัวจนต้องกินยาเหมือนกัน แล้วก็มาสัปดาห์นี้อีกรอบ ชักหนาวๆ ว่าอาการไมเกรนที่รักจะกลับมาเยือนเราอีกแล้วหรือนี่