เลิกมีนัดกับหนุ่มแล้ว
ตอนนี้ซีรี่ส์ The Guardian ทางช่อง Hallmark จบไปแล้ว ตอนนี้เลยไม่มีนัดกับพี่นิคทุกวันตอนสี่ทุ่มยี่สิบอีกแล้ว เราไม่ได้ดู Season Finale ด้วยซ้ำ แต่ไปดาวน์โหลดสคริปท์มาอ่านนะ ดาวน์โหลดมาหมดเลย ตอนไหนที่พลาดหรือฟังไม่ทันก็มาอ่านๆ เอา เราดูจากทิศทางของเรื่อง แล้วก็เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็น Season สุดท้าย คือเรื่องมันชักจะหดหู่เกินกว่าจะรับได้ ขนาดเราดูๆ ไปบางทียังคิดว่า ซีรี่ส์อะไรวะหดหู่เป็นบ้า นั่งดูอยู่สี่สิบห้านาที คิ้วขมวดตลอด พอดูจบก็ถอนหายใจ แล้วคิดว่า เออ... มีความสุขดี เพราะชีวิตเรายังไม่นรกเท่าพวกตัวละครในซีรี่ส์นี้

อย่างมีอยู่ตอนหนึ่งชื่่อตอน Bachelor Party ถ้าเป็นหนังหรือซีรีส์อื่นๆ ชื่อแบบนี้นี่เดาไปก่อนเลยว่าจะต้องมีพวกหนุ่มๆ จัดงานฉลองกันให้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างสุดสวิงริงโก้ก่อนงานแต่งงาน แต่ใน The Guardian ว่าที่เจ้าบ่าวมาบอกพี่นิคว่าจะแต่งงาน ขอให้พี่นิคเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว พร้อมกันนั้นก็บอกว่า เขาเป็น ALS และกำลังจะตาย (ALS เป็นอาการที่สมองไม่สามารถสั่งการทำงานไปยังอวัยวะและกล้ามเนื้อต่างๆ ได้ มันจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ คนที่เป็นจะค่อยๆ พิการเคลือนไหวไม่ได้ สุดท้ายก็ตายในที่สุด เป็นโรคที่ยังไม่มีทางรักษา และที่อเมริกาไม่มีงบในการทำวิจัยเพื่อการรักษาให้มากนัก เพราะเขาให้งบตามจำนวนคนป่วยต่อประชากร คนที่ำทำงานต่อสู้เพื่อคนเป็นโรค ALS บอกว่า คนป่วยเป็นโรค ALS มีชีวิตได้ไม่นานก็ตาย ดังนั้นเมื่อดูเป็น Snapshot ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จะดูว่าจำนวนคนป่วยและคนตายด้วยโรคนี้มีไม่มาก) ในที่สุดพี่นิคกับว่าที่เจ้าบ่าวไปฉลอง Bachelor Party กันสองคนที่แอลเอ เพราะได้ยินมาว่าที่แอลเอมี Spiritual Doctor ที่ช่วยรักษาคนเป็น ALS ได้ (ถ้าเป็นแบบไทยๆ ก็คือไปหาพวก “หมอพระ-หมอผี” ที่ชาวบ้านร่ำลือว่ารักษาได้ทุกโรค)

