Celebrity Power

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปทอดกฐินอีกแล้ว การทอดกฐินจะทอดได้แค่ปีละ ๑ ครั้งเท่านั้น คือช่วงหลังจากออกพรรษาประมาณ ๑ เดือน ความจริงทอดได้ทุกวันใน ๑ เดือนนี้ แต่ความที่เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ทางวัดเขาก็เลยอำนวยความสะดวก จัดทอดกฐินวันเสาร์วันอาทตย์แทน ทีนี้ก็เหลือแค่ ๘-๙ วันแทนที่จะเป็น ๑ เดือนละซี ลองนึกดูว่าวัดทั่วประเทศไทยมีกี่วัด… มากมายนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นช่วงนี้เสาร์อาทิตย์เรากลับบ้านไปก็ไม่ต้องทำอะไรหรอก แม่ชวนไปทอดกฐินเป็นงานหลัก

คราวนี้ไปวัดศรีมฤคทายวันที่ราชบุรี คนที่เป็นประธานทอดกฐินเป็นนายกเทศมนตรีของสมุทรสงคราม เตี่ยรู้จักกับเขา เขาก็เลยเชิญไปร่วมทำบุญ เราเพิ่งเคยไปวัดนี้เป็นครั้งแรก ดูท่าทางจะเป็นวัดดัง เพราะใหญ่โต มีศาลาหลายหลัง มีลูกศิษย์ลูกหามาเพียบเลย คนเดินเป็นมดเชียวหละ เขาสร้างศาลาใหม่อีกหลังนึง ยังไม่เสร็จ แล้วดูท่าทางคงต้องใช้เงินอีกเยอะ เพราะศาลาเขาใหญ่มาก แถมมี ๒ ชั้นอีกตะหาก

หลวงพ่อวัดนี้เขาตาบอด มองไม่เห็น เวลาเดินไปไหนๆ ต้องมีลูกศิษย์พาเดิน แม่บ่นว่าอึดอัดแทนหลวงพ่อ เพราะท่านมองไม่เห็น เราว่าถ้างั้นคงต้องอึดอัดแทนคนตาบอดทั่วประเทศ ไม่รู้สิใครจะว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม เราว่าก็ไม่เชิงซะทีเดียว การเป็นคนตาบอดก็ไม่ต้องเห็นอะไรที่มันร้ายๆ ไม่น่าดู มีสิทธิ์ที่จะจินตนาการถึงแต่สิ่งที่มันสวยๆ งามๆ นึกได้แบบนี้ก็ไม่เศร้า ไม่อึดอัดแทนเขา

เรานั่งรอทอดกฐินอยู่ใกล้ๆ กับที่ที่พระนั่งพรมน้ำมนต์ ความที่รู้ว่าต้องรอนานก็เลยเอาหนังสือไปนั่งอ่าน อ่านๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงดังผัวะๆ เงยขึ้นมาดู ก็เห็นพระที่พรมน้ำมนต์เขาเอาที่พรมน้ำมนต์เคาะหัวลูกศิษย์ที่นั่งพนมมืออยู่ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร แต่พอซักพัก เห็นพระเอาที่พรมน้ำมนต์เคาะหัวลูกศิษย์ที่เป็นผู้หญิง เรากับแม่ก็หันมามองหน้ากัน เอ๊ะ… แบบนี้ศีลไม่ขาดเหรอ? พอดีเพื่อนเตี่ยกับแม่ที่เป็นผู้ชายไปด้วย แม่เลยไปถามเขาว่า เคยบวชหรือเปล่า พอเขาบอกว่าเคย แม่ก็ถามว่า พระเอาที่พรมน้ำมนต์เคาะหัวสีกาได้เหรอ ศีลไม่ขาดเหรอ เขาบอกว่าเคาะได้ ไม่เป็นไร ไม่ได้โดนตัว ศีลไม่ขาด แต่แม่ก็ยังทำหน้าแบบไม่ค่อยจะเชื่อ

เรารู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เห่อคนดัง ทอดกฐินคราวนี้ความจริงมีเจ้าภาพหลายคน คนที่ได้เป็นประธานก็คือ นายกเทศมนตรี มีเจ้าภาพอีกกลุ่มหนึ่งมาจากกรุงเทพฯ เป็นคณะของผู้จัดละครจากดาราวีดีโอ โฆษกประกาศชื่นชม ว่ามีเจ้าภาพกองกฐินเป็นดารามาด้วย (แต่ขอโทษเถอะ ไม่มีดาราที่เรารู้จักซักคน คงเป็นดาราที่ไม่ค่อยดังเท่าไร) เราไม่เข้าใจว่าการเป็นดารามันมีเกียรติน่าชื่นชมกว่าชาวบ้านธรรมดาแค่ไหน ถึงจะได้สิทธิ์พิเศษมีการประกาศต้อนรับ

