เรื่องดี
บ่ายวันเสาร์เปิดตู้จดหมาย เจอเช็คเงินคืนภาษีที่รอคอยมาเป็นเวลา๔ เดือน... :-)

จากที่เรายื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตไปตั้งแต่เดือนกุมภา เราก็ร้อ...รอ คนอื่นๆ ในออฟฟิศทยอยได้เงินคืนจากกรมสรรพากรกันหมดแล้ว เงินของเราก็ยังไม่มา จนเราอดรนทนไม่ไหว ต้องโทรไปถามที่ Call Center เจ้าหน้าที่เช็คอยู่ตั้งพักใหญ่ เวลาส่วนหนึ่งเสียไปกับการที่เขาจดเลขประจำตัวบัตรประชนเราผิด แล้วเสิร์ชหาในเครื่องไม่เจอ ตอนที่เราบอกเลขไป เขาก็ไม่ทวนนะ เลขตั้ง ๑๓ หลัก แต่เขามีความมั่นใจสูงมากว่าฟังไม่พลาด พอเสิร์ชเจอเขาก็บอกว่ายังอยู่ในขั้นตอนการตรวจแบบ

อีกซักอาทิตย์หนึ่งหรือสองอาทิตย์ต่อมา เราถึงได้รับจดหมายจากสรรพากรบอกว่า เขาขอระงับการจ่ายเงินคืนก่อน ถ้ายังอยากได้ภาษีคืน ให้ยื่นเอกสารไปให้ตรวจ เราโทรไปถามเขา โชคดีที่ส่งทางไปรษณีย์ได้ เราเลยรีบส่งอีเอ็มเอสไป (กลัวไม่ได้เงินจัด) พอส่งเอกสารไปแล้ว อีกสองสามวันเราก็โทรไปถามอีกรอบ เพื่อความชัวร์ว่าเขาได้รับแน่ๆ เขาบอกว่าได้รับแล้ว ทำเรื่องออกไปแล้ว ให้เรารอซักพัก

เราบ่นเรื่องรอเงินภาษีนาน เก๋มาบอกเป็น (ความรู้ใหม่) ว่า เราน่าจะได้ภาษีคืนก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน เพราะถ้ากรมสรรพากรคืนเงินภาษีให้เราช้ากว่านี้ สรรพากรจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เราด้วย เราก็เลยสบายใจว่ายังไงต้องได้เงินเร็วๆ นี้แน่ๆ ถ้าได้ช้า ก็จะต้องได้ดอกเบี้ยด้วย ปรากฏว่าประมาณไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่เราส่งเอกสารไป เราก็ได้รับเช็ค (ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนจริงๆ ด้วย)

ในเช็คที่ส่งมา ลงวันที่ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แสดงว่าพอเรายื่นแบบไปปุ๊บเขาก็ทำเช็คเตรียมไว้เลย แต่ดันมาติดตรงที่ไม่มีเอกสารให้ตรวจ คราวหน้าไม่เอาแล้ว อินเทอร์หน่ง–อินเทอร์เน็ต กะว่าจะทันสมัย จะใช้ของใหม่ แต่กลายเป็นไม่เวิร์คสำหรับเรา ให้ฝ่ายบุคคลยื่นแบบโบราณๆ แนบเอกสารเป็นปึกๆ ดีกว่า ชัวร์ดี

เรื่องห่วย ๑

เมื่อวันก่อนได้ยินเสียงติ๊ดๆ ในกระเป๋าสะพาย นึกว่าโทรศัพท์(ใหม่) ดัง เพราะเพิ่งได้โทรศัพท์มาก็ยังไม่คุ้นเสียง (ปล่อยให้โทรศัพท์ Missed Call บ่อยมาก เพราะได้ยินแล้วจำไม่ได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองดัง กว่าจะนึกได้ ก็รับไม่ทันแล้ว) แต่พอตอนหลังถึงได้รู้ว่าเสียง ติ๊ดๆ ดังมาจากกล้อง พอหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นหน้าจอแอลซีดีมันสว่าง แต่ไม่มีภาพแล้วก็ดับไป

