ได้เรื่อง... เสียเรื่อง...
วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปล่องเรือ Ocean Princess กับที่บ้านมา ตอนที่เตี่ยโทรมาถามก็ไม่ได้คิดว่าจะไป เพราะแม่ไอโกะไปเป็นเพื่อนแล้ว แต่ตอนหลังแม่ไอโกะคะยั้นคะยอก็เลยไป ตอนแรกไม่ครบคู่ คือเตี่ยกับแม่นอนห้องหนึ่ง พ่อ+แม่ไอโกะ+ไอโกะนอนห้องหนึ่ง แล้วเรานอนคนเดียว (ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม) แต่ตอนหลังเตี่ยไปชวนเพื่อนเตี่ยมาด้วย ก็เลยครบคู่ (ไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม) แม่ก็ย้ายมานอนกับเราแทน

ตอนที่เราห็นชื่อเรือในโบรชัวร์ก็รู้สึกว่ามันคุ้นๆ เลยโทรไปถามพี่ปุ๊ก เป็นเรือเดียวกับที่พี่ปุ๊กเพิ่งไปกับแม่ แต่เป็นคนละเส้นทางกัน โปรแกรมของเราเป็นเส้นทาง “เกาะเต่า–เกาะนางยวน–เกาะไผ่” โปรแกรมที่พี่ปุ๊กไปเป็นเส้นทางลังกาวี ลังกาจิว ดูท่าทางน่าจะดีกว่าที่เราไปมา แต่ช่วงเวลานี้ไปทางใต้อาจจะเจอฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ในขณะที่เส้นทางที่เราไปนี่โชคดีมากไม่เจอฝนเลย มาเจอฝนตกหนักเอาตอนที่ถึงท่าเรือคลองเตยแล้วนี่เอง

วันแรกเรือออกจากท่าเรือคลองเตยบ่ายสามโมงวันศุกร์ ขึ้นไปบนเรือก็มีเจ้าหน้าที่ของเรือพาชมเรือ ตอนเรือล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยาออกไปปากอ่าวก็มีไกด์บรรยายโน่นนี่ใหัฟัง พอพ้นปากอ่าวไปก็ได้เวลาอาหารเย็น ตอนกลางคืนมีแนะนำเจ้าหน้าที่เรือและเจ้าหน้าที่ทัวร์ เราไปกับวีคเอ็นด์ทัวร์ มีลูกทัวร์ร้อยกว่าคน (เราสำรวจดูลูกทัวร์อื่นๆ ในทริปก็ดูจะเป็นเหมือนที่พี่ปุ๊กว่าไว้ คือส่วนใหญ่จะอายุเกินครึ่งศตวรรษ มีเด็กๆ สิบกว่าขวบอยู่บ้าง แต่เด็กเล็กๆ มีไอโกะคนเดียวก็เลยกลายเป็นขวัญใจคนอื่นๆ มีแต่คนชมว่า อุ้ยน่ารักจัง น่ารักจัง เราก็บ่นๆ กับแม่ไอโกะว่า ไม่เข้าใจเลย ไอโกะมันหน้าตาไม่เห็นจะน่ารักเลย แต่ชอบมีคนมาบอกว่า น่ารักจังๆ ตอนหลังก็สรุปได้ว่า ที่คนบอกว่าไอโกะน่ารักเพราะมันชอบทำท่าตลกๆ ที่ขนาดเรา (ซึ่งไม่มีคุณสมบัตินางสาวไทย = ไม่รักเด็กไม่รักสัตว์) เห็นแล้วยังอดขำไม่ได้) เจ้าหน้าที่ของวีคเอ็นด์มีประมาณ ๕๐ คน ก็งงๆ ว่าทำไมเจ้าหน้าที่เยอะจัง ตอนหลังมารู้ว่า เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งมาเที่ยวฟรี คล้ายๆ กับเป็นสวัสดิการของพนักงาน แต่ก็ต้องทำงานด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่บนเรือมีประมาณ ๒๐๐ คน