ออกไปเรื่อง ALS อีกแล้ว กลับมาที่ The Guardian อีกที เราว่าถ้าซีบีเอสไม่สั่งยกเลิกโชว์นี้หลัีงจากจบ Season ที่ ๓ ก็คงจะทำต่อได้อย่างมากแค่อีก Season เดียว เพราะนอกจากความหดหู่ที่ว่าไปแล้ว คอนเซ็ปท์ของเรื่องจะเปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่พี่นิคที่เป็นทนายของสำนักงานทนายชื่อดังที่พ่อตัวเองเป็นเจ้าของ ไปพร้อมกับทำงานเพื่อสังคมที่ LSP (สำนักงานทนายที่ช่วยเหลือคนไม่มีเงินจ้างทนาย) ตามคำสั่งของศาลเพื่อแลกกับการไม่ต้องติดคุกในคดียาเสพย์ติด ความน่าสนใจของพล็อตมันอยู่ตรงที่ Conflict ที่พี่นิคต้องเจอ บ่อยครั้งมากที่ลูกความของพี่นิคที่ LSP มีเรื่องฟ้องร้องกับบริษัทที่เป็นลูกค้าของสำนักทนายของพ่อ (พี่นิคก็ต้องขอพ่อถอนตัวเองออกจากคดี เพราะ conflict of interest ที่แปลเป็นไทยว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้าพี่นิคอยู่ในเมืองไทย คงทำงานได้ทั้งสองฝ่าย เพราะเมืองไทยคำว่า conflict of interest แปลว่า ถ้าสื่อมวลชนไม่เอามาแฉก็ไม่เป็นไร)

ตอนท้ายๆ ของ Season ๓ นี่ พี่นิคทำงานครบตามที่ศาลกำหนดแล้ว (๑๕๐๐ ชั่วโมง) แต่ชีวิตก็พลิกผันโดนขับออกจากบริษัทของพ่อตัวเอง แล้วย้ายไปทำงานที่สำนักงานทนายความอีกแห่งหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกทนไม่ไหวกับการทำคดีที่มุ่งเน้นผลกำไรมากกว่าความถูกต้อง ตอนสุดท้ายของ Season จบไว้ที่ พี่นิคต้องตกกระไดพลอยโจนรับเป็นหัวหน้าของ LSP แทนแฟนตัวเองที่เพิ่งคลอดลูก และตัดสินใจว่าจะทำงานพาร์ทไทม์และใช้เวลาที่เหลือเลี้ยงลูกที่เป็นดาวน์ซินโดรม...

แต่มานึกดูอีกที สมมติว่าถ้ามี Season ๔ มันอาจจะไม่หดหู่มากแล้วก็ได้ เพราะพี่นิคเป็นคนรวย ทำงานกับ LSP เงินไม่เยอะแต่ก็สบายใจ แต่ถ้าพี่นิคมีความสุขก็จะเสียคอนเซ็ปต์ของ The Guardian ที่ชีวิตพี่นิคและคนรอบข้างต้องรันทดหดหู่อีกหรือเปล่า อ่ะนะ.. เอาจบไว้แค่นี้ก็ดูเหมือนจะโอเคดี เสียแต่ทำให้ชีวิตเราขาดๆ อะไรไปอย่างหนึ่งอ่ะสิ

รักพี่เสียดายน้อง

ตอนนี้ช่องเจ็ดมีละครวันจันทร์อังคารเรื่องใหม่ (ความจริงเริ่มมาได้หลายสัปดาห์แล้วหละ) ชื่อเรื่อง “กลับบ้านเรานะ รักรออยู่” ทีแรกเราเห็นโฆษณาก็นึกว่า โฮ้ย... ละครน้ำเน่าไร้สาระมาอีกแล้ว แต่พอเราดูๆ ไปแล้วก็เพลินเชียว ตอนหลังก็อดติดตามเรื่อยๆ ไม่ได้ เขามีน้องอ้อมเป็นนางเอก มีตาบรู๊คเป็นพระเอก (เราได้อ่านข่าวจากไทยรัฐว่า ตอนแรกพระเอกที่กำหนดไว้คือ ว่าน ภูวฤทธิ์ ที่เล่นเรื่อง โอเคเบตง กับ โหมโรง แต่พอเริ่มถ่ายไปได้หน่อยหนึ่ง ว่านดันไปรับงานเป็นพระรองของละครอีกช่องหนึ่ง – ซึ่งเราเดาว่า คือ เรื่องวังน้ำวนของช่อง ๓ – คุณนายแดงเจ้าแม่ช่องเจ็ดไม่พอใจเป็นอันมาก ก็เลยสั่งเปลี่ยนตัวพระเอกกระทันหัน ส้มเลยไปหล่นที่อีตาบรู๊คหลานรักของคุณนายแดง)