พอเรากดเปิดกล้องอีกรอบ หายนะก็มาเยือน... Error E18 ขึ้นที่มุมจอซ้ายล่าง เรื่อง E18 นี้เคยบ่นไปแล้วในไดอังกฤษ ประมาณว่าเป็น Error ยอดฮิตที่คนใช้กล้องแคนนอน A60/A70 (และ S330 /S400 ด้วยมั้ง) เจอกันบ่อย อาการคือเลนส์ติด ไม่สามารถเปิดกล้องได้ หรือ ไม่สามารถเก็บเลนส์ได้ (ขึ้นอยู่กับว่าตอนที่เกิดอาการ เลนส์อยู่ในสภาพไหน)

ข้อแก้ตัวของแคนนอน คือคนใช้เอากล้องไปใช้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม (ที่มีความชื้นสูง ที่อากาศสกปรก เศษผงหรือเศษทรายเข้าไปขัดเกียร์ของชุดขับเลนส์) หรือเลนส์โดนกระทบกระเทือน กล้องของเราที่มีอาการ E18 ครั้งแรกคิดว่าเกิดจากตอนไปเขมร แล้วทำกล้องตก เป็นการตกทั้งๆ ที่มีกระเป๋าผ้าใส่อยู่ และตกลงบนพื้นดินนุ่มๆ (เหมือนจะเป็นพื้นหญ้าหรือไงเนี่ย) ตกแล้วก็ยังใช้ได้มาอีกตั้งหลายเดือน (ได้ถ่ายรูปตอนไปเที่ยวภูหลวง ตอนงานปิฯ) ซึ่งในระหว่างนี้ปรากฏอาการเลนส์ติดตอนแบตฯหมด พอเปลี่ยนแบตฯใหม่ก็ใช้การได้ ต่อมาเราไปถ่ายรูปงานรับปริญญาหลาน จึงปรากฏอาการ E18 อย่างถาวร ไม่สามารถเปิดกล้องได้อีก (วันนั้นฝนตกพรำๆ อากาศขมุกขมัว – ชื้นเกินไปหรือเปล่า)

เราเอากล้องไปซ่อมที่ศูนย์แคนนอน ใช้เวลา ๓ อาทิตย์ ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเลนส์ ๒,๕๐๐ บาท (เนื่องจากกล้องเราซื้อจากญี่ปุ่น ถึงจะอยู่ภายในกำหนดรับประกัน ๑ ปี แต่ศูนย์แคนนอนไทยเขารับประกันแต่กล้องไทยเท่านั้น) เขาบอกว่ารับประกัน ๓ เดือนหากมีอาการเสียแบบเดิม เรารับกล้องมาแบบเครียดๆ เพราะจะว่าไปแล้วอาการกล้องเสียของเรามันก็มาจากการใช้งานนั่นแหละไอ้เรามันก็เป็นคนซุ่มซ่าม การที่กล้องจะถูกกระทบกระเทือนก็มีมาก แล้วการไปใช้ในที่สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เมืองไทยมันก็ฝุ่นควันออกตึม แถมเวลาเราไปเที่ยวก็เที่ยวทะเลบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยชอบภูเขา หนาวใจว่ากล้องจะพังเพราะเจออากาศชื้น แต่คิดแบบปลงๆ ว่า ถ้าพังอีกรอบก็บ๊ายบายดีกว่า ไม่ซ่ง ไม่ซ่อมมันแล้ว