วันรุ่งขึ้นเช้าวันเสาร์ถึงเกาะเต่าจังหวัดชุมพรแปดโมงกว่าๆ กินอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ให้ลงดำน้ำสนอร์คเกิลดูปะการัง ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะดำน้ำเหมือนกัน แต่เกิด “อุบัติเหตุ” ดำไม่ได้ ก็เลยกะว่าจะไปนั่งเล่นเดินเล่นถ่ายรูปเฉยๆ แต่ยังไม่ทันได้เหยียบเกาะเต่าก็ซวยซะแล้ว คือตอนลงจากเรือเล็กน้ำทะเลมันขึ้นสูง เรากลัวเปียกน้ำก็เลยกะจะขึ้นไปยืนบนหิน แต่ซื่อบื้อไม่รู้ว่าหินมันลื่น เหยียบไปปุ๊บก็ล้มคะมำ กระเป๋ากับของที่ถือมาสองมือก็โครมลงไปในน้ำ รู้สึกว่าเข่าไปกระแทกหิน ก็รีบวิ่งขึ้นไปบนฝั่ง มองดูเห็นขาซ้ายถลอกแต่เป็นห่วงของมากกว่า ก็รีบวิ่งไปหาแม่ไอโกะบอกว่า ในกระเป๋ามีกล้องให้ช่วยเอาผ้าขนหนูมาเช็ดก่อน (เตี่ยกับแม่มาบอกทีหลังว่า เจ้าหน้าที่เขาเตือนนักเตือนหนาว่าห้ามไปยืนบนหิน เพราะมันลื่นมีตะไคร่น้ำเกาะ แต่เราไม่ได้ฟังเอง ประมาณว่าคิดว่ารู้ดี เขาบอกอะไรก็ไม่สนใจ สมน้ำหน้าตัวเอง)

พอเอากระเป๋าให้แม่ไอโกะไปแล้ว ถึงได้ก้มลงไปดูขาอีกที มีเลือดไหลแดงแจ๋ใต้หัวเข่าขวา ไปเอาน้ำมาล้างเห็นแผลค่อนข้างกว้างและลึก ก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ เขาก็ไปตามหมอกับพยาบาลมาดู หมอก็บอกว่าแผลขนาดนี้น่าจะเย็บ แต่ถ้าเย็บแผลก็ต้องห้ามโดนน้ำ จะเล่นน้ำไม่ได้ แม่บอกว่าให้เย็บดีกว่า แผลจะได้หายเร็วและไม่เป็นแผลเป็นน่าเกลียด เราก็คิดว่าเย็บก็ดีเหมือนกัน แต่หมอพยายามย้ำอยู่หลายรอบว่า ถ้าเย็บแล้วก็จะโดนน้ำไม่ได้นะ เล่นน้ำไม่ได้เลย รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยอยากจะเย็บให้ ไม่รู้ว่ากลัวเราอดเล่นน้ำหรืออะไร พอสุดท้ายเราบอกว่าเย็บแผลดีกว่า หมอบอกว่าต้องกลับเย็บไปที่เรือ และต้องรอเตรียมอุปกรณ์ก่อน ยังไงกลับไปตอนนี้ก็ยังเย็บไม่ได้ เพราะฉะนั้นนั่งเล่นรออยู่ที่เกาะก่อน เดี๋ยวพอตอนถึงเวลาที่จะกลับขึ้นเรือแล้ว เขาจะไปเตรียมอุปกรณ์ แล้วค่อยเย็บแผลตอนกินข้าวกลางวัน

พยาบาลก็ทำแผลชั่วคราวให้เรา เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอเวลา พ่อไอโกะพาไอโกะไปเล่นน้ำ แต่เล่นได้แป๊บเดียวก็กลับมา ทั้งๆ ที่ตอนที่ลงเรือตอนแรกไอโกะมองเห็นน้ำทะเล ไอโกะบอกว่า “อยากว่ายยย....” (ทำเสียงอ่อนระโหย) ที่เล่นไม่ได้เยอะ เพราะชอบมีคนจะมาเล่นกับไอโกะ แล้วไอโกะก็เลยกลัว เราจะอ่านหนังสือ หนังสือที่เอามาก็เปียกน้ำ แม่ก็อดไปดำน้ำเพราะมานั่งเป็นเพื่อนเรา ก็นินทาหมอกันว่า เห็นตอนที่เขาแนะนำตัว บอกว่า เป็นหมอศัลยฯ ใครจะผ่าตัดก็ทำได้ แต่ตอนนี้กลับทำท่าไม่อยากเย็บแผล ความจริงตามหน้าที่ หมอน่าจะกลับไปที่เรือไปเตรียมอุปกรณ์เย็บแผล แต่หมอก็จะอดเที่ยวอดดำน้ำก็เลยให้เรารอก่อน ฯลฯ ฯลฯ