ที่ว่าอดติดตามดูเรื่อยๆ ไม่ได้ก็เพราะว่าดูเอาบันเทิงล้วนๆ ไม่ต้องคิดมากอ่ะนะ น้องอ้อมน่ารักดีอ่ะ บ๊องๆ แก่นๆ น่ารักดี แบบว่าเราชอบน้องอ้อมอยู่แล้วอ่ะนะ ทำอะไรก็เลยดูดี๊ดูดี (ปกติเราดู “บางรักซอย ๙” ที่น้องอ้อมเล่นเป็นประจำสม่ำเสมอ ตอนนี้ก็เลยต้องเพิ่มเรื่อง กลับบ้านเราฯ เข้าไปด้วย) ส่วนพระเอกนั้น ปกติเราไม่ค่อยชอบตาบรู๊คเท่าไหร่ เราว่าเขาเล่นทื่อๆ ไม่มีเสน่ห์ แต่เรื่องนี้ก็ดูโอเคไม่ขัดตา สงสัยได้บารมีความน่ารักของน้องอ้อมมาช่วยส่งเสริม

เมื่อวานเรากลับบ้านไปดูน้้องอ้อม ระหว่างโฆษณาเปลี่่ยนไปช่อง ๓ เจอฉากบ้านเมืองแปลกตา ก็เลยดูว่ามันละครเรื่องอะไร ปรากฏว่าเป็นเรื่อง ภูแสนดาว ดูคร่าวๆ เป็นเรื่องเจ้าๆ นายๆ ของเมืองสมมติชื่อแปลกๆ ที่มีการปกครองแบบที่มีกษัตริย์เป็นประมุข (เขาไปถ่ายทำที่เวียดนาม ดูละครไปก็ได้เที่ยวเวียดนามไปด้วย คุ้มเชียว) ประมาณว่าลูกสาวเจ้าครองนครต้องมาผจญภัยกับผู้ชายธรรมดาและคาดว่าจะหลงรักกันในที่่สุด น้ำเน่าอีกแร้ว

แต่ไม่อยากจะสารภาพเลยว่าอีฉันก็ชอบเรื่องน้ำเน่าประมาณนี้อ่ะ ทำให้นึกถึงเรื่อง เมืองดาหลา (หรือเปล่า) ที่มีกัปตันเล่นกับน้องอ้อม (อีกแล้ว) อ่ะ แล้วก็นึกไปถึงพวกนิยายประมาณ “ในฝัน” หรืออื่นๆ อีกหลายเรื่องของทมยันตีอ่ะ (ใครไม่ชอบเจ๊ทม เราชอบ!!) เรื่องแบบนี้ก็รู้สึกว่าอยากติดตามดู เขามีเจนนี่กับชาคริตเป็นคู่พระคู่นางก็โอเค เจนนี่ก็น่ารักดี ส่วนชาคริตนั้่นเราว่าเขาเล่นยังไงๆ ก็เป็นตัวเขา แต่บทคราวนี้ก็ดูไม่ขัดมาก (เป็นอาจารย์มหาลัยอาจจะขัดๆ ไปหน่อย แต่เป็นผู้ชายที่ลังเลไม่ยอมแต่งงานซะที่นี่ ค่อนข้างจะตรงกับตัวจริงแฮะ)

สองเรื่องสองรส ดูแบบเอาบันเทิงไม่ต้องคิดมากทั้ืงคู่ (เหมาะสำหรับฤดูกาลที่ต้องทำ Mandatory Overtime เป็นอย่างยิ่ง) เสียอยู่อย่างเดียว สองเรื่องนี้ฉายวันเดียวกันแต่คนละช่อง อีฉันรักพี่เสียดายน้องเป็นอันมาก เมื่อวานนั่งกดรีโมทสลับไปสลับมาจนเมื่อยมือเลยอ่ะ เฮ้อ....