Delegate
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานเริ่มซาลง ไม่ต้องตะลุยทำจนหูตูบ คนอื่นๆ ก็งานไม่เยอะด้วย จนพี่ที่เป็นหัวหน้าต้องมาบี้เราว่า มีงานอะไรให้แจกๆ ให้น้องๆ ให้คนอื่นๆ ไปทำมั่ง เพราะดู Timesheet สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนมี Non-Billable ตึม เราฟังแล้วก็ทำหน้ามึนๆ (คือ ไม่สนใจ ไม่ Billable แล้วไง) ก็ตอนเวลาที่เรายุ่งชิบหายก็หาคนทำงานให้เราไม่ได้ เราต้องตะลุยดุ่ยทำหามรุ่งหามค่ำอยู่คนเดียว แต่เวลาคนเหลือ คนว่าง จะมา Pressure ให้เราหางานให้

แต่ที่จริงเราก็ควรสนใจเล็กน้อย เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาเราดันมีโอเวอร์ไทม์ ประมาณว่าไม่ยอม Balance โหลดไปให้คนอื่นมั่ง แต่พอดีตอนที่เขามาถาม เราตัวเราเองก็เบาๆ ไม่ได้โหลดอะไร (ยังมีเวลาไปอัพเดทเรื่องอิรักเลยหนิ) ประมาณว่าตอนทางเมืองนอกเขาเร่งจะเอางาน เขาก็โหมจะเอา แต่พอเราลุยทำเสร็จ เขาเช็คไม่ทัน เราก็เลยว่างอยู่วันสองวัน

ตอนนี้งานชักจะกลับมาอีกแล้ว แล้วก็มาพร้อมๆ กัน (นี่แหละเขาว่า When it rains, it pours) ถ้าเป็นที่ผ่านมา เราก็จะกังวลๆ กลัวจะทำไม่เสร็จ แล้วก็จะดึงส่วนใหญ่ๆ มาทำเองแล้วแจกส่วนที่ง่ายๆ ไม่ต้อง Control มากให้คนอื่น แต่ตอนนี้อยู่ในช่วง “หมดไฟ” ไม่สนใจงาน ก็เลยแจกแม่...หมดเลย เหลืองานง่ายๆ เอาไว้ทำเองอันหนี่ง (กับเอาเวลามาเขียนได)

แล้วเราก็เลยได้รับการคอนเฟิร์มว่า เราเองที่ห่วย เป็นระดับซีเนียร์แล้วแต่ดันเสือกชอบทำอะไรต่ออะไรเอง ในขณะที่คนอื่นเขาจ้องจะ Delegate ให้คนอื่นกันทั้งนั้น น้องคนสามเอ็กซ์เอส (หรือเราเรียกว่าห้าเอ็กซ์เอสนะ จำไม่ค่อยได้แล้ว) ที่เราเคยบ่นว่าห่วย ไม่ตั้งใจทำงาน (ตอนนี้ก็ยังไม่ตั้งใจทำอยู่ในสายตานางมารร้ายอย่างเรา) ตอนนี้เขากลายเป็นรุ่นพี่แล้ว เพราะทำงานมาเกือบปี แล้วก็มีเด็กใหม่เข้ามา

งาน ๓ ชิ้นที่เราให้น้องสามเอ็กซ์เอสไป น้องก็เอาไปใช้ให้น้องใหม่ทำซะสองงาน ก็ไม่เป็นไรเพราะงานไม่ยาก ขี้หมามากๆ น้องใหม่ทำได้อยู่แล้ว แต่ที่เราคิด (แบบที่คนใจไม่ชอบอยู่แล้วก็เลยจ้องจับผิด) ก็คือว่า สมัยก่อนน้องสามเอ็กซ์เอสได้งานขี้หมาแบบนี้ไปทำ ก็บ่นลอยๆ ให้เราได้ยิน (ไม่กล้าบ่นต่อหน้า) ว่าไม่ได้ใช้สมอง น่าเบื่อ