ตอนกลับขึ้นเรือเรากลับแบบวีไอพี เพราะจะเดินเขย่งยังไงแผลก็ต้องเปียกน้ำแน่ๆ ก็ไปบอกเจ้าหน้าที่ ก็เลยมีคนมาอุ้มเราไปขึ้นเรือ ไปถึงเรือก็ต้องไปตามหมอตามเจ้าหน้าที่บอกว่าจะเย็บแผล ก็รอซักพักถึงได้เย็บ ตอนแรกแม่จะมาดูด้วย แต่หมอบอกว่าห้องเล็กไม่สะดวก แม่เลยไม่ได้แต่กำชับหมอว่าให้เย็บถี่ๆ หน่อย แผลเป็นจะได้ไม่น่าเกลียด ตอนเย็บแผลหมอก็อธิบายไป ชวนคุยไป ได้ความว่าเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่ง (หวังว่าแผลเป็นคงออกมาไม่น่าเกลียด ให้เสียชื่อคุณหมอนะคะ) เขาเย็บแผลให้ค่อนข้างจะถี่กว่าปกติ ไม่ใช่แบบแผลนักมวยแบบที่นับเข็มให้แอนตาซิลแจกตังค์ (ไม่แน่ใจว่า เพราะเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่งหรือเป็นเพราะแม่กำชับนักกำชับหนาว่าให้เย็บถี่ๆ) รวมทั้งหมดเย็บไป ๘ เข็มทั้งที่แผลยาวแค่ประมาณนิ้วกว่าๆ เอง หมอบอกว่าประมาณ ๗-๑๐ วันก็น่าจะตัดไหมได้ระหว่างนี้ห้ามโดนน้ำและให้ล้างแผลทุกวัน และแนะนำว่าควรไปฉีดยากันบาดทะยักด้วย

ออกจากเกาะเต่าก็ไปเกาะนางยวนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปถึงประมาณบ่ายสองโมง เราไม่เคยไปเกาะนางยวนมาก่อน มันเป็นเกาะ ๓ เกาะที่มีหาดทรายเชื่อมกัน ถ้าเดินขึ้นไปบนจุดชมวิวแล้วถ่ายรูปลงมาก็จะสวย แต่เราไม่ได้เดินไป เขาบอกว่าเป็นเกาะของเอกชน คนที่จะเข้าไปที่เกาะต้องเสียค่าเข้า มีทั้งคนที่มาแป๊บเดียวอย่างพวกเรา และมาพักค้างคืน เพื่อนเตี่ยกับพ่อไอโกะไปดำน้ำาดูปะการัง แม่ไอโกะเอาเสื่อมาปูให้ไอโกะนอน เราเอา Tell No One ไปอ่าน อ่านไปซักพักก็หลับไป ตื่นมาก็ได้เวลากลับขึ้นเรือไปกินอาหารว่าง เราก็เอาหนังสือมาอ่าน นั่งๆ นอนๆ ซักพักก็ได้เวลาอาหารเย็น แล้วก็มีการแสดง แต่เราก็ไม่ได้ดูอีกตามเคย

