Advance
เราไปอเมริกามาคราวนี้ (เมื่อตอนปลายเดือนกรกฎา) พบว่าอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ตอนไปซื้อของตามร้าน เดี๋ยวนี้หลายๆ ที่ เขาจะมีเครื่องรูดบัตรตั้งอยู่ข้างนอก เวลาเราจ่ายบัตรเครดิตหรือเดบิต เขาให้เราเอาบัตรไปรูดที่เครื่องนี้ ถ้าเป็นบัตรเครดิตก็เสร็จเลย ไม่ต้องเซ็นสลิปไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นบัตรเดบิตก็ใส่รหัส PIN ให้ถูก ก็เรียบร้อย

เราเดาเอาเองว่าเขาทำเครื่องแบบนี้มาเพื่อป้องกันปัญหาการโกงบัตรเครดิต เพราะบัตรเครดิตไม่ได้หลุดจากมือเราไปเลย พนักงานแคชเชียร์ก็ไม่มีสิทธิ์จะแอบจำเลขบัตรกับวันหมดอายุไปใช้ที่อื่นได้ แต่เรายังสงสัยว่าถ้าทำบัตรหายขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าบัตรหายแล้วรู้ตัวเลยก็คงต้องแจ้งอายัด แต่ถ้าประเภทหายไปโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วเกิดคนเก็บได้เอาไปรูดนี่อาจจะหมดเนื้อหมดตัวได้

อเมริกานี่เขาก้าวหน้าจากเมืองไทยไปหนึ่งขั้น (หรือสองสามขั้นด้วยซ้ำ) เมื่อหลายปีก่อนที่เราไปอเมริกาครั้งแรก เมืองไทยยังไม่ค่อยรับบัตรเครดิตกันทั่วเหมือนแบบนี้ ร้านที่รับบัตรก็ยังไม่ออนไลน์ เวลาใช้บัตรก็ต้องใช้เครื่องที่รูดกระดาษสลิปที่แบบที่มีก็อปปี้ในตัว รูดทีดังแคร่กๆ บัตรจะพัง จะเช็คว่าวงเงินเกินหรือไม่เกินก็ต้องโทรไปถามธนาคาร แต่ที่อเมริกาออนไลน์หมดแล้ว และใช้บัตรเครดิตซื้อของได้ตามเว็บไซต์หรือทางโทรศัพท์ได้ เขาเช็คว่าบัตรอนุมัติหรือไม่อนุมัติได้เลย

พอตอนนี้เมืองไทยระบบบัตรเครดิตเริ่มออนไลน์เหมือนในอเมริกาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่อเมริกาเขาก็ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับหนึ่งอีกอยู่ดี

fye

เราได้ไปร้าน fye (for your entertainment) เป็นร้านพวกซีดีดีวีดีหนังเพลงเหมือนแมงป่องบ้านเรานี่แหละ เลยสังเกตเห็นความล้ำหน้าอีกอย่างหนึ่ง คือ มีจุดที่ลองฟังตัวอย่างเพลง ฟังดูก็ไม่เห็นจะล้ำหน้าใช่มะ เมืองไทยก็มีแล้วเหมือนกัน แบบที่เป็นเสาๆ มีเครื่องเล่นซีดีมีหูฟังแขวนอยู่แล้วก็มีตัวอย่างซีดีแปะไว้ที่เสา ใครอยากฟังก็ไปยืนฟัง

แต่ที่ร้าน fye นี่เขาล้ำหน้า เพราะนอกจากมีหูฟังแล้ว เขายังมีจอเล็กๆ ให้ด้วย นั่นคือนอกจากฟังตัวอย่างซีดีแล้ว ยังสามารถดูหนังตัวอย่างของหนังได้อีกด้วย แล้วเขาก็ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องเล่นซีดีที่ใส่แผ่นไว้แล้ว แต่เราจะสามารถเอาซีดีหรือดีวีดีที่เราอยากฟังหรืออยากดูไปแสกนบาร์โค้ดที่เครื่องนี้ มันก็จะเสิร์ชหาจาก database แล้วก็เล่นให้เราดู

เราหยิบหนังมาหลายเรื่อง ทั้งเก่าทั้งใหม่ ทั้งฮิตทั้งไม่ฮิตไปลองแสกนดู ก็ปรากฏว่ามันหาหนังตัวอย่างมาให้ดูได้ทุกเรื่อง คิดแล้วก็ให้ตะลึงว่า ต้องใช้ฮาร์ดดิสก์กี่กิ๊กถึงจะเก็บทั้งหนังทั้งเพลงเป็นร้อยๆ พันๆ ได้ (ถึงหนังจะเป็นแค่หนังตัวอย่างยาวไม่กี่นาทีก็เหอะ) พอดีว่าไม่ค่อยมีเวลามาก ไม่งั้นจะลองยืนฟังมันทั้งวันเลย..