เราเป็นคนขวางโลกชอบหมั่นไส้คนที่เขาเด่นกว่า ชอบจับผิดคนอื่นมากเกินไป ขนาดไปทำบุญก็เที่ยวไปหมั่นไส้จับผิดเขาอีก ก็กลุ่มดาราที่ว่าเนี่ยเขามาสายนี่นา ตามกำหนดเขาจะต้องมีการแห่กองกฐินรอบวัดก่อนจะถวายพระ คนอื่นๆ ก็หอบข้าวของก็ลงจากศาลาไปตั้งขบวน พวกกลองยาวก็ตีโมงเท่งโมง พอจะเริ่มแห่คณะดาราเขาก็มาถึง คนอื่นๆ ก็เลยต้องหยุดรอเพราะคณะดาราบอกว่าจะเขาจะร่วมแห่ด้วย เราสงสัยว่าถ้าไม่ใช่คณะดาราเขาจะหยุดรอไหม… แต่จะว่าไปคนอื่นที่ไม่ใช่ดาราเขาก็คงไม่กล้ามาสาย

พอแห่เสร็จคณะดาราเขาก็รีบขึ้นมาบนศาลา ทางวัดเขาจัดเก้าอี้ไว้ส่วนหนึ่ง ตรงใกล้ๆ กับที่พระนั่งพรมน้ำมนต์ (ก็คือตรงที่เรานั่งอ่านหนังสือก่อนไปแห่กฐินรอบโบสถ์นั่นแหละ) ความจริงเขาก็ไม่ได้กันเอาไว้ให้ใครนั่งเป็นพิเศษ ใครเดินมาถึงก็นั่งได้เลย แต่พอพวกดาราขึ้นมา เขาก็รีบทำมือทำไม้จองที่จะให้พรรคพวกตัวเองมานั่ง แถมยังจะมาเอาเก้าอี้ที่เรานั่งอยู่และจองไว้ให้แม่อีกต่างหาก เราต้องบอกว่า เก้าอี้นี้มีคนนั่งค่ะ แบบว่าสุดท้ายก็กลายเป็นว่ามีแต่พวกดาราที่ได้นั่งตรงเก้าอี้นี้ คนอื่นไม่กล้ามานั่งเพราะดาราเขาทำราวกับที่นี้เตรียมไว้ให้เขา (ยกเว้นเรา แม่ เตี่ย กับเพื่อนๆ เตี่ยที่มาด้วยกัน เพราะเผอิญเราไม่สนใจว่าจะเป็นดารง ดาราอะไร เรานั่งอยู่ก่อนแล้วไม่ลุกให้หรอก)

อืมม์… แต่จะว่าไปก็โทษพวกดาราเขาฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก เราว่าคนทั่วๆ ไปก็ปฏิบัติกับเขาแตกต่างจากคนธรรมดาเอง ไปให้อภิสิทธิ์เขา ทำราวกับเขาเป็นคนที่เหนือกว่าคนอื่น มากๆ เข้า เขาก็เกิดเคยความชินกัน คาดหวังว่าต้องได้รับการปฏิบัติที่พิเศษกว่า สะดวกสบายกว่าคนอื่นๆ ตลอดเวลา มีความเกรงใจคนอื่นน้อยลง เป็นอาการของพวกผู้มีอำนาจไง แต่ยังไงพวกดาราก็ยังไม่ร้ายเท่าพวกนักการเมืองหรอกนะ (อ้าว… ไหงมาเข้าเรื่องนี้ได้… ชักไม่ปลอดภัยแฮะ)

สรุปว่าเมื่อวานไปทอดกฐินไม่ได้บุญหรอก เพราะจิตใจไม่บริสุทธิ์ มัวแต่ไปคิดอคติ หมั่นไส้ ขวางหูขวางตากับการกระทำของคนอื่น ไม่รู้จักปล่อยวาง… สงสารแม่ อุตส่าห์ชวนลูกสาวไปทำบุญ หวังให้กุศลส่งให้ได้พบเนื้อคู่ ท่าทางคงต้องรออีกหลายชาติ (เอิ๊กๆๆ)


ลป. จะว่าไปไปทอดกฐินคราวนี้ก็ไม่ได้เสียเที่ยวซะทีเดียว เพราะเราก็ได้เห็น "ธงจระเข้" คราวที่แล้วที่เราไปทอดกฐินวัดหนองขาม หลวงพ่อเทศเรื่องเศรษฐีไม่ยอมทำบุญ ตายไปกลายไปเป็นจระเข้ แล้วก็พูดว่านี่เป็นเรื่องเล่าว่าทำไมเราถึงได้เห็นจระเข้ตามที่ต่างๆ คือเราฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจบเอามากระเดียดอ่ะนะ จริงๆ แล้วหลวงพ่อท่านพูดถึง ธงจระเข้ ที่ติดที่วัดต่างหาก เรามาถึงบางอ้อเอาคราวนี้เอง เพราะตอนแห่กฐินเขาเอาธงนี้มาแห่ด้วย เป็นเหมือนธงญี่ปุ่น พื้นสีขาวมีรูปจระเข้สีเขียว (ไม่แน่ใจว่ามันจะเหมือนกันทุกวัดหรือเปล่า ลืมถามอีกแล้ว) แม่เราบอกว่า ธงนี้ พอแห่กฐินเสร็จเขาจะเอาไปติดไว้เป็นสัญลักษณ์ ถ้าวัดไหนมีธงจระเข้ติดที่หน้าวัด ก็เป็นที่รู้กัน ว่าวัดนี้ทอดกฐินไปแล้ว ใครผ่านไปตามวัดต่างๆ ช่วงนี้ลองสังเกตดู เพราะน่าจะทอดกฐินกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ (อาทิตย์หน้าเป็นอาทิตย์สุดท้ายของฤดูกาลทอดกฐิน)