เรือออกจากเกาะนางยวนก็เดินทางย้อนกลับมาที่เกาะไผ่จังหวัดชลบุรี ถึงเกาะไผ่เช้าวันอาทิตย์ประมาณแปดโมงกว่าๆ คราวนี้เราไม่ได้ลงไปที่เกาะ เพราะไม่มีท่าให้เรือจอด ต้องลุยน้ำจากเรือเล็กไปที่หาด และที่หาดก็ไม่มีร่มไม้บังแดด คนที่ลงไปที่เกาะคือจะลงไปดำน้ำดูปะการังมากกว่า เราก็อ่านหนังสือรอ (ในที่สุดก็อ่าน Tell No One จนจบ) จากเกาะไผ่ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ระหว่างเรือวิ่งก็กินอาหารกลางวัน หลังอาหารวีคเอ็นด์ทัวร์มีกิจกรรมพิเศษฉลองครบรอบ ๒๑ ปี มีเล่นเกมจับฉลากแจกของรางวัล มีรางวัลใหญ่ๆ เป็นตั๋วเครื่องบิน โทรทัศน์สี ฯลฯ แต่กว่าจะได้เริ่มเล่นเกมเขาเปิดเทปคอนเสิร์ทป้าเบิร์ดให้ดูตั้งนาน เราทนง่วงไม่ไหวเลยหนีมานอนหลับที่ห้อง สรุปว่าได้ของรางวัลกันแทบทุกคน เรือกลับถึงท่าเรือคลองเตยประมาณห้าโมงเย็นฝนยังไม่ตก แต่ฟ้าครึ้มมากๆ กว่าจะขนกระเป๋าลง กว่าคนจะทยอยลงจากเรือฝนก็เริ่มตก แล้วก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนแยกย้ายกันกลับบ้านก็เลยทุลักทุเลพอสมควร

เรื่องทริปเรื่องเรือโดยรวมๆ จัดว่าโอเค ห้องพักส่วนตัวก็ค่อนข้างสะดวกดีถึงแม้เรือจะไม่ใหม่กิ๊กก็ตาม แต่สถานที่ที่เป็นส่วนกลางมีจำกัดไปหน่อย ไม่ค่อยมีที่ให้เอนหลังนอนเล่น อาจจะเป็นเพราะเขาเตรียมกิจกรรมไว้ให้ทำตลอด แต่สำหรับคนอย่างเราที่ไม่ได้ตั้งใจไปดำน้ำหรือร่วมกิจกรรมของเขา ก็รู้สึกเบื่อๆ เล็กน้อย จะเอนหลังอ่านหนังสือ ก็ต้องไปนอนอ่านในห้องนอน เพราะนั่งที่ล็อบบี้ก็นั่งไม่สบาย พนักงานทั้งของเรือและของทัวร์จัดว่าใช้ได้ มนุษย์สัมพันธ์ดีและเต็มใจบริการ แต่การติดต่อประสานงานกันยังไม่ค่อยดี (ทั้งระหว่างเจ้าหน้าที่บนเรือหรือเจ้าหน้าที่ของวีคเอ็นด์กันเองและระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย) ทำให้บางช่วงบางตอนดูขลุกขลักอย่างไม่น่าจะเป็น

สำหรับตัวเราดูเหมือนจะขาดทุน (ทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงทุนอะไร) เพราะได้แผลแปดเข็มใต้หัวเข่าขวา ได้รอยเขียวๆ ม่วงๆ ที่หัวเข่าซ้าย นิ้วโป้งเท้าขวาเป็นแผล เป้กับกระเป๋ากล้องเปียกน้ำทะเลเค็มปี๋ รู้สึกเสียวๆ กับกล้องที่ยังไม่รู้ว่าจะพังอีกเป็นรอบที่สองหรือเปล่า โทรศัพท์มือถือน้ำเข้าตายไปเรียบร้อยแล้ว (พ่อไอโกะบอกว่า ให้ลองรอให้มันแห้งสนิทจริงๆ แล้วค่อยลองเปิดดูใหม่ อาจจะใช้ได้ แต่เราไม่ได้ลอง ฝากแม่ให้เอาให้แม่ไปให้ก๊อใหญ่ “ช่วยดูให้” ตอนนี้ก็เลยไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้) แต่ที่ขาดทุนที่สุดคือ เสียความตั้งใจที่ว่าจะไปเป็นเพื่อนเตี่ยกับแม่ แต่ด้วยความโง่งี่เง่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวจนต้องเป็นภาระให้คนอื่น