ปรากฎว่าเราก็เจอ E18 อีกรอบอย่างที่บอกไปตอนแรก ก็คิดว่ามันน่าจะมาจากที่ตอนที่เราไปซุ่มซ่ามเหยียบหินลื่น หน้าคะมำ หัวเข่าแตก ที่เกาะเต่า กระเป๋ากล้องเปียกเล็กน้อย ไอน้ำทะเลคงเข้าไปตอนนั้น ที่น่าประหลาดใจปนแค้นคือไอ้อาการเสียที่ว่ามันไม่เกิดขึ้นทันที แต่ยังใช้งานได้ไปอีกตลอดทริปบนเรือ แถมยังได้ไปถ่ายรูปที่เขื่อนศรีนครินทร์ตอนที่ไปเปลี่ยนสถานที่กิน-นอนเมื่อสองสัปดาห์ก่อนด้วย (ฝนตกฉ่ำมากๆ นี่คงเป็นอีกหนึ่งใน “สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม” ที่กระตุ้นอาการ E18) แล้ว E18 มันจำเพาะเจาะจงจะมาเกิดเอาเมื่อครบระยะเวลารับประกัน ๓ เดือนไปหมาดๆ

ในเมื่อความซวย (อันเกิดจากความซุ่มซ่าม) มันมาเยือนเช่นนี้ เราก็กะล้างซวยโดยการประกาศยกกล้องให้เพื่อนๆ ทางเว็บบอร์ด โดยบอกว่าให้ไปซ่อมเอาเอง (แต่มีเงื่อนไขอื่นที่ยังไม่ประกาศอยู่ด้วย) ปรากฎว่าไม่มีใครมารับข้อเสนอเรา (คาดว่าจะไม่แน่ใจว่าเงื่อนไขที่ยังไม่เปิดเผยคืออะไร) เราคิดไปคิดมาสุดท้ายตัดสินใจว่า จะเอาไปซ่อมให้ใช้งานได้ แล้วก็จะขาย (อาจจะทางอินเทอร์เน็ต หรือขายที่ร้านกล้อง) เมื่อคืนลองเช็คราคาในเว็บดู รู้สึกว่าของใหม่แกะกล่องราคาแค่ ๙,๕๐๐ เอง ของเราคงขายได้ไม่เท่าไหร่

วันนี้เราเอากล้องไปส่งซ่อม เอาใบเสร็จเก่าให้เขาดู แล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้บอกว่า อาการเดิมที่เคยซ่อมไปมันกลับมาเยือน เขาให้ช่างมาดูช่างบอกว่า ดูเหมือนกับมันมีความชื้นเข้าไปในกล้อง เราก็บอกว่าไปเที่ยวทะเลมา (แต่ไม่ยอมบอกว่าไปทำกระเป๋ากล้องตกน้ำทะเล) เขาบอกว่า จะลองเปิดออกมาเช็คดูให้ แล้วยังไงจะโทรแจ้งอีกที เขาเปิดใบสั่งงานไว้ว่าเป็นการซ่อมอาการเดิม เราคาดว่าเราคงไม่โชคดี คงจะต้องจ่ายค่าเปลี่ยนเลนส์สองพันห้าเท่าเดิม เพราะเขาก็คงเช็คได้ว่าไอน้ำทะเลมันเข้าไป แล้วก็คงจะบอกว่าอยู่นอกเหนือการรับประกัน (แถมเวลารับประกันก็หมดไปแล้วด้วย) ตอนนี้หวังแค่ว่าซ่อมเสร็จแล้วจะขายได้เกินค่าซ่อมเท่านั้นเอง

E18

ตอนที่เราเจอปัญหา E18 ครั้งแรก เราว่าจะเล่าให้ฟังแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เล่า ไหนๆ วันนี้พูดเรื่องนี้แล้วก็เล่าต่ออีกซักหน่อย ตอนที่เราเจอ E18 ครั้งแรก เราก็ไปเสิร์ชทางอินเทอร์เน็ตเผื่อเจอวิธีแก้ แค่ใส่คีย์เวิร์ด Canon กับ E18 เข้าไปมีลิสต์ขึ้นมาเพียบเลย เราไล่ๆ อ่านดูก็พบว่ามีคนเยอะแยะมากมายจากหลายประเทศตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับเรา

เรายังได้รู้ว่านอกจากที่แคนนอนเคลมว่าเป็นความผิดของคนใช้ มีหลายๆ คนไม่ได้ทำกล้องตกและใช้งานอย่างทะนุถนอมแต่ก็ยังเจอ E18 คนพวกนี้โทรไปซักไซ้ไล่เรียง Technical Supoport ของแคนนอนในประเทศของตัวเอง จน Tech Support ยอมรับว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด E18 คือการใช้กล้องในขณะที่แบตฯจะหมด ถ้าเราเปลี่ยนแบตฯตอนที่เลนส์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสุด (เปิดสุดหรือปิดสุด) กล้องจะพยายามไปหมุนชุดเกียร์ผิดทางจนเกียร์ขัดกัน (หรืออะไรประมาณเนี้ยอ่ะนะ) ทำให้ชุดเกียร์พัง พอฟังแบบนี้ ก็มีคนโวยวายว่า ไม่เห็นมีการพูดถึงปัญหาหรือข้อควรระวังนี้ในคู่มือการใช้เลย แบบนี้มันน่าจะเป็น Design Fault ของกล้องมากกว่า

คนที่เจอปัญหาหลายๆ คนยังอยู่ในช่วงรับประกัน ก็เอาไปให้ซ่อม บางศูนย์ก็ยอมเปลี่ยนชุดเลนส์ให้ บางศูนย์ก็ยืนยันนั่งยันว่าเป็นความผิดพลาดในการใช้ นั่นคือลูกค้าต้องออกค่าอะไหล่เอง ศูนย์บริการแต่ละประเทศก็ต่างๆ กันไป แต่โดยรวมๆ เท่าที่ฟัง–อ่าน–ดู จะบริการไม่ค่อยดีพอๆ กัน คือ Call Center ให้คำตอบไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยเต็มใจบริการลูกค้า ตอนส่งซ่อมใช้เวลานาน (ซึ่งอันนี้ก็รวมถึงศูนย์ซ่อมในเมืองไทยที่เราเจอมาด้วย ตอนที่เราเอาไปให้ที่ศูนย์ซ่อมครั้งแรก เราก็ถามเขาว่า มีคนเป็นอาการนี้เยอะไหม เราเสิร์ชทางอินเทอร์เน็ตเขาว่ากันว่ามันเป็น Design Fault ของแคนนอนนะ เขาบอกว่ากล้องที่ส่งมาซ่อมที่มีอาการนี้ก็คือไปทำกล้องตกมา ถ้ากล้องตกมันก็ต้องพังเป็นธรรมดา เราถามว่าไม่มีคนที่ไม่ได้ทำตกมาแต่เป็นอาการแบบนี้เหรอ เขาก็ยืนยันมั่นเหมาะว่าไม่มี ไอ้กล้องเราก็ดันตกมาด้วย ก็เลยเถียงอะไรเขามากไม่ได้)

มีหลายๆ คนที่เจออาการ E18 ซ้ำแล้วซ้ำอีก บางคนบอกว่าวันที่ไปรับกล้อง จะเปิดมาทดสอบ พอเปิดขึ้นมาปุ๊บ E18 ก็ขึ้นที่หน้าจอเลย เจอแบบนี้เขาก็มีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับแคนนอน ลงความเห็นว่าเป็น Design Fault แหงๆ ไม่ใช่อะไรอื่น แต่บางคนก็บอกว่า เจอ Error ที่ว่า แต่ไม่มีปัญหาอะไร เอามือดุนๆ หมุนๆ ที่ตัวเลนส์ หรือเอาเทปใสเขี่ยๆ ในร่องของตัวเลนส์ก็ใช้งานได้ตามปกติ ไม่ต้องซ่อม

