ประหยัด
เมื่อวันอังคาร น้ำมันเบนซินขึ้นราคาอีก ๖๐ สตางค์ เบนซิน ๙๕ ลิตรละ ๑๘.๑๙ บาท (ทั้งๆ ที่ราคาจริงๆ คือประมาณ ๒๑ บาท อีกไม่ช้าไม่นานรัฐบาลก็ต้องปล่อยให้มันลอยขึ้นไปถึงราคาจริงๆ) คราวนี้เราโชคดี คือไปเติมน้ำมันตอนเช้า ตอนบ่ายเขาประกาศขึ้นราคา (มีผลบังคับใช้เที่ยงคืน) ก็มีการออกมารณรงค์ให้ประหยัดพลังงาน แต่เราก็เห็นด้วยกับคุณสรยุทธที่เขาพูดในรายการข่าวตอนเช้า ว่ามันเป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง พอน้ำมันแพงก็ออกมาประกาศปาวๆ ให้ประหยัดๆๆๆๆ แต่พอน้ำมันลดราคา ก็ลืม ก็เลิกสนใจ ไม่ทำให้เป็นนิสัย ให้รู้จักประหยัด ใช้กันเท่าที่จำเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ไฟฟ้าหรือทรัพยากรอื่นๆ

สองสามวันนี้เราขับรถกลับบ้านก็รู้สึกว่า ถนนโล่งๆ กว่าช่วงก่อนๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ดูเหมือนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้รถในถนนน้อยลง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็น่าเศร้า เพราะช่วงก่อนหน้านี้รถติดมาก แต่ตอนนี้รถหายไปเยอะ แสดงว่าพวกที่ออกมาทำให้รถติดเผาน้ำมันกันโครมๆ ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ออกมาเพราะ "ความจำเป็น" ประมาณว่าต้องให้โดนกดดันด้วยราคาถึงจะคิดว่าตรงไหนจำเป็น ตรงไหนประหยัดได้ (เห็นแบบนี้แล้วก็อยากจะให้ราคาลอยไปถึง ๒๑ บาทให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย จะว่าทำให้ชาวบ้านลำบากก็ช่าง ก็บางคนก็สบายเกินควรกันมานานแล้วหนิ)

อย่างเราเนี่ย ถ้าให้ประหยัดน้ำมันประหยัดไฟ ก็ไม่รู้จะประหยัดเพิ่มได้มากเท่าไหร่ เพราะที่ใช้นี่ก็เท่าที่จำเป็นแล้ว ขับรถมาทำงานแล้วก็กลับบ้าน ขับรถถึงที่หมายแล้วก็ดับเครื่องเลย ไม่ติดเครื่องแช่ไว้เผาน้ำมันเล่น บางทีก็ขับๆ ไปปิดแอร์ด้วยซ้ำ ของในรถที่ไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยมี (ขนของที่ไม่จำเป็นไว้ในรถหนักๆ ก็เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น) เออ.. แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นกลับบ้านที่แม่กลองอาทิตย์เว้นอาทิตย์ก็อาจจะประหยัดได้อีก แต่ก็เสียความใกล้ชิดครอบครัวซึ่งมีผลทางจิตใจ :-)

เรื่องไฟฟ้า ปกติอยู่บ้านก็เปิดไฟเท่าที่จำเป็น เปิดเฉพาะตำแหน่งที่เราอยู่ อย่างเราทำอะไรๆ ในครัว เสร็จแล้วออกจากครัวก็ปิดไฟทันที ถึงแม้ว่าอีกเดี๋ยวจะลืมของแล้วต้องมาหยิบ ก็ค่อยเปิดไฟใหม่ แอร์ก็ไม่ค่อยได้เปิด ใช้พัดลมเป็นหลัก จะมีที่ลดได้ ก็คงเป็นว่าอย่าเล่นอินเตอร์เน็ตไปพร้อมๆ กับเปิดทีวี ถ้าจะอินเตอร์เน็ตก็ปิดทีวีซะ เพราะไม่ได้ดู แต่มันจะทำให้เราไม่รู้เวลา เมาธ์เพลินๆ อ้าว ตีสองซะแล้ว!! แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นตั้งนาฬิกาให้มันดังเตือนทุกชั่วโมงก็คงจะประหยัดกว่ากันมากๆ

เขามีการออกมารณรงค์ให้ใช้น้ำมันอื่นๆ นอกจากเบนซินกับดีเซล พวกไบโอดีเซลหรือกาซโซฮอลล์ เราก็เปลี่ยนมาเติมกาซโซฮอลล์เหมือนกัน (แต่หาปั๊มเติมยากเหมือนกัน) เพราะมันถูกกว่าน้ำมันเบนซิน ๙๕ ลิตรละ ๕๐ สตางค์ (เป็นรถรุ่นเก่าเลยเติมเบนซิน ๙๑ ไม่ได้) แต่เราก็มาสังเกตว่าพอเติมกาซโซฮอลล์แล้วดูเหมือนว่ารถจะวิ่งได้ระยะทางน้อยลงกว่าเติม ๙๕ (เติมเต็มถังเหมือนๆ กัน) ยิ่งตอนรถติดๆ นี่เห็นความแตกต่างค่อนข้างชัด

ก็เลยนึกได้ว่าพี่หนิงเคยบอกว่า จริงๆ ที่เขาเคยมีทำการวิจัยเรื่องน้ำมันเบนซิน ๙๕/๙๑ เหมือนกัน ว่าเบนซิน ๙๑ ราคาถูกว่า ๙๕ แต่ก็เหมือนจะมีพลังงานน้อยกว่าวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่า สรุปว่าเราเติมน้ำมันราคาถูกกว่า จ่ายเงินน้อยกว่า แต่ไม่ได้ประหยัดกว่าอย่างที่คิด (หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ประหยัด "เท่าที่คิด") เขาไม่ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นทางการมากนัก แต่ดูเหมือนว่างบที่ใช้ในการรณรงค์จะมีปริมาณพอๆ กันกับจำนวนเงินที่ประหยัดได้จากการที่ประชาชนเปลี่ยนไปใช้น้ำมัน ๙๑

เราก็คิดว่ากาซโซฮอลล์ก็คงจะคล้ายๆ กัน เพราะกาซโซฮอล์เขาเอาเอธานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซิน คุณสมบัติทางเคมีมันก็ต้องเปลี่ยนไป การเปลี่ยนประเภทน้ำมันไม่ใช่ทางแก้ของปัญหา เพราะยังไงๆ มันก็เป็นน้ำมัน เราก็ต้องซื้อมาอิมพอร์ตเขามา หรือแม้แต่ไม่ได้ซื้อมา แต่เป็นสิ่งที่เราผลิตเองอย่างไบโอดีเซล มันก็เป็นทรัพยากรธรรมชาติ ใช้กันสุรุ่ยสุร่ายไม่นานก็หมด (ลูกหลานไม่มีใช้ มันจะมาด่าพวกเรา) สรุปว่าประหยัดกันไว้ให้เป็นนิสัยจะดีที่สุด