ประมาณว่าสร้างความอึดอัดใจให้กับเรา (หรือกรูจะคิดไปเอง) ว่า เป็นหัวหน้าจะให้งานอะไรก็ต้องระวัง เอางานน่าเบื่อๆ ให้เขาไปเขาไม่อยากทำ แต่พอตอนนี้น้องสามเอ็กซ์เอสก็เอางานขี้หมาน่าเบื่อไปให้น้องใหม่ทำ (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานไม่ขี้หมา เด็กใหม่ๆ มันก็ยังทำไม่เป็น อีกส่วนหนึ่งคือมันน่าเบื่อกูไม่อยากทำ ให้คนอื่นทำดีกว่า) แสดงว่าเราทำไปมันก็มีเหตุผล หรือถึงไม่มีค่อยเหตุผล แต่ตัวเขาเองก็ทำเหมือนกัน

ดวงมันชง

บ่นเรื่องลูกน้องแล้วชักติดพัน แอบบ่นต่อดีกว่า ต่อไปถ้าเราจะไปมีส่วนร่วมในการรับคนเข้าทำงาน เราจะไม่รับคนที่เกิดเดือนกุมภาพันธ์เข้าทำงานเด็ดขาด เพราะดวงมันชงกัน น้องสามเอ็กซ์เอสเนี่ยเขาเกิดเดือนกุมภาพันธ์ เขาทำอะไรพูดอะไรก็ดูขัดหูขัดตาเราไปหมด (แต่เราสังเกตว่าคนอื่นๆ (พวกผู้ชาย) มันไม่เห็นรู้สึกอะไร แสดงว่าชงกับเราคนเดียว)

ในขณะเดียวกัน ไม่ใช่แต่เราเท่านั้น น้องเขาก็ดูจะไม่เต็มใจจะพูดคุยเสวนากับเรา (แต่จะว่าไปเราก็ไม่ค่อยอยากจะเสวนากับเขาเท่าไหร่ เพราะน้องเขาคุยแต่เรื่องอะไรที่เราว่าไร้สาระ อย่างคนโน้นหน้าตาดี คนนั้นได้เงินเดือนเท่านั้นเท่านี้มีปัญญาขับรถแพง ฯลฯ) เรื่องงานก็ดูจะไม่ค่อยเต็มใจจะทำให้เรา ประมาณว่าถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง ให้งานไปก็ไม่กล้าจะมาถามไถ่ เวลาทำงานของเรา แต่ดันเลี่ยงไปถามคนอื่นจนหมดก่อนแล้วถึงมาถามเราเป็น Last Resort

คนอื่นอาจจะตั้งข้อสังเกตว่า ที่เราเข้ากับน้องเขาไม่ได้ (ที่จริงต้องเป็นน้องเขาเข้ากับเราไม่ได้นะ เพราะเรามาก่อน) เป็นเพราะน้องเขาน่ารัก สดใส วัยกิ๊ก ส่วนเราเป็นอีป้าแก่ๆ ที่คอยจับผิดคนอื่น แต่เรายืนยันว่าอันนี้เป็นเรื่องดวงชงกัน เรามีหลักฐานอ้างอิงอีกอันคือ พี่คนที่ต้องลาออกจากงานไป (แล้วกลายเป็นตราบาปติดตัวเรา ในฐานะ นิจวรรณผู้ไล่หัวหน้าออกจากงาน) ก็เกิดเดือนกุมภาพันธ์

สรุปได้ว่า ต่อไปนี้เราจะไม่รับคนเกิดเดือนกุมภามาเป็นลูกน้องเรา เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของกริยา–ปฏิกริยา การที่เรารู้สึกไม่ชอบหรือเข้ากับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เราไม่ได้รู้สึกด้านเดียว อีกด้านเขาก็รู้สึกด้วย จะมากจะน้อยต่างดีกรีไป จะสังเกตได้ชัดหรือไม่สังเกต แต่รู้สึกแน่นอน