ถ้าถามเรา เราว่าปัญหา E18 ของเราเจอ ส่วนหนึ่งก็มาจากที่เราซุ่มซ่ามทำตกหล่นหรือเวลาใช้ไม่ดูแลให้ดีก็พอได้ แต่เราก็ยังคิดว่าอีกส่วนหนึ่งส่วนที่ใหญ่กว่าก็คือการออกแบบที่ผิดพลาดของแคนนอน

ลองนึกดูสิ ว่า การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มันต้องหยิบๆ จับๆ หรือพกพาไปไหนต่อไหน (ไม่ว่าจะโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป กระเป๋าตังค์ กุญแจรถ รีโมทโทรทัศน์) มันต้องมีการตกหล่นหรือกระทบกระแทกกันบ้าง หนักเบาแล้วแต่ความประมาทเลินเล่อของคน (อย่างเราก็อาจจะมากหน่อย) ถ้ากล้องรุ่นนี้มันกระทบกระเทือนไม่ได้เลย เราว่ามันเป็นกล้องที่ไม่เหมาะกับประมาณ ๕๐% ผู้ใช้ทั่วๆ ไป (แม้แต่เก๋ก็ยังทำกล้อง G5 ใหม่กิ๊กหล่นตอนไปเที่ยวหัวหินเลย จำได้ไหม)

เรา “สมมติ” ต่อไปว่า แคนนอนออกแบบกล้องมาสำหรับผู้ใช้ที่มีความระมัดระวังไม่ทำกล้องตกหรือเอาไปกระแทกโดนอะไรเลย มีควารับผิดชอบ ไม่ใช้กล้องในที่มีความชื้น หรือในที่อากาศสกปรก ผู้ใช้ก็ยังต้องไม่ใช้กล้องจนแบตฯหมด จะต้องเปลี่ยนแบตฯในขณะที่ชุดขับเลนส์อยู่ในตำแหน่งสุด (เราได้ยินมาว่า กล้องยี่ห้ออื่นๆ เวลาใส่แบตฯเข้าไป ซอฟท์แวร์ในตัวกล้องจะเช็คและรีเซ็ตตำแหน่งของเลนส์กลับไปที่จุดเริ่มต้น ปัญหาชุดเกียร์ขัดกันจนเสียจะไม่มี) เราอยากจะให้ข้อสังเกตไว้ด้วยว่า กล้องของแคนนอนรุ่นที่มีปัญหานี้ (และอีกหลายๆ รุ่นด้วย) สัญลักษณ์แสดงสถานะของแบตฯเป็นรูปแบตฯเต็มกับรูปแบตฯหมด ซึ่งเราคิดว่าเป็นการออกแบบ “อย่างเหมาะสม” เพื่อ “ช่วย” ผู้ใช้เป็นอันมาก (ช่วยให้เจอกับปัญหา E18 ง่ายขึ้น!!!)

ถึงแคนนอนจะไม่ออกมายอมรับว่าปัญหา E18 เป็น Design Fault แต่กล้องรุ่นหลังๆ ในซีรี่ส์เดียวกัน ก็แก้ปัญหานี้ไปแล้ว อย่างซีรี่ส์ A ที่เราใช้อยู่ A70 ที่ผลิตปีหลังๆ หรือ A80 ก็ไม่ได้ยินว่าเจอปัญหานี้แล้ว เอาเป็นว่า เราจะไม่เป็นแบบบางคนที่ประกาศตัดเป็นว่าตัดตายจะไม่ซื้อกล้องแคนนอนอีกเลย แต่จะทำแบบที่หลายๆ คนบอกไว้ คือว่า โดยรวมๆ Product ของแคนนอนก็ยังน่าใช้อยู่ แต่ก่อนซื้อคงต้องทำการบ้านหนักหน่อย ต้องหาข้อมูลเยอะๆ ว่ารุ่นที่ต้องการไม่มีปัญหา แล้วถึงค่อยตัดสินใจซื้อ